"ศรีสุวรรณ"ส่งหลักฐานใหม่ 2 ลังเพิ่มเติมให้ปลัดยธ.ในฐานะคณะกก.ฟื้นคำร้องคดีอาญาฯสั่งรื้อฟื้นคดีทุจริตคลองด่าน คาดอีก 2 เดือนรู้ผล เผย”วัฒนา อัศเหม""พร้อมเดินทางกลับไทยสู้คดี ยกเหตุหนีคดี"ทักษิณ"ใช้อำนาจบีบยึดพรรคราษฎรควบรวม ทรท.
วันที่ 29 ก.ย.63 กระทรวงยุติธรรม นายศรีสุวรรณ จรรยา ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้นำเอกสารจำนวน 2 กล่องประกอบด้วย สำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงและบัญชีพยานโจทก์ คำฟ้องคำให้การ คำพิพากษา บัญชีระบุพยาน คำแถลงการณ์ปิดคดีอาญานักการเมือง และอื่นๆยื่นให้คณะทำงาน ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเพิ่มเติม เพื่อขอรื้อฟื้นคดีทุจริตคลองด่านและกลับมาสู้คดี โดยในวันนี้ (29ก.ย.)ตนได้นำเอกสารมายื่นเพิ่มเติมให้คณะทำงานของรมว.ยุติธรรม เนื่องจากคณะทำงานฯขอให้ตนเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีทุจริตคลองด่านของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและศาลแขวงดุสิตเพื่อขอรื้อฟื้นคดี
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ภายหลังจากเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ตนได้เคยมีหนังสือยื่นขอรื้อฟื้นคดีดังกล่าวมาแล้ว โดยคณะทำงานฯจะนำเอกสารทั้งหมดไปตรวจสอบว่าคดีเข้าเงื่อนไขการขอรื้อฟื้นคดีหรือไม่ และมีพยานหลักฐานใหม่ที่เชื่อว่าสามารถหักล้างคดีเดิมได้ที่เคยไต่สวนกันมาแล้ว หรือมีพยานหลักฐานอื่น ซึ่งขณะนี้เรามีทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร ที่เป็นคำร้องของป.ป.ช.ที่ยกคำร้องข้อกล่าวหาและพยานบุคคลซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดินที่ไปเดินสำรวจรังวัดที่ดินดังกล่าว รวมถึงผู้ที่เคยร้องเรียนนายวัฒนากับป.ป.ช.ซึ่งพร้อมที่จะให้การเป็นคุณต่อนายวัฒนา
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า หลักฐานที่มีในขณะนี้น่าจะเพียงพอต่อการขอรื้อฟื้นคดีได้สำหรับรายละเอียดในทางคดี หลังจากนายวิศิษฎ์ วิศิษฎ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณารับคำร้องขอการรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ ซึ่งมีมติเห็นชอบให้รื้อคดีได้ ทางกระทรวงยุติธรรมจะเป็นผู้ยื่นคำร้องขอรื้อฟื้นคดีต่อศาล ซึ่งทางทนายก็จะยื่นคำร้องขอร่วมรื้อฟื้นคดีด้วย โดยรายละเอียดทั้งหมดจะไปว่ากันในชั้นศาล
“การพิจารณาขอรื้อฟื้นคดีตามระเบียบของกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดระยะเวลาไว้ 60วัน หากคณะกรรมการฯมีมติให้รื้อฟื้นคดีนายวัฒนา ก็จะเดินทางกลับจากต่างประเทศ เพื่อมารายงานตัวต่อศาลและขอประกันตัวสู้คดี พร้อมกันนี้ จะขอให้คณะกรรมการฯพิจารณากรณีการหนีหมายจับของศาลโดยอ้างเหตุที่หลบหนีหมายศาลในช่วงนั้นว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง เนื่องจากเป็นช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจทางการเมิอง และต้องการให้ควบรวมพรรค(ราษฎร)ของนายวัฒนา เข้ามารวมกับพรรคไทยรักไทยในขณะนั้น ซึ่งนายวัฒนาไม่ยอมจึงถือเป็นเหตุทางการเมืองด้วย ดังนั้น นายวัฒนาเห็นว่าหากยังอยู่ในประเทศไทยจะไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน จึงตัดสินใจหนีออกไป”นายศรีสุวรรณ กล่าว
ทนายความของนายวัฒนา ยังระบุอีกว่า ได้ทราบจากญาติและครอบครัวว่าปัจจุบันนายวัฒนามีสุขภาพแข็งแรง แต่คิดถึงบ้านเนื่องจากเดินทางไปมาระหว่างฮ่องกงและกัมพูชา ส่วนตัวตนได้โทรหารือข้อกฎหมายกับนายวัฒนา แต่ยังไม่เคยได้พบตัวที่ผ่านมาก็ได้คุยกับนายชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม โดยปัจจุบันนายวัฒนามีอายุ 88 ปี
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวนายวัฒนา ได้ถูก ป.ป.ช. ตัดสินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ซึ่งถือเป็นโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ที่มีศักยภาพในการบำบัดน้ำเสียมากที่สุดในเอเชียในขณะนั้น โดยนายวัฒนา ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ทำการกว๊านซื้อดินจากชาวบ้านในราคาถูกและได้ออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบรุกล้ำที่ดินสาธารณะประโยชน์ แล้วนำไปขายต่อให้รัฐโดยปั่นราคาขึ้นจาก 1 แสนบาท/ไร่ เป็น 1.1 ล้านบาท/ไร่ รวมกว่า 1,903 ไร่ หลังจากนั้นในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ศาลนัดฟังคำพิพากษา แต่นายวัฒนา กลับไม่ได้เดินทางมา จนต่อมามีข่าวว่านายวัฒนาได้เดินทางหนีออกจากประเทศผ่านประเทศกัมพูชา ปัจจุบันนายวัฒนา อยู่ระหว่างการหลบหนีหมายจับตามคำพิพากษาจำคุกในคดีทุจริตต่อหน้าที่ราชการศาลพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 10 ปี และให้ริบพระผงสุพรรณเลี่ยมทองของกลาง พร้อมกับออกหมายจับเพื่อติดตามตัวจำเลย มารับโทษ และปรับเงินนายประกัน 2ล้าน2แสนบาทถ้วน ต่อมานายวัฒนา ได้ยื่นขออุทธรณ์คดีดังกล่าว แต่ศาลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยไว้พิจารณา จนกระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 ศาลแขวงดุสิตนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาโดยมีคำสั่งให้ออกหมายจับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี