บิ๊กตู่เมินแรงบีบให้ลาออก
ภารกิจยังไม่จบ
ลั่นต้องตอบแทนแผ่นดิน
ปัดรักษาอำนาจให้นานที่สุด
‘ชวน’ศึกษากก.สมานฉันท์
‘จุรินทร์’รับมีสัญญาณที่ดี
64สส.ลุ้นศาลชี้ขาดหุ้นสื่อ
ประชุมร่วมรัฐสภาผ่าทางตันวันที่ 2 อภิปรายเดือด“ฝ่ายค้าน” ซัดนายกฯอย่าผูกขาดปกป้องสถาบันฝ่ายเดียว เปรียบความผิด “บิ๊กตู่” เหมือนพันท้ายนรสิงห์ แนะให้เสียสละลาออก ด้าน สว.ค้านรื้อสถาบัน ประณามอีแอบปั่นหัวเด็ก ระวังมีคนหวังเกิดสงครามกลางเมือง พปชร.แฉนักการเมือง สุมหัวต่างชาติหวังล้มการปกครอง“นายกฯ”เตือนความจำทุจริตเชิงประจักษ์ช่วงปี’57 ลั่นหน้าที่ยังไม่จบ ปัดต้องการรักษาอำนาจให้นานที่สุด ย้ำคนไทยต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน
“ดอน” ยืนยันนานาชาติเข้าใจไทย ไม่ได้มีการกดดัน “ชวน” ให้ศึกษาตั้งคณะกก.สมานฉันท์หาทางออก ปท.‘จุรินทร์’โยนวิป3ฝ่ายถกตั้ง กก.สมาฉันท์ รับทุกฝ่ายส่งสัญญาณดี ส่วน64สส.ลุ้นศาลรธน.ชี้ขาดปมถือหุ้นสื่อ28ตุลาคมนี้
เมื่อเวลา 09.45น.วันที่ 27ตุลาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมรัฐสภา สมัยวิสามัญ เพื่อขอให้มีการเปิดอภิปรายทั่วไป โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา165 มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม ต่อเป็นวันที่สอง เป็นการอภิปรายสลับกันของสส.ฝ่ายค้าน สส.ฝ่ายรัฐบาล และ สว.
โดยซีกฝ่ายค้าน น.ส.มนพร เจริญศรี สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย(พท.)อภิปรายว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ควรเลิกอ้างได้แล้วว่าการปกป้องสถาบัน จะต้องมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯเท่านั้น คนไทยส่วนใหญ่เคารพเทิดทูนสถาบัน พร้อมปกป้อง อย่าผูกขาดสถาบันไว้ฝ่ายเดียว
ชี้ผิดบิ๊กตู่เหมือนพันท้ายนรสิงห์
พร้อมยกประวัติศาสตร์ พันท้ายนรสิงห์ ที่ได้ปกป้องขบวนเรือเสด็จของพระราชา แต่ไม่สามารถอารักขาได้ จึงเสนอให้ประหารชีวิตตนเองเช่นเดียวกับวันนั้นที่มีขบวนเสด็จฯ พล.อ.ประยุทธ์ ปล่อยให้ขบวนเสด็จผ่าน โดยที่นายกฯไม่คิดถึงอันตรายที่เกิดขึ้น และนายกฯก็ใช้อำนาจเหล่านั้นไปลงโทษตำรวจโดยปัดความรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้เทียบเคียงกับ พันท้ายนรสิงห์ พล.อ.ประยุทธ์ควรพิจารณาตัวเอง รับผิดชอบต่ออันตรายที่จะเกิดขึ้นในขบวนเสด็จ วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะนำใบลาออกไปถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นได้เเล้ว
‘เสรีรวมไทย’จี้4ทางเลือกให้บิ๊กตู่
ขณะที่นายวิรัตน์วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่าการชุมนุมที่เกิดขึ้น เป็นปรากฏการณ์ความเห็นต่างของคนต่างรุ่นต่างวัย เราต้องมาพูดความจริง ถึงจะแก้ไขปัญหาได้ สถานการณ์เช่นนี้นายกฯมี4 ทางเลือกคือ1.ซื้อเวลา ไม่ออก ไม่สนใจอยู่แบบนี้ ปล่อยให้มีการชุมนุม ทำร้ายประเทศชาติไปเรื่อยๆ 2.ลาออกและยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าตัวเองเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด หากไม่ยึดอำนาจในวันนั้นก็คงไม่มีเหตุการณ์ในวันนี้ ถ้าหากเสียสละลาออกก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยนายกฯใหม่ที่เข้ามาก็จะมาพูดคุยหาข้อสรุปของผู้ชุมนุมได้ 3.ยุบสภา เชื่อว่าถ้าไม่มีทางออกคงเลือกข้อนี้มากที่สุด แต่การยุบสภาจะสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ การชุมนุมจะบานปลายทำให้รัฐล้มเหลว อีกทั้งกว่าผลการเลือกตั้งกว่าจะออกมาได้ต้องใช้เวลานาน การยุบสภาจึงไม่ใช่ทางออก 4.ยึดอำนาจ ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเกิดขึ้นจริงหายนะจะเกิดขึ้น แผ่นดินจะนองเลือด ขอฝาก 4 ทางเลือกให้กับนายกฯได้นำไปพิจารณาด้วย ต้องรีบตัดสินใจยิ่งช้ายิ่งสะสมปัญหา
นายกฯลั่นทำหน้าที่ยังไม่จบ
ต่อมาเวลา 10.20น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลุกชี้แจงว่าที่มีการกล่าวหาตนว่าแบ่งชนชั้นนั้น ตนไม่เคยทำ มีแต่บอกว่าคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ต้องทำงานร่วมกัน การทำลายสถาบันครอบครัววันนี้เกิดขึ้นในประเทศไทย ลูกไม่เคารพพ่อแม่ ลูกศิษย์ไม่เคารพครูอาจารย์ เคยบอกแล้วว่าที่เข้ามาเป็นรัฐบาลเพื่ออะไร ถามว่าหน้าที่ของตนจบหรือยัง ถ้ายังไม่จบ ก็ต้องทำให้มันจบ และยืนยันตนไม่ได้ต้องการรักษาอำนาจให้นานที่สุด
ย้ำทุกคนต้องตอบแทนแผ่นดิน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีว่าท่านไม่เคยพูดเรื่องยึดอำนาจรัฐประหาร แต่ไม่เคยพูดถึงเผด็จการรัฐสภา ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นแล้วรัฐธรรมนูญฉบับปี 60 คิดว่าตนไม่ได้ไปก้าวล่วงเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ หลายท่านมองว่า ตนไม่เป็นธรรม หรือปล่อยปละละเลย คิดว่าต้องพูดวันนี้ ถ้าไม่พูด ก็ไม่ได้ อย่าลืมว่าประวัติศาสตร์ คือ ปัจจุบันและอนาคต ประชาชนคนไทยทุกคน ทุกหมู่เหล่าทุกชาติ ศาสนา เชื้อชาติ สัญชาติ อยู่ในประเทศไทย ต้องรักประเทศไทย ตนบังคับท่านไม่ได้ แต่ต้องเป็นสิ่งที่ท่านต้องตอบแทนแผ่นดิน
ถามลืมก่อนเกิดเหตุการณ์ปี57
“หลายอย่างที่เกิดขึ้นก่อนที่ผมจะเข้ามา ถามว่าลืมแล้วหรือยัง ท่านลืมแล้วทั้งหมด สมัยนั้นท่านทำอะไรกัน สิ่งที่เกิดขึ้นวุ่นวายที่ผ่านมาท่านทำอะไรกันอยู่ การทุจริตที่มีหลักฐานชัดเจนเชิงประจักษ์ท่านลืมหมดแล้วหรือ ถ้าลืมก็กรุณาไปทบทวนใหม่ว่าเกิดอะไรขึ้นในปี 2557และก่อนหน้านั้นหลายปีมาแล้วด้วย วันนี้ที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันเพราะอะไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ถวิลย้ำสถาบันรื้อทำลายไม่ได้
ขณะที่ นายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา (สว.)อภิปรายว่าอยากเตือนเด็กๆให้ทบทวนการเคลื่อนไหวให้เป็นไปตามกาลเทศะ สถาบันกษัตริย์เป็นเสาหลักประเทศไทย จะรื้อหรือทำลายลงไม่ได้ ศัตรูของคนรุ่นใหม่ไม่ใช่สิ่งที่กำลังต่อต้านอยู่ แต่ศัตรูที่แท้จริง คือ นักการเมืองไม่ดี ข้าราชการทุจริต นายทุนที่เห็นแก่ตัว คนไม่ดีเหล่านี้ปลุกปั่นเยาวชน ผลักหลังเด็กเข้าตะราง ตักตวงผลประโยชน์ให้ตัวเอง
ประณามอีแอบปั่นหัวเด็ก
การปฏิรูปอะไรซักอย่างด้วยความเกลียดความโกรธแค้นความชิงชัง ทำไม่ได้ การปฏิรูปสิ่งใดสิ่งหนึ่งต้องเริ่มจากความรัก เพราะอยากจะเห็นสิ่งใดสิ่งนั้นดีขึ้น จึงจะทำได้ แต่หากเริ่มด้วยความเกลียดชังที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ทำไม่ได้ ขอประณามไอ้โม่ง อีแอบที่เอาความคิด ความเกลียดชังสถาบันใส่ไปในความคิดเด็กๆเพื่อสนองความมักใหญ่ใฝ่สูง คนที่กระทำการเยี่ยงนี้ต้องพบกับอนาคตเลวร้าย”นายถวิลระบุ
ชี้นายกฯลาออกไม่ใช่ทางออก
นายถวิลระบุว่าการให้นายกฯลาออก หรือยุบสภานั้น เท่าที่ดูการบริหารงานของนายกฯคิดว่ายังไม่ได้ทำผิดอะไรรุนแรงถึงขั้นที่จะขับไล่กันทั่วประเทศ เหมือนอดีตนายกฯคนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์สามารถพาประเทศฝ่าวิกฤติได้หลายเรื่อง ไม่เห็นการทุจริตของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนการแก้รัฐธรรมนูญนั้น มื่อเปิดสมัยประชุมสภาสามัญเดือนพ.ย. เรื่องนี้จะนำเข้าสู่การพิจารณามีแนวทางแก้ปัญหาอยู่แล้ว ส.ว.ไม่มีความขัดข้อง หรือผลประโยชน์เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ สว.ไม่หวงอำนาจ ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญ ก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึง สว.ขอให้แก้รัฐธรรมนูญโดยชอบธรรม ตามเจตนารมณ์กฎหมาย
ก้าวไกลอัดไม่ฟังปชช.จ้องเอาผิด
จากนั้น การอภิปรายยิ่งเข้มข้น เมื่อนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่าความแตกต่าง เป็นเรื่องปกติของสังคม จะบังคับให้มีความคิดเห็นให้เหมือนกันนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้ จุดยืนที่ต้องมีร่วมกันคือการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง เราไม่สามารถกำจัดคนเห็นต่างออกไปได้ รัฐบาลต้องใช้กลไกรัฐสภาคลี่คลายปัญหาและสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อพูดคุยกันอย่างมีวุฒิภาวะ จะทำให้ความหวาดระแวงลดลง แต่รัฐบาลกลับทำตรงข้ามคือไม่ฟังเสียงประชาชน คิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด และใช้กฎหมายดำเนินคดี ปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน
ปลุกเกลียดชังยัดเยียดปีศาจ
“ที่ให้อภัยไม่ได้ คือการผลิตซ้ำเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519เอาประเด็นอ่อนไหวมาปลุกให้ประชาชนเกลียดชังกัน มาจนถึงเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อปี 2553ที่ราชประสงค์ ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ บอกตัวเองว่าการชุมนุม มีเบื้องหลัง และสร้างปีศาจ ให้อีกฝั่งเป็นศัตรูจงใจสร้างไม่สงบขึ้นมาเอง ใช้อำนาจพิเศษ รัฐบาลที่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้เป็นรัฐบาลเพื่อประชาชน การแก้ไขปัญหานี้ จะใช้อำนาจนิยมแบบเดิมไม่ได้ องพูดคุยอย่างเข้าใจอย่างมีสายใยต่อกันทั้งครอบครัว และเพื่อน” นายวิโรจน์ กล่าว
จี้นายกฯเสียสละลาออกเถอะ
“การปฏิรูปสถาบัน ย่อมสามารถพูดคุยกันได้อย่างมีเหตุผลและลดความหวาดระแวงซึ่งกันและกัน การพูดคุยเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับการปฏิรูปในเรื่องใดๆย่อมมีโอกาสหาฉันทามติร่วมกัน ยืนยันว่า ยังไม่สายไปจริงๆ ขอเรียกร้องให้นายกฯลาออกและพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และเลือกนายกฯคนใหม่ ที่เป็นอิสระจาก คสช.เพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ และยุบสภา นายกฯ เสียสละเถอะครับ เพื่อให้ประชาชนได้เริ่มนับอนาคตของเขาไปข้างหน้า”นายวิโรจน์ย้ำ
‘ถวิล’โต้ยันปี53ไม่มีล้อมปราบ
ด้านนายถวิล เปลี่ยนศรี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)ฐานะเป็นอดีตเลขานุการ ศอฉ.เมื่อปี 553 ประท้วงนายวิโรจน์ว่านายวิโรจน์อภิปรายข้อมูลคลาดเคลื่อนการนำเหตุการณ์6ตุลาคม 2519 ไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์สลายชุมนุมปี2553เพราะเหตุการณ์ปี 2553 ไม่ได้ล้อมปราบประชาชน ยืนยันว่ารัฐบาลขณะนั้น พยายามแก้ไขปัญหาการชุมนุม โดยไม่มีการล้อมปราบแม้แต่ครั้งเดียว
แฉนักการเมืองสุมหัวต่างชาติ
จากนั้น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ลุกขึ้นอภิปราย ท่ามกลางบรรยากาศในห้องประชุมที่ยังดุเดือดต่อเนื่องเมื่อนายชัยวุฒิอภิปรายใช้ถ้อยคำค่อนข้างรุนแรง หมิ่นเหม่และเสียดสีผู้ชุมนุมหลายครั้งทำให้มีการประท้วงจาก ส.ส.พรรคก้าวไกล อยู่หลายครั้ง
โดยนายชัยวุฒิ อภิปรายว่ามีนักการเมืองสร้างกระแสเรื่องสถาบัน โดยใช้โซเซียลมีเดีย มีเงินทุนในการเคลื่อนไหวมาจากต่างชาติ และผู้ไม่หวังดีต่อบ้านเมืองมาสนับสนุน ผู้จุดประเด็นเรื่องเหล่านี้ มีการสร้างคะแนนนิยม สร้างมวลชนกับคนรุ่นใหม่ว่าเรียนจบ ไม่มีงานทำ มีงานทำ ก็เลี้ยงตัวเองไม่พอ มองไม่เห็นอนาคต วันนี้มีผู้หยิบยกอนาคตว่ากำลังจะมีอนาคตดี เป็นอนาคตใหม่ แต่ต้องมีการเปลี่ยน แปลงการปกครองก่อน เป้าหมาย ที่ไม่ใช่แค่การเป็นนายกฯแต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น นักการเมืองคนนี้คนไทยทั้งประเทศรู้ว่าเป็นใครที่ไปฝั่งชิพหลอกลวงคนรุ่นใหม่แบบนี้
แนะรบ.ตัด3สิ่งไม่ได้ไม่มีวันชนะ
“ถ้ารัฐบาล ตัด3 สิ่ง คือ นักการเมือง โซเซียลมีเดียและเงิน ไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีวันชนะ ถ้าตัด 3 สิ่งนี้ไม่ได้ก็มีทางออก 5 ข้อคือ1.นายกฯลาออก ยอมแพ้ 2.ยุบสภา เลือกตั้งใหม่ แต่ปัญหาไม่จบ ทำได้แค่ซื้อเวลา เมื่อมีรัฐบาลใหม่ก็มาสู้กันต่อ 3.ยึดอำนาจ ถ้าจะยึดอำนาจตัวเองก็ทำได้ แต่อาจอยู่ได้ไม่นานเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต 4.การทำประชามติถามประชาชนว่า อยากเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ 5.ไม่ทำอะไรเลย ทนอยู่กันไปแบบนี้ หลายครั้งที่สถานการณ์จบแบบไม่ทำอะไรเลย เป็นทางออกดีสุด ใช้ความอดทนทำความเข้าใจกันไป เพื่อดึงแนวร่วมออกมา”นายชัยวุฒิ ย้ำ
สว.ถามนายกฯผิดอะไรจี้ลาออก
เวลา12.30น.นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.อภิปรายถึงข้อเรียกร้องให้นายกฯลาออกว่าอยากถามว่าให้นายกฯลาออกด้วยความผิดอะไรหากย้อนดูประวัติศาสตร์มีนายกฯที่ลาออกเพียงคนเดียวคือพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธจากวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี40 ส่วนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภาด้วยปัญหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าวหลายแสนล้านบาท กฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยแต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้มีความผิด ไม่ได้ทุจริต คอร์รัปชั่น หากลาออกจะเกิดบรรทัดฐานที่ไม่ควรจะเป็นแบบนั้น ถามว่าจะจบหรือไม่ หากท่านลาออก หลายคนพูดว่าไม่จบ เพราะความต้องการ ไม่ได้ต้องการแค่ให้ท่านลาออกจึงไม่แน่ใจว่าลาออกแล้วจะจบ แต่ตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกไม่ได้โดยเด็ดขาดโดยเฉพาะสถานการณ์มีผู้จาบจ้วงสถาบันขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ คือตัวเลือกเดียวที่เหมาะสมที่สุดในการปกป้องสถาบัน
เตือนปั่นสงครามกลางเมือง
นพ.เจตน์ อภิปรายอีกว่าประเด็นการปฏิรูปสถาบันเชื่อว่าจะถูกต่อต้านจากคนไทยทั้งประเทศที่ทยอยออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบัน เรื่องนี้คนไทยเสียใจ เจ็บปวดและเศร้าใจ รัฐบาลต้องตระหนักว่าการที่มีประชาชนอีกฝ่ายหนึ่งออกมาแสดงพลัง อาจเสี่ยงต่อการเกิดการปะทะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมืองซึ่งจะบรรลุสิ่งที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังที่อยู่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นหรือดูไบ ต้องการ อยากฝากให้รัฐบาลระวัง
ชงตั้งคณะกก.ร่วมถกหาทางออก
โดยตนมีข้อเสนอแนะให้ตั้งคณะกรรมการจากทุกภาคส่วนพูดคุยหาทางออกร่วมกันรวมทั้งฝากไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้เชิญทูตของประเทศที่มีแกนนำไปอยู่ในประเทศที่ตนกล่าวมาเข้ามาพบเพื่อให้หยุดการกระทำ โดยอาศัยการแลกเปลี่ยนที่เป็นประโยชน์ เรียกเขามาคุยเฉยๆคงไม่ได้ แต่เขามีอิทธิพลต่อการชุมนุมของนักเรียน นักศึกษาอย่างมาก ถ้าไม่เรียกมาพูดคุยก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ยังมีอิทธิพล ส่งข้อมูลต่างๆทางโซเชียลมีเดียมายังผู้ชุมนุม ทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น
มงคลกิตติ์ขวางปฏิรูปสถาบัน
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายไม่เห็นด้วยกับข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ในประเทศไทย มีการปกครองด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์มา781ปี มีพระมหากษัตริย์ทั้งหมด 53 พระองค์ ได้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติและประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง อย่างตระกูลตนมาจากเมืองจีนตั้งแต่รัชกาลที่ 6มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารจนปัจจุบัน6รุ่นแล้ว ข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน ตนจึงไม่เห็นด้วย แต่ขอเปลี่ยนเป็นให้สร้างความปรองดองสมานฉันท์คือเป็นการสืบสานต่อยอด การครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอานาประชาราษฎร์ หรือพัฒนาบางจุดให้ทันสมัยให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ ช่วงเปลี่ยนผ่านจะดีกว่า เพื่อลดความขัดแย้ง ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เห็นด้วยต้องการให้ทำอย่างเร่งด่วน ถ้าแก้ได้ ความขัดแย้งในบ้านเมืองจะลดลง ส่วนข้อเรียกร้องให้นายกฯ ลาออก ทำได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯมีแค่ 2 ทางเลือกคือจะลาออก หรือยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน
‘ดอน’ยันนานาชาติเข้าใจไทย
นายดอน ปรมัติวินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ชี้แจงในที่ประชุมถึงกรณีที่สื่อต่างชาตินำเสนอภาพความรุนแรงต่างๆในสถานการณ์การชุมนุมของไทยว่าเป็นเพราะมีการนำภาพจากสื่อไทยไปนำเสนอ แต่เมื่อมีการนำเสนอข้อมูลอีกด้านจากฝ่ายรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ยืนยันว่า ไม่ได้มีการกดดันในสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เช่นเดียวกับเอกอัครราชทูตที่มาประจำในประเทศไทยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไทยเป็นเมืองที่น่าอยู่ มีสิทธิและเสรีภาพ ไม่ได้กดดันฝ่ายใด
การชุมนุมช่วงที่ผ่านมา ต่างประเทศ ให้ความสนใจกับความคืบหน้าของสถานการณ์ โดยทูตไทยประจำกรุงเจนีวาชี้แจงถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ทุกประเทศ ก็เข้าใจในความสมดุลของสถานการณ์การชุมชุมรวมถึง เข้าใจการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐของไทยที่อยู่ในกรอบตามมาตรฐานสากล และยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
“ชวน”ให้ศึกษากก.สมานฉันท์
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงข้อเสนอของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสนอตั้งคณะกรรมกรรมสมานฉันท์ในการหาทางออกให้กับประเทศว่ากำลังให้คณะทำงานศึกษาอยู่ว่าเป็นไปได้หรือไม่ หากคณะกรรมการชุดนี้เข้ามาทำงานก็จะเป็นการทำเฉพาะกรณีนี้
ส่วนการนำร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับไอลอว์ เข้าที่ประชุมร่วมรัฐสภานั้น ต้องรอให้การประชุมสมัยวิสามัญผ่านไปก่อน จะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองมาหารือว่าการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระรับหลักการ สมควรรอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์หรือไม่ ถ้าไม่รอ ก็จะให้นำเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณา ร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมก่อน รับหลักการ พิจารณาทั้ง 6 ร่าง เสร็จแล้วมาพิจารณาก่อน
ตั้งกก.หาทางออกมีสัญญาณดี
ทางด้านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธฺปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ที่ประกอบด้วย 7 ฝ่ายว่าเพื่อร่วมหาทางออกให้ประเทศมีทั้งรัฐบาล ตัวแทน ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล,ฝ่ายค้าน,ส.ว.,ผู้เกี่ยวข้องกับการชุมนุม,ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความเห็นของผู้ชุมนุมและผู้ทรงคุณวุฒิฝ่ายต่างๆ เท่าที่ได้มีการพูดคุยกันกับฝ่ายต่างๆ ถือว่ามีสัญญาณที่ดี มีเสียงตอบรับเป็นที่ยอมรับพอสมควร โดยพรรคร่วมรัฐบาล ได้พูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)และพรรคร่วมรัฐบาลอื่น มีสัญญาณตอบรับที่ดี
และในวันเดียวกันนี้วิป 3 ฝ่ายจะมีการหารือกัน เพราะความเห็นร่วมที่จะออกมาต้องผ่านการพูดคุยกันก่อน ถ้ารัฐสภามีความเห็นร่วมกันเชื่อว่าประธานรัฐสภา คงจะไปดำเนินการออกคำสั่ง หรือกำหนดรายละเอียดอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้รัฐสภาเป็นที่พึ่งเป็นกลไกสำคัญในระบอบประชาธิปไตยให้ประชาชนเห็นว่าสามารถหาทางออกร่วมกันให้ประเทศได้
64สส.ลุ้นศาลชี้ขาดปมหุ้นสื่อ
มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.จำนวน 32 คนของฝ่ายรัฐบาล และอีก 32 คนของฝ่ายค้าน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากถือครองหุ้นสื่อหรือไม่ โดยในช่วงเช้าจะเป็นการประชุมของคณะตุลาการเพื่อแถลงด้วยจาจาและลงมติ ก่อนออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังตั้งแต่เวลา 15.00 น.
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ศาลรัฐธรรมนูญได้เรียกไต่สวนเฉพาะพยานในรายของน.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ และนายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าบริษัทที่ส.ส.คนดังกล่าว ถือหุ้นอยู่นั้นไม่ได้ทำธุรกิจด้านสื่อและไม่ได้มีรายได้จากธุรกิจสื่อจริงหรือไม่ แต่ในรายของนายธัญญ์วารินไม่ติดใจที่จะเข้าชี้แจง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี