คนใกล้ชิดตระกูลชินวัตรพรึ่บ!
เพื่อไทยจัดทัพ
‘สมพงษ์’หน.-‘ประเสริฐ’เลขา
พร้อมใจปัดหญิงอ้อคุมพรรค
‘บิ๊กตู่’ย้ำขุนคลังใหม่เดี๋ยวได้
วิษณุเผยนายกฯหนุนแก้รธน.
เมื่อเสนอแล้วก็ต้องเข็นต่อไป
นายกฯ เผยทูลเกล้าฯพ.ร.บ.งบประมาณปี’64แล้ว“รมว. คลัง”ใหม่เดี๋ยวออกมา“บิ๊กป้อม”ชี้ตั้งกมธ.ร่วมท่าทีสว.ดีขึ้น ทำประชามติก่อนตั้งส.ส.ร.ขึ้นอยู่กับรธน.“วิษณุ”เผยนายกฯพูดแก้รธน.ฉบับพรรครัฐบาล-ฝ่ายค้านย้ำ“เมื่อเสนอแล้วก็ต้องเข็นต่อ จะกลับลำไม่ได้”ขณะที่ปธ.กมธ.ศึกษา 6 ร่างเชิญ“พีระพันธุ์”ให้ข้อมูล-สส.ผู้เสนอร่างฯเข้าแจง ด้าน“เพื่อไทย”ประชุมใหญ่ปรับโครงสร้างใหม่ เลือก 24 กก.บห.“สมพงษ์-ประเสริฐ” นั่งหัวหน้า-เลขาฯ‘กิตติรัตน์-อนุดิษฐ์-สุทิน-เกรียง’รอง หน.‘อรุณี’โฆษกฯ โดย‘สมพงษ์’ชู4ภารกิจ ฟุ้งจะพาพท.ฟื้นความยิ่งใหญ่ ประสานเสียงปัดข่าว‘หญิงอ้อ’คุมพรรค ขณะที่คนใกล้ชิดตระกูล‘ชินวัตร’ตบเท้าพรึ่บ
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ท่าเรือแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีรับขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลถึงการนำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจําปี 2564 ขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมแล้วหรือยังว่า”น่าจะทูลเกล้าฯ แล้วนะ ผมเซ็นไปหลายอย่าง อะไรเร็วสุดก็ลง เอาน่า เดี๋ยวก็ออกมา” เมื่อถามว่าได้มีการนำชื่อ รมว.คลังคนใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หันมาตอบว่า “เดี๋ยวก็ออกๆ วันนี้พวกเราต้องช่วยกันเดินไปข้างหน้า อย่ามาดึงกันไปเรื่อยทุกเรื่อง บ้านเมืองก็ไปไม่ได้”
บิ๊กป้อมชี้ตั้งกมธ.ร่วมท่าทีสว.ดีขึ้น
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงท่าทีส.ว.ภายหลังเข้าร่วมเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีท่าทีที่ดีขึ้นหรือไม่ว่า“ดีขึ้นก็ร่วมกันเหมือนเดิม ดูแลให้เรียบร้อย”เมื่อถามว่าเป็นเพราะอะไรถึงคิดว่าจะได้รับการสนับสนุนและเห็นชอบจากส.ว.เพิ่มมากขึ้นจากเดิม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส.ว.เขาก็มีความคิดของเขาเอง เมื่อถามว่ามีส.ว.บางส่วนระบุอยากให้ไปทำประชามติก่อน ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องแล้วแต่รัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น ส่วนต้องมีการพูดคุยกับทาง ส.ว.ก่อนหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“เขาอยู่ในคณะกรรมาธิการฯที่ตั้งร่วมกันอยู่แล้ว จากนี้ก็จะต้องเชิญฝ่ายค้านมาร่วมด้วย”
วิษณุชี้ให้รอดูกมธ.ถกปมแก้รธน.
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.เห็นควรให้มีการพูดคุยในกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมทั้ง6 ฉบับ โดยไม่เห็นด้วยกับการที่นายกฯจะมาส่งสัญญาณให้รับญัตติพรรคร่วมรัฐบาล-ฝ่ายค้านรวมถึงหากจะตั้ง ส.ส.ร.ต้องทำประชามติเสียก่อนว่าเป็นความเห็นของ ส.ว.แต่ทุกอย่างจะต้องไปพูดคุยกันในกรรมาธิการฯและได้ยินว่ากมธ.จะนำบทสรุปหรือข้อสังเกตของกรรมาธิการชุดของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และประธานคณะกมธ.วิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560สภาผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นการดี เพราะตอนที่ชุดนายพีระพันธุ์เสนอยังไม่มีร่างใดเลยแม้แต่ร่างเดียว จึงต้องนำมาเทียบกันทั้งหมด จะต้องใช้เวลาไม่เกิน30วันนี้ ให้เป็นประโยชน์
นายกฯชี้เมื่อเสนอแล้วก็ต้องเข็นต่อไป
รองนายกฯกล่าวอีกว่า“ที่เป็นข่าวและวิจารณ์กันว่ารัฐบาลส่งสัญญาณอะไรนั้นเมื่อวันอังคารที่28ก.ย.ที่ผ่านมา ผมก็นั่งอยู่ในที่เกิดเหตุนั้นด้วยแต่ไม่เห็นว่าเป็นการส่งซิกใดๆทั้งนั้นเป็นเพียงมีการพูดคุยกันหลายเรื่อง เป็นธรรมดา ของทุกวันอังคารก่อนการประชุมครม. ที่รัฐมนตรีคนไหนหรือหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคนไหนมีข้อหารือหรือเล่าให้นายกรัฐมนตรีฟัง ไม่ใช่เป็นการประชุมเนื่องจากมีคนอื่นๆ อยู่ด้วยหลายคนเช่นปลัดมหาดไทย เลขาสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ส่วนใหญ่พูดคุยกันเรื่องวัคซีนว่าจะทำอย่างไรที่จะเอาเข้ามาได้โดยเร็วพูดกันถึงเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจอีกหลายเรื่อง
และมีการพูดถึงเรื่องปัญหารัฐธรรมนูญซึ่งนายกฯปรารภขึ้นมาว่าร่างของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล ได้ลงชื่อกันไปจำนวนมากกว่า200คน ก็เป็นธรรมดาที่พรรคร่วมรัฐบาลเมื่อเสนอแล้วก็ต้องเข็นต่อไป จะไปกลับลำได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่นายกฯพูด ทุกพรรคก็เห็นด้วย ทั้งท่านอนุทิน ท่านจุรินทร์ ท่านวราวุธต่างก็เห็นด้วยว่าถูกต้อง นายกฯก็บอกว่าอันนี้ คือ สิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
รอฟังกมธ.-ต้องช่วยทำความเข้าใจ
นายวิษณุ ระบุอีกว่า สิ่งสำคัญจะทำความเข้าใจอย่างไรต่อไปกับ สมาชิกรัฐสภา ทั้ง ผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา และประชาชนก็รอฟังกรรมาธิการว่าเขาว่ากันอย่างไร ถ้าออกมาตรงกันก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยอธิบาย ถ้าไม่ตรงกัน ก็ต้องช่วยกันอธิบาย พูดกันแค่นี้ ไม่ได้ส่งซิกส่งอะไร ส่วนวุฒิสภา ท่านจะพูดกันอย่างไรก็ถูก เพราะถือเป็นผู้มีสิทธิออกเสียง ท่านจะเอาอย่างไรก็ต้องแล้วแต่ท่าน ทั้งหมดนี้ คงต้องคุยกันในกรรมาธิการก่อน ไม่อย่างนั้น จะตั้งขึ้นมาหาอะไร
ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงอย่างไรเสียงของ ส.ว.ก็มีส่วนสำคัญในการที่จะเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะส.ว.มีตั้ง250 เสียง ต้องขอรอฟังการพูดคุยของกรรมาธิการฯกันเสียก่อนเพื่อให้เกิดตกผลึก“ผมได้พูดประโยคสำคัญ พวกคุณสังเกตหรือไม่เพราะถ้าสังเกตให้ดีจะมีอะไรซ่อนอยู่ ผมบอกว่า ทั้งหมดอยู่ที่คณะกรรมาธิการฯ ถ้ากรรมาธิการฯออกมาตรงกับแนวของเรามันก็ได้ แต่ถ้าไม่ตรงกัน ก็ต้องไปช่วยกันทำความเข้าใจกับ ส.ส. ส.ว.และประชาชน”
ระบุรธน.เขียนไว้ต้องถามปชช.
เมื่อถามย้ำว่ามีส.ว.บางคนเรียกร้องให้ทำประชามติก่อนจะตั้งส.ส.ร. นายวิษณุ กล่าวว่ามีบางคนพูดเท่านั้น ตนได้ยินมานานแล้วก็ไม่เป็นไร ทั้งนายสมชาย(แสวงการ) นายไพบูลย์(นิติตะวัน)ก็พูด ก็ไม่เป็นไร ก็ถือเป็นข้อเสนอและเป็นข้อสังเกตที่ดี นั่นคือสิ่งที่พูดกันมาก่อนจะมาตั้งกรรมาธิการ การพูดอย่างนั้นจึงเป็นที่มาของการตั้งกรรมาธิการตามข้อบังคับ121วรรค3 เพราะเกิดตกใจขึ้นมาว่าตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่18-22/2555 ที่เคยมีมานั้นตรงกับกรณีที่เกิดขึ้นในเวลานี้หรือไม่ เพราะในวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวได้บอกไว้จริงๆว่า อำนาจมาจากประชาชน เมื่อมาจากประชาชนก็ต้องกลับไปถามประชาชน แล้วหลักดังกล่าวจะนำมาใช้กับครั้งนี้ได้หรือไม่ อันนี้สุดแท้แต่ ควรไปพูดคุยกันในกรรมาธิการ
ย้ำ30วันไม่ถ่วงเวลา-ขั้นตอนอีกยาว
“30วันนี้ ไม่ได้มีขึ้นเพื่อจะถ่วงเวลาใดๆทั้งสิ้น ได้อธิบายแล้วว่าถึงจะรับหลักการในวาระที่1แล้วสมมติว่า ไม่ได้ตั้งกรรมาธิการก็ยังเดินหน้าต่อไม่ได้และอย่างมาก ก็ต้ังกรรมาธิการพิจารณาในวาระ2,3 จนกระทั่งเปิดสภาฯมาพิจารณาวาระ2รายมาตรา จนกระทั่งพิจารณาเสร็จแล้วทิ้งไว้15วันเพื่อพิจารณาวาระ3เสร็จแล้วก็ต้องทิ้งไว้อีกเป็นเดือนๆเพราะว่ายังไปทำประชามติไม่ได้ซึ่งผมทำปฏิทินไว้ในใจว่ากว่ากฎหมายประชามติจะผ่าน ก็ไปถึงก.พ.-มี.ค.2564เพราะฉะนั้นรัฐธรรมนูญที่ทำเสร็จในเดือนธ.ค.ก็ต้องทิ้งเอาไว้อยู่ดี เพราะต้องรอ ไม่เช่นนั้นไม่รู้จะไปลงประชามติกันอย่างไร ซึ่งต้องใช้เวลา รอบคอบ ใครที่นั่งฟังอยู่ บางคนก็บอกว่ากลัวอย่างนั้น บางคนก็บอกว่ากลัวอย่างนี้ บางสิ่งที่กลัวบ้าง ก็ไม่มีเหตุผล บางสิ่งก็อาจจะมีเหตุผลก็ควรนำมาถกกันเสียในช่วงที่สภาฯปิด30วันนี้ ถ้าสภาฯไม่ปิด การตั้งกรรมาธิการฯเป็นการถ่วงเวลาจริงๆแต่เมื่อสภาฯปิดสมัยประชุม30วัน ทำอะไร ก็ไม่ได้ในสภาฯจึงใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์ ถ้าทำเสร็จเร็วไม่ถึง 30 วัน ก็ยิ่งดีและถึงอย่างไรก็ต้องรอเปิดประชุมสภาฯวันที่ 2 พ.ย.อยู่ดี”นายวิษณุ ย้ำ
เชื่อกมธ.คุยเข้าใจ-ไม่เปิดวิสามัญ
นายวิษณุ ยอมรับว่าการจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญฯยุ่งยากพอสมควร ยังไม่แน่ อาจจะเปิดก็ได้เพราะการเปิดสภาสมัยวิสามัญ ทำได้2ทาง โดยครม.ขอเปิด และสมาชิกสภาฯเข้าชื่อกันขอเปิด แต่เมื่อจะเปิดสภาฯอยู่แล้ววันที่1พ.ย.ซึ่งเป็นวันอาทิตย์จึงต้องเปิดวันที่ 2พ.ย.ก็สามารถประชุมร่วมกันได้เลยก็ไม่ได้เสียเวลา ส่วนความมั่นใจก็รอฟังทางกรรมาธิการฯ ส่วนตนเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าชื่อกันเสนอนั้น เขาก็มีความมั่นใจ เชื่อว่าในกมธ.พูดกันเดี๋ยวเดียวก็เข้าใจเมื่อแต่ละคนมีเหตุผลทั้งนั้นก็ให้นำมาพูดกัน
“หากรับหลักการในวาระ1 แล้วตั้งกรรมาธิการฯ45คน คนนอกเป็นกรรมาธิการฯไม่ได้ เพื่อให้มาตรวจแก้ร่างฯซึ่งครั้งนี้ ยังไม่ได้เป็นการร่าง ส.ส.ร.แต่เป็นเพียงการเปิดทางให้มี ส.ส.ร.ซึ่งกรรมาธิการ45 คนต้องมาจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งครม.ส่งคนไปไม่ได้ คนนอก เป็นไม่ได้ แม้แต่ร่างไอลอว์ของประชาชน ถ้าเข้าไปได้แล้วรับหลักการให้วาระ1 ไอลอว์ก็เป็นกรรมาธิการฯไม่ได้แต่ไปชี้แจงได้”รองนายกฯระบุ
เชิญ‘พีระพันธุ์’แจงให้ข้อมูลกมธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...)ก่อนรับหลักการ รัฐสภาได้นัดประชุม กมธ.ในสัปดาห์หน้า 3วันโดยวันที่ 6 ต.ค.เวลา 13.30น.จะเชิญนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตประธานกมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาหลักเกณฑ์ และแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ.2560 เข้าร่วมให้ข้อมูลประชุม วันที่7 ต.ค.เวลา 09.30 น.จะเชิญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและผู้แทนส.ส.ผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญฯเข้าร่วมประชุม วันที่ 8 ต.ค.เวลา 09.30น.จะเชิญเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญและผู้แทน สส.ผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญฯเข้าร่วมประชุม
กมธ.ตั้งอนุศึกษาปมข้อกฎหมาย
ด้านนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ที่ปรึกษา กมธ.พิจารร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ก่อนรับหลักการ 6 ญัตติกล่าวว่าที่ประชุมกมธ.เมื่อวันที่30ก.ย.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายเพื่อไปศึกษาหาข้อยุติในประเด็นปัญหาทางข้อกฎหมายต่างๆที่เกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญเช่นการจะต้องทำประชามติสอบถามประชาชนเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญก่อนลงมติรับหลักการหรือไม่ มีนายวิเชียร ชวลิต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน พร้อมเชิญ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลฝ่ายค้าน ส.ว.ตลอดจนคนนอกที่เป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านรัฐธรรมนูญและกฎหมายอาทินายสมคิด เลิศไพฑูรย์ นายเจตน์ โทณะวณิก มาร่วมเป็นอนุกรรมการด้วยเพื่อมาร่วมพิจารณาและวางกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแก้รัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินการอะไรบ้าง ถ้าต้องทำประชามติต้องทำกี่ครั้ง ใช้งบประมาณเท่าใด ต้องเตรียมข้อมูลให้รอบด้านเพื่อให้กมธ.ประกอบการตัดสินใจโดยการศึกษาหาข้อมูลของคณะอนุกรรมการต้องทำเสร็จโดยเร็วที่สุด
“กมธ.ชุดใหญ่มีกรอบเวลาการทำงานถึงวันที่22ต.ค.นี้จะต้องได้ข้อยุติว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง6ญัตติ มีข้อดีข้อเสียอย่างไรโดยกมธ.เสนอทิศทางต่อรัฐสภาด้วยว่าควรจะรับหรือไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นใด เชื่อว่าความเห็นของกมธ.จะช่วยให้ส.ว.ลงมติไปในทางเดียวกันได้”นายเสรี ย้ำ
‘ฝ่ายค้าน’ใจแข็งปัดร่วมอนุกมธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายชื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาเสนอความเห็นในประเด็นข้อกฎหมายอาทิ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา นายวิรัช พันธุมะผล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย นาง กาญจนรัตน์ ลีวิโรจน์ ส.ว. นาย ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. นาย เจษฎ์ โทณะวณิก อดีตกมธ.ยกร่างรัฐธรรมรูญ นาย อุดม รัฐอมฤต อดีตกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตสนช. พร้อมได้ทาบทาม นายชัยเกษม นิติสิริ และนายชูศักดิ์ ศิรินิล แกนนำพรรึเพื่อไทย แต่ทั้ง2คนปฏิเสธมาร่วมเป็นอนุกรรมการชุดดังกล่าว
เพื่อไทยประชุมปรับทัพใหม่
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่พรรคเพื่อไทย(พท.)ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ชุดใหม่เป็นไปอย่างคึกคัก มีผู้เข้าร่วมประชุม340คนประกอบด้วยอดีตกรรมการบริหารพรรค อดีตรัฐมนตรี สส.อดีตผู้สมัคร ตัวแทนสาขาพรรคพร้อมสมาชิกพรรค นำโดย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตร์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรคเพื่อไทย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชัยเกษม นิติศิริ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายเสนาะ เทียนทอง และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง
‘สมพงษ์’กลับนั่งหน.พรรคอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับผลการเลือกตั้ง กก.บห.ชุดใหม่ มีทั้งสิ้น 24คน ประกอบด้วย 1.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค 2.น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรค 3.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรค 4.นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค 5.นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรค 6.นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรค 7.นายพิชัย นริพทะพันธ์ รองหัวหน้าพรรค 8.นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้าพรรค 9.นายไชยา พรหมา รองหัวหน้าพรรค 10.พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ รองหัวหน้าพรรค 11.นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค
‘ประเสริฐ’นั่งเลขาพรรคฯตามคาด
12.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการหัวหน้าพรรค 13.นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการพรรค 14.นายจิรวัฒน์ ศิริพาณิชย์ รองเลขาธิการพรรค 15.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรค 16.นายคุณากร ปรีชาชนะชัย รองเลขาธิการพรรค 17.นายนพ ชีวานันท์ รองเลขาธิการพรรค 18.น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เหรัญญิกพรรค 19.นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนสมาชิกพรรค 20.น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค 21.นายชวลิต วิชยสุทธิ์ กรรมการบริหาร 22.นายสรวงศ์ เทียนทอง กรรมการบริหาร 23.นายองอาจ วงษ์ประยูร กรรมการบริหาร และ24.นายพรเทพ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ กรรมการบริหาร
คนใกล้ชิดตระกูล’ชินวัตร’พรึ่บ
สำหรับรายชื่อกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่นั้นเห็นได้ชัดเจนว่าส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดคนตระกูล’ชินวัตร’โดยคนที่ใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯอาทินายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์,พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์และนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส่วนคนที่ใกล้ชิดน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯอาทินายกิตติรัตน์ ณ ระนอง น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ และนายคุณากร ปรีชาชนะชัย ส่วนกลุ่มที่มาจากอดีตพรรคไทยรักษาชาติอาทิ นายพิชัย นริพทะพันธ์ และน.ส.อรุณี กาสยานนท์ ขณะที่คนรุ่นใหม่ ที่เป็นทายาทนักการเมือง อาทิ นายนพ ชีวานันท์ ลูกชายของนายพ้อง ชีวานันท์ อดีตสส.อยุธยา และนายจิรวัฒน์ ศิริพาณิชย์ ลูกชายของนายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ นอกจากนี้ ยังมี นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เป็นคนใกล้ชิด นายภูมิธรรม เวชชยชัย แกนนำพรรคอีกด้วย
ส่วนกรณีที่นายประเสริฐที่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการพรรคนั้น เนื่องจากแกนนำพรรคมองว่าส.ส.อีสานในพรรคนั้น มีอยู่หลายกลุ่ม หากเอาคนของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งขึ้นเป็นเลขาธิการพรรค อาจจะทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ ซึ่งนายประเสริฐก็ไม่ถือว่าเป็นคนของกลุ่มไหนชัดเจนรวมทั้งยังเป็นคนที่มีความประนีประนอม น่าจะทำให้ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายด้วย
‘สมพงษ์’ขอบคุณ-ประกาศ4ภารกิจ
ต่อมา เวลา13.15น.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้แถลงขอขอบพระคุณสมาชิกที่ได้ร่วมลงคะแนนให้ความไว้วางใจเลือก กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ทั้งนี้สถานการณ์ของบ้านเมืองวันนี้ตกอยู่ภายใต้ภาวะวิกฤติ ทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ พรรคพท.ในฐานะพรรคที่ได้ต่อสู้เพื่อพี่น้องประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มีความจำเป็นต้องปรับตัว ปรับโครงสร้างการบริหารของพรรค ให้สามารถแบกรับภารกิจและให้เป็นที่หวังพึ่งได้ของพี่น้องประชาชน
เดินหน้าผนึกทุกกลุ่มดันแก้รธน.
ภารกิจสำคัญอย่างแรก คือ ความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย พรรคยึดมั่นจุดยืนนี้มาตลอดไม่เคยเปลี่ยนแปลง เรายืนยันจะจับมือร่วมกับทุกเครือข่ายเดินหน้าเร่งรัดแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดกติกาที่ยุติธรรม และเป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในทุกด้าน ภารกิจที่ 2คือ ความมุ่งมั่นที่จะแบ่งเบาความทุกข์ยาก เดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะวิกฤติเศรษฐกิจที่ทุกคนกำลังเผชิญอยู่เริ่มส่งผลรุนแรงขึ้นเป็นลำดับเกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ทั้งคนรายได้น้อย คนตกงาน คนที่แม้ยังอยู่ในระบบแรงงานโดยเฉพาะกลุ่มSMEวิสาหกิจทั้งขนาดกลางและขนาดเล็กรวมไปถึงเกษตรกร ทุกกลุ่มกำลังไปไม่ไหว สิ่งที่พรรค จะทำคือการระดมสรรพกำลังทุกภาคส่วนทั้งภายในและภายนอกพรรคเพื่อร่วมกันสร้างและผลักดันนโยบาย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆให้เป็นรูปธรรม ดังเช่นที่เคยทำสำเร็จมาแล้วครั้งที่ยังเป็นพรรคไทยรักไทย
ภารกิจที่ 3คือกระชับความสัมพันธ์ในหมู่สมาชิกและพี่น้องประชาชนรวมทั้งกลุ่มประชาสังคมทุกเครือข่าย ให้เกิดการเรียนรู้ร่วมมือกันให้แน่นแฟ้น สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกภาคส่วนร่วมกัน อย่างเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืนและภารกิจท้ายสุดคือการรวบรวมและนำเทคโนโลยี มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญ ในการถ่ายทอดหรือสื่อสารไปยังประชาชนและ ส.ส. เพื่อรับรู้ปัญหา และสนับสนุนกระบวนการเรียนรู้ของประชาชนในการแก้ไขปัญหาของพวกเขา ให้ดียิ่งๆขึ้น
“ท้ายที่สุดขอขอบคุณผู้ใหญ่ของพรรคและสมาชิกพรรคทุกท่านรวมทั้งผู้สนับสนุนพรรคพท.ที่ได้ร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งในการปรับองค์กร เปลี่ยนโครงสร้างการทำงานให้โอกาสพรรคสามารถระดมทรัพยากรบุคคลของพรรคได้อย่างเต็มที่ เพื่อมาช่วยกันทำงาน เป็นการผนึกกำลังจากรุ่นสู่รุ่นระหว่างความรู้และประสบการณ์ของรุ่นพี่ กับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆและความมุ่งมั่นที่เปี่ยมด้วยพลังของ รุ่นน้องๆเพื่อให้ทันกับโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เราสองรุ่นจะจับมือกันให้แน่นเพื่อร่วม ถักทอ ความหวัง ความฝัน ที่จะเห็นพี่น้องประชาชนของเรา ได้กินอิ่ม นอนหลับ ยิ้มได้ อย่างมีความสุข กับชีวิตที่ดีขึ้น และนั่นคือ อุดมการณ์สูงสุดของพวกเราพรรคเพื่อไทย”นายสมพงษ์ กล่าว
‘สมพงษ์’ฟุ้งฟื้นความยิ่งใหญ่
นายสมพงษ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมใหญ่พรรคว่าคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่มีบุคลากรที่ชำนาญด้านเศรษฐกิจอยู่แต่จะเชิญบุคลากรหลายท่านมาช่วยแนะนำในด้านนี้เพิ่มเติม เพื่อจะได้วางแนวทางร่วมกัน ส่วนความนิยมของพรรคนั้น ส.ส.แต่ละพื้นที่ให้ข้อมูลตรงกันว่าประชาชนยังให้ความสนับสนุนพรรคเช่นเดิม เพียงแต่ต้องทำงานหนักเพื่อเข้าไปนั่งในใจประชาชน และคณะกรรมการบริหารชุดนี้มีทั้งคนหน้าเก่าหน้าใหม่ผสมผสานกันเพื่อนำพรรคพท.ให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเก่า จากนี้ขอเวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อปรับสิ่งต่างๆจากนั้นจะมีนโยบายออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม
ปัดข่าว’หญิงอ้อ’คุมเหนือพรรค
เมื่อถามว่า คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ให้คำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า คุณหญิงพจมาน ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับพรรค แต่อาจมีสมาชิกไปหารือกับท่านตรงนี้เป็นเรื่องส่วนตัวตนคงไม่ไปก้าวล่วง ส่วนกระแสข่าวทีว่าจะเข้ามาคุมพรรคนั้น เป็นเพียงการลือกันไปต่างๆนาๆเพราะงานท่านก็มีอยู่เยอะพรรคเรางานก็ยุ่ง ส่วนกระแสข่าวนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามี น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรสาวนายทักษิณจะมาร่วมงานการเมืองกับพรรคนั้น ก็ยังไม่เห็นสัญญาณใดๆ
เมื่อถามว่าจะมีการดึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตประธานยุทธศาสตร์ มาร่วมงานด้านใดบ้างหรือไม่ นายสมพงษ์ กล่าวว่า คุณหญิงสุดารัตน์ ยังเป็นสมาชิกและเป็นประธานสรรหาผู้สมัครกทม.อยู่ เพียงแต่ลาออกจากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเท่านั้น
ลั่นปรับพรรค-สร้างมิติใหม่
ด้านนายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรคพท.ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมพรรคถึงแนวทางการทำงานต่อจากนี้ว่า พรรคจะมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพรรคใหม่ จะมีคณะกรรมการบริหารพรรค เป็นศูนย์กลางในการบริหาร สาเหตุที่ต้องเปลี่ยนแปลง พรรคได้มองสถานการณ์การเมืองในยุคปัจจุบันจึงปรับเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพองเศรษฐกิจและการเมืองที่เปลี่ยนไป วันนี้ประชาชนขาดศรัทธา พรรคจะขับเคลื่อนทุกองคาพยพ “วันนี้เพื่อไทยจะสร้างมิติใหม่ ทางการเมือง เพื่อความหวังของประชาชนในอนาคต โดยมีคนรุ่นใหม่เข้ามาผสมเอาความคิดของคนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า เราจะทำงานประสานกัน เด็กหลายคนมีความคิดสร้างสรรค์ วันนี้เทคโนโลยีและการสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก พรรคจึงต้องผนึกกำลังทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย
เมื่อถามถึงกรณีกระแสข่าวคุณหญิงพจมาน ดาาพงศ์ อดีตภรรยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะกลับมาบริหารพรรค นายประเสริฐ กล่าวว่า ท่านเป็นผู้ใหญ่ของพรรคที่เราให้ความเคารพนับถือ แต่ที่ผ่ามาท่านไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหารกิจการของพรรคแต่อย่างใด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี