ป.ป.ช.เปิดเผยผลคะแนนคุณธรรมความโปร่งใสหน่วยงานรัฐ ปีงบประมาณ 63 พบได้เกรด C คะแนนเฉลี่ยแค่ 67.9 แบงก์ ธอส.แชมป์ หน่วยงานได้คะแนนสูงสุด 99.6 อบต.สะอาด ร้อยเอ็ด บ๊วย 28.16 ชี้อุปสรรคสำคัญอยู่ในด้านเปิดเผยข้อมูล เตรียมชง ครม.รับทราบ-นำเสนอใส่แผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ
วันที่ 28 กันยายน 2563 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จัดงาน “ITA DAY 2020 - Talks and Result Announcement” ซึ่งภายในงานมีการจัดเวทีสนทนาและประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ(ITA) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563
โดยพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.บรรยายในหัวข้อ "การประกาศผลการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563: ข้อค้นพบเกี่ยวกับคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐในสายตาของคนไทยทั่วประเทศ"ว่า คะแนนเฉลี่ยนปี 63 อยู่ที่ 67.90 คะแนน หรือ ระดับ c โดยหน่วยงานที่ได้คะแนนสูงสุดคือ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ได้คะแนน 99.60 ส่วน อบต.สะอาด จ.ร้อยเอ็ด ได้ 28.16 คะแนน
ทั้งนี้ มีหน่วยงานที่ผ่านเกณฑ์หรือได้คะแนน 80 คะแนนขึ้นไป เพียงร้อยละ 13.19 โดยผลการประเมินเมื่อจำแนกตามประเภทหน่วยงาน พบว่า ประเภทองค์กรศาลได้ 91.41 คะแนน ระดับ A ประเภทองค์กรอัยการ ได้ 71.30 คะแนน ระดับ C ประเภทองค์กรอิสระ ได้ 89.44 คะแนน ระดับ A ประเภทหน่วยงานในสังกัดรัฐสภา ได้ 93.06 คะแนน ระดับ A ประเภทกรมหรือเทียบเท่า 85.59 คะแนน ระดับ A ประเภทรัฐวิสาหกิจ ได้ 85.60 คะแนน ระดับ A ประเภทองค์กรมหาชน ได้ 85.02 คะแนน ระดับ B ประเภทหน่วยงานของรัฐอื่นๆ ได้ 83.47 คะแนน ระดับ B ประเภทกองทุน ได้ 83.42 คะแนน ระดับ B และประเภทสถาบันอุดมศึกษา ได้ 87.46 คะแนน ระดับ A
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า ผลลัพธ์จากการประเมิน ITA เป็นสัญญาณที่ดีของการมีส่วนร่วมต่อต้านการทุจริต ซึ่งมีคนร่วมประเมิน 1,301,665 คน มากขึ้นกว่าปี 2562 ส่วนเรื่องการบรรลุเป้าหมายที่กำหนดให้ในปี 2565 ต้องมีหน่วยงานได้คะแนนจากการประเมิน 85 คะแนน ร้อยละ 80 ของทุกหน่วยงาน ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ยากและท้าทาย นอกจากนั้นยังพบว่ามี 499 หน่วยงานได้คะแนนระดับต่ำ หรือเป็นค่า F ขณะที่หน่วยงานส่วนกลางค่าประเมินจะอยู่ในระดับกลางไประดับสูง ส่วนหน่วยงานส่วนภูมิภาคและหน่วยงานท้องถิ่นจะอยู่ในระดับกลางไปต่ำ และยังพบว่าหน่วยงานภาครัฐยังมีจุดอ่อนเรื่องการเปิดเผยข้อมูล รวมทั้งการพัฒนาเรื่อง e-service ซึ่งมีหน่วยงานที่พัฒนาได้เพียง 1,522 หน่วยงานเท่านั้น ขณะที่หน่วยงานส่วนใหญ่ยังให้บริการแบบ e-service ได้
ส่วนข้อค้นพบคุณธรรมความโปร่งใสของหน่วยงายรัฐในสายตาคนไทย พบว่า พฤติกรรมการรับสินบนมีแนวโน้มลดลง หน่วยงานภาครัฐเคร่งครัดต่อการเบิกจ่ายงบประมาณที่ถูกต้อง ส่วนการเปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแผนการใช้จ่ายงบประมาณและสร้างการรับรู้ด้านการใช้จ่ายงบประมาณยังไม่มากพอ หากเปิดเผยข้อมูลการรั่วไหลจะลดลง ขณะที่กลไกการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้งบประมาณภายในหน่วยงานรัฐยังไม่มากเพียงพอ ขณะที่พฤติกรรมของผู้บังคับบัญชาหรือผู้บริหารสั่งการให้ทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องนั้นมีทิศทางที่ลดลง
ขณะที่การบริหารงานภาครัฐมีธรรมาภิบาลมากขึ้น พฤติกรรมการเอาทรัพย์สินของราชการ ไปเป็นของส่วนตัวมีแนวโน้มลดลง แต่เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่มั่นใจในการจัดการเรื่องร้องเรียนการทุจริตในหน่วยงาน ซึ่งเรื่องนี้ยังเป็นปัญหาอยู่ แม้ ป.ป.ช.จะมีมาตรการการกันพยาน หรือมาตรการการจ่ายเงินให้ผู้แจ้งเบาะแสการทุจริต ซึ่งศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยว่า ป.ป.ช.สามารถจ่ายเงินให้ผู้แจ้งเบาะแสการทุจริตได้แล้ว จากก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ไม่กล้าจ่ายเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ ดังนั้นหวังว่ามาตรการต่างๆ จะทำให้เจ้าหน้าที่รัฐมีความเชื่อมั่นมากขึ้นได้
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะเสนอผลการประเมินให้คณะรัฐมนตรีรับทราบต่อไป ซึ่งคิดว่าผู้นำประเทสคงสนใจและอาจจะตกใจเหมือนกันที่คะแนนยังอยู่ระดับต่ำ และจะนำผลการประเมิน ITA ไปเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายต่อแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือเพื่อยกระดับการประเมิน รวมทั้งเร่งเพิ่มประสิทธิภาพการเปิดเผยข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ
ด้านนายวันฉัตร สุวรรณกิตติ ที่ปรึกษาด้านนโยบายและแผนงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ บรรยายในหัวข้อ "การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐ: ดวามจำเป็นต่อการพัฒนาประเทศและการเสริมสร้างความโปร่งใส" ว่า ITA สำคัญมาก เป็นเป้าหมายหนึ่งของแผนแม่บทในยุทธศาสตร์ชาติ หากหน่วยงานใช้ ITA เป็นเครื่องมือในการทำงาน จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้ ITA ไม่ใช่เครื่องมือจับผิด ไม่ใช่เครื่องมือจับโกง แต่จะเป็นเหมือนเครื่องเตือนให้เห็นว่าหน่วยงานเราอยู่ตรงไหนและควรพัฒนาต่อไปอย่างไร ดังนั้นจึงขอฝากหน่วยงานกว่า 8 พันหน่วยงาน ทำงานโดยใช้ ITA เป็นเครื่องมือในการพัฒนาการทำงานให้ไปถึงมาตรฐาน ส่วนการเปิดเผยข้อมูลวันนี้เราเร่งเปิดมากขึ้นแล้ว หลายข้อมูลเข้าถึงได้และอยู่ในรูปแบบข้อมูลดิจิตอลทั้งหมด ดังนั้นหากทุกหน่วยงานช่วยกันเปิดเผยข้อมูล ก็จะทำให้นำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐได้ เพื่อให้ประชาชนได้นำข้อมูลไปใช้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกคน
นายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) บรรยายในหัวข้อ "ไขปริศนา คอร์รัปชัน" ว่า ระหว่างปี 58-61 เรามีมาตรการและคำสั่งเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น กว่า 159 มาตรการต่อต้านคอร์รัปชั่น แต่ที่ผ่านมาการคอร์รัปชั่นยังไม่หมดไป การเปิดเผยข้อมูลจะเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะการแก้ปัญหากาคอรรัปชั่นเป็นเรื่องของทุกคน อย่าหวังให้รัฐบาลทำฝ่ายเดียว ด้วยการเปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยเทคโนโลยีในปัจจุบันจะทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และจะนำไปสู่ผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนทุกคน
นายพริษฐ์ วัชรสินรุ หรือ “ไอติม” บรรยายหัวข้อ "องครักษ์พิทักษ์ประชาธิปไตย : การติดอาวุธเยาวชน ในการติดตามและตรวจสอบการเลือกตั้ง" ว่า การเป็นประชาธิปไตยกับการปรับดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นเป็นไปในทิศทางเดียวกัน มีความสัมพันธ์กัน ประเทศใดที่มีประชาธิปไตยสูงจะทำให้ภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นดีขึ้น ดังนั้นการส่งเสริมประชาธิปไตยและการลดการทุจริตต้องทำควบคู่กัน ทั้งนี้อยากบอกภาครัฐอย่ามองว่าการตรวจสอบภาคประชาชนเป็นศรัตรู เพราะการตรวจสอบภาคประชาชนจะเป็นการเสริมการตรวจสอบภาครัฐ ดังนั้นควรสนับสนุนและอำนายความสะดวกการตรวจสอบของประชาชนทุกมิติ นอกจากนั้นภาครัฐจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลที่เข้าถึงได้ง่าย และมีช่องทางชัดเจนในการแจ้งเหตุเพื่อป้องกันการทุจริต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี