“เพื่อไทย” อัด “นายกฯ” อย่าผูกขาดปกป้องสถาบันไว้ฝ่ายเดียว ชี้คนไทยส่วนใหญ่เคารพเทิดทูน เปรียบความผิด “บิ๊กตู่” เหมือนพันท้ายนรสิงห์ ด้าน “ประยุทธ์” เตือนความจำทุจริตเชิงประจักษ์ปี57 ลั่นเป็นคนไทยต้องตอบแทนแผ่นดิน
เมื่อเวลา 09.45 น.วันที่ 27 ตุลาคม 2563 ที่รัฐสภา ในการประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม โดยในช่วงเช้าเป็นการอภิปรายสลับกันของ ส.ส.ฝ่ายค้าน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว.
โดย น.ส.มนพร เจริญศรี ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลควรเลิกอ้างได้แล้วว่าการปกป้องสถาบัน จะต้องมีพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯเท่านั้น คนไทยส่วนใหญ่เคารพเทิดทูนสถาบัน พร้อมปกป้อง อย่าผูกขาดสถาบันไว้ฝ่ายเดียว ตนนึกถึงประวัติศาสตร์เรื่องพันท้ายนรสิงห์ อดีตนายทหารที่ได้ปกป้องขบวนเรือเสด็จของพระราชา นำเรือผ่านคูคลองคดเคี้ยวแต่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้ พันท้ายนรสิงห์คิดว่านั่นคือการไม่สามารถอารักขาได้ จึงเสนอให้ประหารชีวิตตนเอง
เช่นเดียวกับวันนั้น ที่มีขบวนเสด็จพระราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้ขบวนเสด็จผ่านโดยที่นายกฯไม่คิดถึงอันตรายที่เกิดขึ้น และนายกฯก็ใช้อำนาจเหล่านั้นไปลงโทษตำรวจโดยปัดความรับผิดชอบ ตนถือว่าสิ่งเหล่านี้เทียบเคียงได้กับพันท้ายนรสิงห์ พล.อ.ประยุทธ์ควรพิจารณาตัวเอง แล้วรับผิดชอบต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นในขบวนเสด็จครั้งที่ผ่านมา ถ้าเราจะทำใจให้เป็นธรรม วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะนำใบลาออกไปถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้นได้เเล้ว
ส่วนนายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า การชุมนุมที่เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ความเห็นต่างของคนต่างรุ่นต่างวัย ซึ่งเราต้องมาพูดความจริงถึงจะแก้ไขปัญหาได้
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ นายกฯมี 4 ทางเลือก คือ 1.ซื้อเวลา ไม่ออก ไม่สนใจอยู่แบบนี้ ปล่อยให้มีการชุมนุม ทำร้ายประเทศชาติไปเรื่อยๆ 2.ลาออกและยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเองเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด หากไม่ยึดอำนาจในวันนั้นก็คงไม่มีเหตุการณ์ในวันนี้ ถ้าหากเสียสละลาออกก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยนายกฯใหม่ที่เข้ามาก็จะมาพูดคุยหาข้อสรุปของผู้ชุมนุมได้
3.ยุบสภา เชื่อว่าถ้าไม่มีทางออกคงเลือกข้อนี้มากที่สุด แต่การยุบสภาจะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ การชุมนุมจะบานปลายทำให้รัฐล้มเหลว อีกทั้งกว่าผลการเลือกตั้งกว่าจะออกมาได้ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นการยุบสภาจึงไม่ใช่ทางออก และ 4. ยึดอำนาจ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเกิดขึ้นจริงหายนะจะเกิดขึ้น แผ่นดินจะนองเลือด อย่างไรก็ตาม ขอฝาก 4 ทางเลือกให้กับนายกฯได้นำไปพิจารณาด้วย ต้องรีบตัดสินใจยิ่งช้ายิ่งสะสมปัญหา
จากนั้นเวลา 10.20 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า ที่มีการกล่าวหาตนว่าแบ่งชนชั้นนั้น ตนไม่เคยทำ มีแต่บอกว่าคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ต้องทำงานร่วมกัน การทำลายสถาบันครอบครัววันนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย ลูกไม่เคารพพ่อแม่ ลูกศิษย์ไม่เคารพครูอาจารย์ เคยบอกแล้วว่าที่เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่ออะไร ถามว่าหน้าที่ของตนจบหรือยัง ถ้ายังไม่จบก็ต้องทำให้มันจบ และยืนยันตนไม่ได้ต้องการรักษาอำนาจให้นานที่สุด
“ท่านไม่เคยพูดเรื่องยึดอำนาจรัฐประหาร แต่ไม่เคยพูดถึงเผด็จการรัฐสภาที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้น แล้วรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 ผมคิดว่าผมไม่ได้ไปก้าวล่วงเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ หลายท่านมองว่าผมไม่เป็นธรรมหรือปล่อยปละละเลย ผมคิดว่าผมต้องพูดวันนี้ ถ้าไม่พูดก็ไม่ได้ อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์คือปัจจุบันและอนาคต ประชาชนคนไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่า ทุกชาติ ศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ อยู่ในประเทศไทยต้องรักประเทศไทย ผมบังคับท่านไม่ได้ แต่ต้องเป็นสิ่งที่ท่านต้องตอบแทนแผ่นดิน หลายอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้ามา ถามว่าลืมแล้วหรือยัง ท่านลืมแล้วทั้งหมด สมัยนั้นท่านทำอะไรกัน สิ่งที่เกิดขึ้นวุ่นวายที่ผ่านมาท่านทำอะไรกันอยู่ การทุจริตที่มีหลักฐานชัดเจนเชิงประจักษ์ท่านลืมหมดแล้วหรือ ถ้าลืมก็กรุณาไปทบทวนใหม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2557 และก่อนหน้านั้นหลายปีมาแล้วด้วย วันนี้ที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันเพราะอะไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี