ไม่การันตีมี‘ปฏิวัติ’
‘บิ๊กตู่’ย้ำอย่าทำสถานการณ์บานปลาย
วอนอย่าปิดถนนมิตรภาพ
ชาวบ้าน-ขนส่งเดือดร้อน
ซัดฝ่ายค้านเมินสังฆกรรม
แล้วร่วมวงถกรัฐสภาทำไม
“บิ๊กตู่” สวน “อานันท์” ฟังข้อเสนอม็อบตลอด ไม่การันตีมีปฏิวัติหรือไม่ขออย่าทำสถานการณ์บานปลาย ชี้“ไผ่” จ้องปิดถนนมิตรภาพ ทำ ปชช.เดือดร้อน เหน็บ 2 พรรคฝ่ายค้านไม่ร่วมสังฆกรรม ถามกลับเข้าประชุมร่วมรัฐสภาทำไม เลขาฯพระปกเกล้าถกออกแบบ คกก.สมานฉันท์ฯนัดแรกจ่อรวบกก.ปรองดองในอดีตทั้งไทย-ตปท.เสนอ ปธ.รัฐสภา 2 พย.ด้าน “วิษณุ” ชี้อย่าคาดหวังกก.สมานฉันท์ ไม่ใช่ซื้อเวลา พท.ปัดร่วมสังฆกรรมกก.ชี้แค่ซื้อเวลา-อ้างจริงใจแก้ปัญหา เย้ยสุดท้ายมวยล้มต้มคนดู
เมื่อวันที่ 30ตุลาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอให้รับฟังความคิดเห็นกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ด้วยความเคารพเป็นการส่วนตัว นายอานันท์ เป็นอดีตนายกฯตนก็รับฟังข้อเสนอมาโดยตลอด ทั้งทางสื่อโซเชียลและจากคำพูดที่ออกมา ตนได้ยินทุกอย่าง ขอให้เข้าใจซึ่งกันและกันด้วย โดยการเปิดรัฐสภาประชุมสมัยวิสามัญที่ผ่านมาตนก็รับฟังความคิดเห็นเรื่องความต้องการของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่แล้ว ถือว่าจบ ส่วนขั้นตอนต่อไปเป็นการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาว่า มีประเด็นไหนที่เป็นไปได้และประเด็นไหนที่เป็นไปไม่ได้ ซึ่งต้องยึดหลักกฎหมายและรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่ปัจจุบัน ส่วนวันหน้าจะแก้ไขอย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกครั้ง
‘บิ๊กตู่’ไม่ยืนยันเกิดปฎิวัติหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอให้ทำการปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องไปถามคนพูด เราไม่เคยคิดเรื่องเหล่านี้ ต้องระมัดระวังสถานการณ์ไม่ให้บานปลายไปเรื่อยๆ ตนไม่ได้หมายความว่าจะมีการปฏิบัติหรือไม่มี เพียงแต่ไม่มีใครอยากทำและพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีก็ตอบไปแล้วว่า ไม่ทำปฏิวัติ
ฝ่ายค้านเมิน-เข้าประชุมสภาทำไม
เมื่อถามถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์แห่งชาติเป็นการซื้อเวลา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นี่คือกลไกลของรัฐสภาในการแก้ปัญหา เมื่อเราปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องเคารพระบบรัฐสภา และคะแนนเสียงส่วนใหญ่ของคนทั้งประเทศ อยากให้ไปทบทวนตรงนี้ว่า ควรเป็นอย่างไรต่อไป นอกจากนี้ยังมีอีก 2พรรคฝ่ายค้านที่ไม่ได้การเข้าร่วม ตนถามว่าแล้วจะเข้าร่วมประชุมรัฐสภาทำไม ในเมื่อเป็นสส.ที่เป็นผู้แทนสะท้อนความคิดเห็นจากประชาชนทุกคนและทุกฝ่าย ไม่ใช่นำความคิดเห็นของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาเสนอกดดันและเร่งรัด ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง นี่หรือประชาธิปไตยไทย เป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ตนคงพูดได้แค่นี้ ไม่มีความคิดเห็นใดเพิ่มเติม ต้องดูที่เจตนา
วอนม็อบอย่าปิดถนน-ทำบานปลาย
เมื่อถามว่า‘ไผ่ ดาวดิน’แกนนำคณะราษฎรประกาศปิดถนนมิตรภาพเพื่อชัตดาวน์ กทม.พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทำได้ก็ทำไป แต่อยากให้สังคมช่วยกันดูแลตรงนี้ คนที่ได้รับผลกระทบไม่ใช่ตน แต่เป็นประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการจราจรและการส่งขนสินค้า ถ้าเป็นคนที่ดีไม่ควรกระทำในพื้นที่ที่เป็นสาธารณะ เพราะทำให้เกิดปัญหาและทำให้เกิดความขัดแย้งต่อไปเรื่อยๆ ตนเข้าใจว่าการชุมนุมก็จะต้องทำเช่นนี้ ทุกคนต้องระมัดระวังซึ่งกันและกัน รวมถึงเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม จะมาบอกว่ากฎหมายไม่เป็นธรรมไม่ได้ หากไม่กระทำความผิดก็ไม่ถูกบังคับใช้ตามกฎหมาย
“ผมขอร้องว่าอย่าทำให้เหตุการณ์บานปลาย ไม่ส่งผลดีกับใครแม้แต่คนเดียว มีแต่กระพือข่าวได้มากขึ้น แต่ประเทศชาติพังไปเรื่อยๆ ก็แล้วแต่จะคิดก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘วิษณุ’วออย่าขยายปมคำพูด’อานันท์’
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯปฏิเสธให้ความเห็นกรณี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯออกมาให้ความเห็นว่า รัฐบาลควรฟังเสียงกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ตนไม่ทราบ ตนยังไม่ได้อ่านความเห็นดังกล่าว จึงยังไม่รู้เรื่องและไม่รู้จะพูดอย่างไร อย่าไปเอาสิ่งที่ใครคนหนึ่งพูด แล้วเอามาถามต่ออีกคนหนึ่งเลย มันจะทำให้เกิดความบานปลาย เพราะถือเป็นความคิดเห็นหนึ่ง เมื่อถามว่า คำพูดของ นายอานันท์ อาจไปเพิ่มความชอบธรรมให้กลุ่มผู้ชุมนุม นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ขอวิจารณ์ เมื่อถามอีกว่าข้อเสนอของนายอานันท์ น่าจะเป็นทางออกหนึ่งในขณะนี้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ก็ดีแล้ว ซึ่งถ้าตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯขึ้นมา ทุกอย่างก็ควรไปสู่ที่ตรงนั้นและสามารถรับเอาความคิดเห็นของใครต่อใครมา แล้วมาคิดดูว่า จะหาทางออกอย่างไร เมื่อถามว่าในส่วนของฝ่ายค้าน ดูเหมือนจะชัดเจนแล้วว่าจะไม่เข้าร่วมกับคณะกรรมการสมานฉันท์ฯด้วย จะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่รู้สึกว่าเขายังไม่ได้ปฏิเสธการเข้าร่วมเลย เพราะเขายังไม่เห็นรูปแบบว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ทุกคนยังไม่รู้ว่าหน้าตาของคณะกรรมการจะเป็นอย่างไร อย่าว่าแต่ฝ่ายค้านเลย ฝ่ายไหนก็ยังไม่เห็นรูปแบบ เพราะฉะนั้นคงจะลังเลกันอยู่
อย่าหวังทุกอย่างจบที่กก.สมานฉันท์
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์เป็นการซื้อเวลา นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าเรียกว่าคณะกรรมการสมานฉันท์หรือไม่ แต่เท่าที่ฟังในการประชุมรัฐสภาทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลก็มีความเห็นตรงกันให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูเรื่องเหล่านี้ โดยเอาทุกปัญหาขึ้นมาพูด โจทย์ที่จะส่งไปให้คณะกรรมการฯ มีหลายข้อ ที่วิจารณ์กันว่าซื้อเวลาคิดว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น เพียงแต่ว่าถ้าใช้เวลานานเกินไปมันก็ซื้อ ถ้าใช้เวลาไม่นานมันก็ไม่ได้ซื้อ แต่อย่าไปหวังว่าทุกอย่างจะจบที่คณะกรรมการชุดนี้ ไม่ใช่พอจบแล้วก็เลิก แฮปปี้แล้ว มันคงไม่ใช่แบบนั้นแน่ การเสนอทางออกอาจจะเป็นหลายทางก็ได้
พปชร.โต้อานันท์อย่าโยนบาปบิ๊กตู่
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯตั้งคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมหรือไม่ ว่า ข้อเท็จจริงที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ยินเสียงผู้ชุมนุมและติดตามรับฟังมาตลอด มีการถอยให้ในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครตาม การเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาทางออกประเทศ หรือการสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่ผู้ชุมนุมเรียกร้อง แต่จากข้อเรียกร้องทั้ง 3ข้อของผู้ชุมนุม จะพบว่ามีบางข้อเสนอที่ทะลุเพดาน โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน ที่ไม่สามารถกระทำให้ได้ เป้าหมายที่แท้จริงของผู้ชุมนุมไม่ได้อยู่ที่การเปลี่ยนแปลงนายกฯแต่ต้องการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่สูงกว่าเหนือกว่านายกฯ เรื่องนี้คนไทยทั้งประเทศรับทราบและรับรู้ ดังนั้นการลาออกของนายกฯจึงไม่ใช่การแก้ปัญหา เพราะการชุมนุมเรียกร้องยังคงมีต่อไป เพราะยังไม่สำเร็จตามเป้าหมาย จริงๆ แล้วท่านอานันท์ เป็นอดีตนายกฯน่าจะเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้ดีกว่านี้และมาช่วยกันแก้ปัญหาด้วยความจริงใจ ไม่ควรโยนปัญหาไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่กล่าวถึงรากเหง้าของปัญหาที่แท้จริง
‘องอาจ’วอนควรหันหน้าคุยกัน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์หาทางออกให้ประเทศ ว่า นับเป็นเรื่องดีที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา มอบหมายให้สถาบันพระปกเกล้าไปศึกษาหาโครงสร้างและรูปแบบของคณะกรรมการว่า ควรมีหน้าตาอย่างไร มีภาระหน้าที่มากน้อยแค่ไหน เพราะสถาบันพระปกเกล้าเป็นองค์กรทางวิชาการที่มีองค์ความรู้และบุคลากรที่หลากหลาย ซึ่งทำงานเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการเมือง เศรษฐกิจและสังคม อยากวิงวอนทุกฝ่ายอย่ารีบปฏิเสธการเข้าร่วมเวทีพูดคุยเพื่อหาทางออกให้ประเทศ เพราะเราต่างเป็นคนไทยเหมือนกัน เราต้องอยู่ในประเทศนี้ร่วมกันต่อไป แม้เราจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน เมื่อมีปัญหาขัดแย้งกันจึงควรหันหน้าเจรจาพูดคุยกัน เพื่อหาจุดสมดุลที่เห็นพ้องต้องกัน ตนเชื่อมั่นว่าการมีพื้นที่หรือเวทีให้พูดคุยกันจะเป็นส่วนอย่างสำคัญที่ทำให้สถานการณ์คลี่คลายได้บ้างอย่างแน่นอนเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้
‘พท.ซัดซื้อเวลา-มวยล้มต้มคนดู
น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นด้วยที่จะตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ในการหาทางออกให้กับประเทศ ว่า เป็นเพียงการยอมรับแบบเสียไม่ได้ ทั้งนี้ประชาชนหวั่นใจว่า จะเป็นมวยล้มต้มคนดูเหมือนคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติหลายชุดที่ตั้งมาก่อนหน้านี้ ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่า รัฐบาลจะใช้ชุดคณะกรรมการดังกล่าวซื้อเวลาและหวังหลอกประชาชนว่า รัฐบาลตั้งใจ การจัดชุมนุมของนักศึกษา ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลไม่สนใจข้อเรียกร้องของประชาชน
‘วุฒิสาร’ถกผู้ทรงคุณวุฒิยกแรก
วันเดียวกัน นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์หลังหารือร่วมกับนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันพระปกเกล้าเพื่อออกแบบโครงสร้างและวิธีทำงานของคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ตามที่ได้รับมอบหมายจาก นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ว่า สถาบันพระปกเกล้ามีหน้าที่หาคำตอบให้สภาเท่านั้น ไม่ได้เป็นฝ่ายดำเนินการทั้งหมด ขณะนี้อยู่ระหว่างคิดค้นโครงสร้างที่เหมาะสม โดยเฉพาะโครงสร้างกรรมการปรองดองในอดีตและข้อเสนอที่เกิดขึ้นจากการอภิปรายหาทางออกร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 26-27ต.ค.ที่ผ่านมาว่า มีอะไรบ้าง ก่อนจะรวบรวมเสนอต่อประธานรัฐสภา อย่างเร็วสุดในวันที่ 2พฤศจิกายนนี้ โดยจะเสนอให้เห็นว่า โครงสร้างแต่ละโครงสร้างมีข้อดีข้อเสีย และข้อจำกัดอย่างไรบ้าง รวมถึงข้อห่วงใยของสถาบันพระปกเกล้า แต่ยอมรับว่าเงื่อนไขการตั้งคณะกรรมการปรองดองครั้งนี้ ยังไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ต้องการไปถึงจุดไหนอย่างไร อะไรที่เป็นเนื้อหาที่ต้องเอามาพูดคุยบ้าง สถาบันฯ ออกแบบได้เพียงโครงสร้างและวิธีทำงานในเชิงหลักการวิชาการ รวมถึงรวบรวมประสบการณ์จากต่างประเทศมานำเสนอด้วย ส่วนโครงสร้างกรรมการชุดนี้จะมีองค์ประกอบใดบ้าง เป็นเรื่องที่ประธานรัฐสภาต้องกลับไปหารือผู้เกี่ยวข้อง สถาบันฯามีหน้าที่เสนอทางเลือกต่างๆให้เท่านั้น
รวมโมเดลมาจากทุกชุด-ตปท.
นายวุฒิสารยังกล่าวถึงการนำรูปแบบการตั้งคณะกรรมการปรองดองในอดีตมารวบรวมเป็นข้อเสนอ ว่าที่ผ่านมามีการตั้งคณะกรรมการลักษณะนี้แล้วหลายครั้ง เช่น คณะกรรมการสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปการเมืองและศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ชุดที่มี นายดิเรก ถึงฝั่ง เป็นประธาน คณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ ที่มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน หรือคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน เป็นประธาน ซึ่งจะทำให้เห็นได้ว่าการทำงานของแต่ละคณะ มีบรรยากาศและสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อให้เห็นเงื่อนไขในแต่ละด้าน ส่วนที่นายชวน เสนอให้มีทุกฝ่ายเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการปองดองฯนั้น เห็นว่าโดยหลักการแล้ว สถานการณ์ตอนนี้สิ่งสำคัญคือต้องมีพื้นที่ให้แต่ละฝ่ายได้รับฟังกันซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยขอให้ฟังการชี้แจงของ นายชวน ยืนยันว่าการรวบรวมทางออกครั้งนี้ ไม่ได้รวบรวมจากงานของสถาบันพระปกเกล้าเท่านั้น แต่รวมถึงประสบการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ที่แต่ละรัฐบาลมีมาประกอบด้วย
ยันยังไม่ทาบทามใครร่วมนั่งกก.
ผู้สื่อข่าวถามว่าบุคคลที่จะมาทำหน้าที่จะทาบทามในภายหลังใช่หรือไม่ นายวุฒิสาร กล่าวว่า ตัวบุคคลจะยังไม่มีการพิจารณา เมื่อถามย้ำว่า มีข่าวว่าทางสถาบันฯทาบทามแล้ว ไม่มีคนมาเข้าร่วม นายวุฒิสาร กล่าวว่า ข่าวไปไกลมาก ตนยังไม่ได้ทาบทามใครเลยและไม่มีหน้าที่ทาบทามด้วย เพราะต้องได้รับการตรวจจากประธานรัฐสภาก่อน อะไรรีบทำได้ก็ควรรีบทำเพื่อให้เกิดความชัดเจนและมั่นใจทุกฝ่าย แต่ความยากคือ การสร้างความมั่นใจของทุกฝ่ายว่า จะเกิดความเชื่อมั่นได้อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี