‘ชวน’เดินหน้าลุยกก.สมานฉันท์
หาทางออกประเทศ
เชิญอดีตนายกฯ-ปธ.สภาร่วมวง
เตรียมถกรบ.-ฝ่ายค้าน3พ.ย.
พระปกเกล้าเสนอ2รูปแบบ
พท.แหกไม่ร่วมสังฆกรรม
บี้‘ประยุทธ์’ต้องลาออกก่อน
“ชวน”เผยพระปกเกล้าเสนอ 2 รูปแบบ กก.ปรองดองฯ แย้ม 3 พฤศจิกายน อาจคุยผู้นำฝ่ายค้าน-รัฐบาลเป็นการภายใน เผยทาบทาม 3 อดีตนายกฯ-ปธ.รัฐสภาร่วมวง แย้ม 3 พฤศจิกายน อาจหารือรัฐบาล-ฝ่ายค้าน ด้านพระปกเกล้า ระบุ องค์ประกอบกก.สมานฉันท์ที่เหมาะสม 7-9 คน แจงข้อดี-เสีย 2 รูปแบบ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านชี้ตั้งกก.สมานฉันท์ไร้ประโยชน์ ลั่นจุดยืนเดิม“บิ๊กตู่”ต้องลาออก-หยุดคุกคามเยาวชน“บิ๊กตู่”ชี้คนตำหนิ ผิดเพราะอยู่นานเกินไปข้องใจกติกาข้อไหนการเมืองไทย ร้องเพลง’คนดีไม่มีวันตาย’หลังปชช.ฝากดูแลบ้านเมือง ขณะที่‘กกต.’ไล่เช็คบิน‘ธนาธร-พวก’เร่งคำวินิจฉัย แจ้งดำเนินคดีอาญาปมเงินกู้191ล้านบาท
เมื่อวันที่ 2พฤศจิกายน ที่สถาบันพระปกเกล้า นายชวน หลักภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า แถลงข่าวเรื่องคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่า เลขาสถาบันฯได้เสนอรูปแบบแก้ปัญหา2รูปแบบ รูปแบบที่1 เป็นไปตามที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เสนอ คือมีแทนจากฝ่ายต่างๆรวม 7ฝ่าย เช่น สส.ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน ตัวแทนของฝ่ายรัฐบาล ตัวแทนของวุฒิสภา และตัวแทนขององค์กรอื่น แต่ก็มีจุดอ่อน คือหากฝ่ายใดปฏิเสธไม่ร่วมองค์ประชุมก็จะไม่ครบ หรือการหารือพูดคุยกันไม่นานก็อาจจะล่มได้ หรืออาจจะเสร็จเร็วได้ รวมทั้งถ้ามองผิวเผินจะมีแค่ฝ่ายรัฐบาลกับวุฒิสภา ซึ่งเป็นเสียงส่วนใหญ่ถือว่าน่ากังวล
‘ชวน’แย้ม2รูปแบบกก.สมานฉันท์
ส่วนรูปแบบที่2 มีคนกลางที่มาจากการเสนอของฝ่ายต่างๆ หรือประธานรัฐสภาเป็นผู้สรรหา หรือแต่งตั้งคณะกรรมการ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่า กรรมการที่เราไปทาบทามจะรับหรือไม่ เพราะด้วยเป้าหมายของงานเขาก็ต้องดูปัญหาที่เขาจะเข้ามาดูนั้นมันคือเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามจะเอา 2รูปแบบนี้ไปประสานกับฝ่ายต่างๆ หากตามรูปแบบที่1 ถ้าเป็นไปไม่ได้ก็จะมาในรูปแบบที่2หรือดึงรูปแบบที่ 1กับ2 มาประสานกัน ในส่วนของตัวบุคคล โดยอาจต้องไปถามตัวแทนของฝ่ายต่างๆว่า จะเข้าร่วมหรือไม่ หรือคนนอกจะมาร่วมด้วยหรือไม่ เพราะต้องไปคัดคนให้ได้จำนวนไม่มาก แต่มีประสิทธิภาพ เข้าใจปัญหา ซึ่งวันที่ 3พฤศจิกายนนี้เป็นไปได้ก็จะไปพูดคุยกับผู้นำฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเป็นการภายใน
ดึง3อดีตนายกฯ-ปธ.รัฐสภาเข้าร่วม
นายชวน กล่าวอีกว่า ส่วนตัวได้ประสานอดีตผู้ใหญ่ในบ้านเมืองหลายคน เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี3คน อดีตประธานรัฐสภา ซึ่งเสียงส่วนใหญ่พร้อมจะร่วมด้วยถ้ามีโอกาส ไม่อยากให้สื่อไปตั้งเป้าหมาย โดย อย่าไปคิดว่ามันจะมีประโยชน์หรือไม่สำเร็จ ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากการที่คนส่วนใหญ่ในประเทศอยากเห็นบ้านเมืองสงบ วิธีไหนทำให้บ้านเมืองสงบได้เราก็จะพยายาม เมื่อถามว่า จะเป็นประธานคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเองหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า จะหารือกับอดีตนายกและอดีตประธานสภาฯ รวมถึงบุคคลต่างๆ เพื่อดูว่า จะมีใครสนใจในเรื่องนี้บ้างและจะเชิญมาร่วม ซึ่งอดีตนายกฯ3คน ที่ได้พูดคุยต่างก็ห่วงบ้านเมืองและพร้อมให้ความเห็นว่า อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองพร้อมจะร่วมมือ
เชิญม็อบร่วมวงหรือไม่ยังไม่สรุป
ส่วนจะเห็นคณะกรรมการฯเกิดขึ้นเมื่อใด นายชวน ระบุว่า อย่าเพิ่งกำหนดเวลาเพราะต้องใช้เวลาในการประสานแต่ละคน ซึ่งตนจะพยายามไปคุยส่วนตัวและหลายท่านก็ยังบอกว่า ไม่สะดวก ส่วนตัวแทนของผู้ชุมนุมถ้าเข้าร่วมด้วยก็จะเป็นประโยชน์มาก จึงได้ให้ทางเลขาฯสถาบันพระปกเกล้าไปประสาน ซึ่งไม่อยากให้สื่อตั้งเงื่อนไขว่า ผู้ชุมุนมจะเข้าร่วมหรือไม่ เอาเป็นว่า เราเป็นฝ่ายยื่นมือเข้าไปเชิญชวนให้เขามาร่วมแก้ไขปัญหาส่วนรวม โดยการหารือวันนี้ พูดคุยกันเฉพาะเรื่องโครงสร้างคณะกรรมการฯไม่ได้พูดคุยถึงข้อเรียกร้องต่างๆรวมถึงข้อเรียกร้อง 3ข้อของผู้ชุมนุม หรือที่ทางพรรคก้าวไกล (กก.) ระบุว่า ต้องมีการคุยในประเด็นปฏิรูปสถาบันจึงจะเข้าร่วม เพราะเห็นว่าใครจะตั้งธงอย่างไรก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการว่าจะหารือพูดคุยในเรื่องอะไรบ้าง
แนะกก.7-9คน-หวั่นความไว้วางใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถาบันพระปกเกล้าได้เผยแพร่เอกสารระบุถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการสมานฉันท์ โดยมีรายละเอียดว่า จำนวนกรรมการที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 7-9คน โดยรูปแบบที่1 ผู้แทนจากฝ่ายต่างๆ ซึ่งรูปแบบนี้มีข้อห่วงกังวล คือ 1.ตัวแทน7ฝ่าย อาจมีองค์ประกอบที่ไม่สมดุล น้ำหนักเอนเอียงเข้าข้างรัฐบาล ทำให้มีกรรมการจะไม่ได้รับรับความไว้วางใจ 2.ต้องระมัดระวังในการจัดหาผู้เอื้อกระบวนการ ซึ่งควรเป็นคณะทำงานจากหลายหน่วยงานและหลายภาคส่วน ไม่ควรผูกขาด,การจัดวาระการประชุมและการยอมรับในตัวประธานคณะกรรมการ 3.โอกาสที่พรรคฝ่ายค้านไม่ร่วมมีสูงและ4.การหาตัวแทนฝ่ายผู้ชุมนุมเป็นไปได้ยาก ส่วนรูปแบบที่2การมีคนกลางนั้น มีข้อดีคือ ทำให้รัฐสภาเป็นพื้นที่ของการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ ส่วนข้อห่วงกังวลคือการยอมรับในตัวประธานคณะกรรมการและกรรมการ
‘บิ๊กตู่’ชี้นั่งนายกฯนานผิดตรงไหน
ที่ จ.สุราษฎร์ธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางไปพบปะประชาชนที่วัดพระเจดีย์แหลมสอ ต.หน้าเมือง อ.เกาะสมุย โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า นายกฯ และครม.มีความห่วงใยทุกเรื่อง ทั้งเรื่องสาธารณสุขและเศรษฐกิจ วันนี้ขอให้ลองทบทวนที่ผ่านมา 4-6ปี มีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง มองภาพรวมเหมือนต่างประเทศที่ให้มองไกลตัวด้วย แต่ส่วนใหญ่มักมองใกล้ตัว โดยต้องเตรียมการตั้งแต่วันนี้เพื่อลูกหลานของเราวันหน้า ทั้งนี้ทุกคนมีความคิดที่แตกต่าง ดังนั้นการปรับเปลี่ยนต่างๆ ไม่ง่ายเหมือนแค่พลิกฝ่ามือ แต่ถ้าเรารวมใจไทยสร้างชาติไม่ว่าใครทำอะไรถ้าดีสนับสนุน โดยต้องเป็นไปตามกฎหมายถูกต้องชอบธรรม ไม่ใช่เพื่อผู้ใดผู้หนึ่ง
“บางคนบอกนายกฯมีปัญหานู่นนี่ร่ำรวย ทุจริต เขาวัดกันด้วยอะไร เขาวัดกันด้วยการดำเนินคดี การตัดสินของศาลและผมก็ยังไม่เห็นผมทำอะไรผิดสักอย่าง บางคนบอกผมผิดเพราะผมอยู่นานเกินไป เบื่อขี้หน้า ผมไม่รู้เหมือนกันอยู่ในกติกาข้อไหนของการเมืองไทย แต่ผมก็ไม่ว่า หลายคนบอกผมผิดนู้นผิดนี่ ผมไม่ว่าอะไร ผมฟังเฉพาะศาล”นายกฯ กล่าว
ครวญเพลง’คนดีไม่มีวันตาย’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ร้องเพลง”คนดีไม่มีวันตาย”ร่วมกับประชาชน จากนั้นนายกฯได้ร่วมกิจกรรมกวนขนมกาละแม ที่คนในพื้นที่จัดสาทิตต้อนรับ โดยประชาชนได้ขอให้นายกฯ อยู่รักษาบ้านเมืองไปนานๆ ดูแลประชาชนด้วย ขณะที่นายกฯตอบเป็นภาษาอังกฤษว่า Yes sir โดยประชาชนได้ตอบกลับว่าจะดูแลนายกฯด้วยเช่นกัน
สักการะท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร
จากนั้น เวลา 16.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ และคณะเดินทางมาสักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดย ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทร เป็นสามัญชนที่ได้รับการยกย่องเป็นวีรสตรี ที่ป้องกันเมืองถลางให้พ้นจากข้าศึกได้ในสงครามเก้าทัพสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอนุสาวรีย์ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีความกล้าหาญและความเสียสละของวีรสตรีไทยที่มีหัวใจรักชาติอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเป็นที่เคารพและศรัทธาของชาวภูเก็ต
ทันทีที่ นายกฯ มาถึงได้สักการะอนุสาวรีย์ท้าวเทพกษัตรี ท้าวศรีสุนทรและนำพวงมาลัยไปคล้องที่ดาบและถ่ายรูปหมู่กับข้าราชการ โดยก่อนที่ นายกฯ จะขึ้นรถได้โบกมือทักทายประชาชน ซึ่งอยู่ริมฝั่งถนน และได้ชูป้ายพร้อมตะโกนให้กำลังใจนายกฯ ว่า “ลุงตู่สู้ๆ,รักลุงตู่”
พรเพชรรอการเมืองดำเนินการ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา (สว.) ในฐานะรองประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า ให้สัมภาษณ์เรื่องตั้งคณะกรรมการสร้างความสมานฉันท์ ว่า เป็นเรื่องที่พรรคการเมืองต่างๆ จะดำเนินการพูดคุยกัน ซึ่งเข้าใจว่าคงจะพยายามเพื่อให้สามารถดำเนินการตั้งคณะกรรมการได้ ส่วนหากมีการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้นแล้ว จะแก้ไขปัญหาได้หรือไม่นั้น ตนคงไม่ได้คิดอะไร เพราะขณะนี้มีความประทับใจอย่างยิ่งในสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานสัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่ว่า ประเทศไทยเป็นดินแดนของความประนีประนอมกัน จึงยังไม่ได้คิดเรื่องอื่นในขณะนี้
‘ไพบูลย์’แนะประชามติ52ล้านคน
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้อภิปรายในที่ประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 26ตุลาคมที่ผ่านมา ได้เสนอทางออกของประเทศในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองขั้นรุนแรงของไทย เสนอให้ใช้การออกเสียงประชามติถามประชาชนทั้งประเทศแทนการยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ เพราะเห็นว่า การยุบสภาจะเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์เศรษฐกิจให้มีปัญหามากขึ้นและการยุบสภาไม่สามารถยุติความขัดแย้งจากการชุมนุมทางการเมืองได้ จึงขอเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมวงกลาโหม หากจะหาทางออกของประเทศให้ได้ผล ต้องให้ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วมขอเสนอนายกฯให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติจัดให้มีการออกเสียงประชามติโดยประชาชนทั้งประเทศที่มีสิทธิ์ออกเสียง52ล้านคน
ถามวันลงชิงอบจ.ประหยัดงบฯ
นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า เพื่อให้การออกเสียงประชามติทำได้รวดเร็วและประหยัดงบประมาณแผ่นดิน จึงเสนอให้การออกเสียงประชามติทำพ่วงพร้อมกับการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.และนายก อบจ. ทั้ง 76จังหวัดในวันที่ 20ธันวาคม กำหนดเพิ่มเขตกรุงเทพมหานครให้ กกต.จัดออกเสียงประชามติเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้ใช้งบประมาณทำประชามติจำนวนไม่มาก การหาทางออกของประเทศด้วยการจัดให้ออกเสียงประชามติเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนจึงเสนอให้ครม.อาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 173 ตราเป็นพระราชกำหนด (พรก.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติขึ้นใช้เฉพาะครั้งนี้ เนื่องจากเป็นกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะและครม.เห็นเป็นกรณีฉุกเฉินรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
ฝ่ายค้านจี้นายกฯลาออกก่อน
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ตัวแทนคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน (ฝ่ายค้านเพื่อประชาชน) ร่วมแถลงหลังการประชุมถึงท่าทีของพรรคร่วมฝ่ายค้านต่อการเข้าร่วมในคณะกรรมการสมานฉันท์และการหาทางออกให้ประเทศ โดย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า การตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นร่วมกันว่า ปัญหาประเทศไทยเกิดจากตัว พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหลักและต้องการแค่สืบทอดอำนาจ หากตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์
‘เรายืนยันจุดยืนเดิม คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกก่อน 2.เรามีบทเรียนว่าคณะกรรมการในสถานการณ์เช่นนี้ที่ผ่านมาเกิดขึ้นหลายครั้ง แต่คณะกรรมการไม่มีอำนาจในตัวเองที่จะดำเนินการในเรื่องใดๆได้ เช่น การนิรโทษกรรม หรือการเยียวยา จึงมีแต่ข้อเสนอไปยังรัฐบาลเท่านั้น เราอยากเห็นว่ากรรมการที่จะตั้งขึ้นมีอำนาจหรือไม่ อย่างไร 3.ก่อนตั้งคณะกรรมการจะต้องตีโจทย์ของประเทศ พรรคร่วมฝ่ายค้านอยากสอบถามและตรวจสอบก่อนว่า การตั้งคณะกรรมการชุดนี้อยู่บนโจทย์อะไรและ4.สถานการณ์ของประเทศ ถ้าอยากจะคลี่คลายปัญหา สิ่งที่ดีที่สุด คือ ยุติการคุกคามประชาชนและเยาวชน เพื่อให้สถานการณ์คลี่คลาย ตราบใดที่การคุกคามยังมีอยู่ โอกาสที่สถานการณ์จะได้รับการคลี่คลายไม่จะเป็นไปได้ เวลานี้หากนายกฯตัดสินใจยุบสภาเท่ากับว่า ไม่ได้แก้ไขปัญหา เนื่องจากยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เลือกตั้งกลับเข้ามา สว.ก็ยังเลือกนายกฯได้เหมือนเดิม หากเป็นเช่นนี้เท่ากับว่านายกฯเห็นแก่ตัว’นายชูศักดิ์ กล่าว
‘สุเมธ’ชี้ต้องปรับเปลี่ยนถึงอยู่กันได้
นายสุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองเช่นกัน เพราะสติเตลิงเปิดเปิง พูดกันไม่ฟัง คล้ายเกิดโรคระบาดไปทั่วโลก มองด้วยสายตากว้างๆโรคมนุษย์ น่ากลัวยิ่งกว่าโรคโควิด เพราะทุกอย่างพัฒนาไปถึงจุดสูงสุด จะลงกลับมาเริ่มต้นใหม่ เป็นวัฐจักร ทั่วโลกเหมือนกันหมดต้องรอให้อาการของโรคหายไปเอง หมดแรงกันไปเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีกลุ่มคนออกมาเรียกร้องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ นายสุเมธ กล่าวว่า ก็ได้ติดตามข่าว ตนมองว่าอะไรไม่ได้เคยเห็นจะเกิดขึ้นมา เหมือนเช่นโรคภัยไข้เจ็บ หรือโลกใกล้จะดับแล้วมั้ง ซึ่งไปตามทางมัน ไปตามครรลอง เดี่ยวก็จบ เหมือนโรคไวรัสโควิด เกิดขึ้นเมื่อไหร่ กลับมาอีก แล้วก็ไป ก็ว่าของมันเอง ต้องคิดแบบนั้น ไม่อย่างนั้นกลุ้มใจตาย ทำจิตว่าง แนะนำด้วยสายตาคนแก่ ที่อายุกว่า70ปี
สถาบันก็เป็นวัฐจักร เอาจริงสถาบันเป็นส่วนหนึ่งของทุกอย่าง ถูกกระชากลากไปด้วย พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนต้องปรับ จะเห็นว่าวันนี้เหมือน20ปีที่แล้วไหม ต้องเปลี่ยนปรับกันไป ถึงอยู่กันได้ รู้ว่าจะเปลี่ยนต่างฝ่ายก็ต้องปรับให้อยู่กันได้ ซึ่งโดยธรรมชาติปรับกันได้อยู่แล้ว ดินฟ้าสภาพอากาศ แปรปรวน เผชิญความใหม่ อย่างไร การใช้ชีวิตนิวนอมอลเกี่ยวกับโลกกับชีวิต รับไป ปรับไปเปลี่ยนไป จนอยู่กันได้ เพราะทุกอย่างมันไม่เคยเหมือนเดิม วันนี้ก็ไม่เหมือนเมื่อวาน พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ชีวิตเราก็เช่นกัน
‘กกต.’ไล่เช็คบิล‘ธนาธร-พวก’
วันเดียวกัน นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณี กกต. มีมติดำเนินคดีอาญา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และอดีตกรรมการบริหาร(กก.บห.) พรรคอนาคตใหม่ 15คน จากการกู้ยืมเงิน 191.2ล้านบาท ว่า เรามีมติที่ให้ดำเนินคดีอาญา แต่ขั้นตอนที่จะดำเนินคดีอาญาจะต้องจัดทำคำวินิจฉัย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำคำวินิจฉัย เมื่อจัดทำเสร็จ กกต.จะเผยแพร่คำวินิจฉัยต่อสาธารณชนลงในเว็บไซต์ กกต.โดยใช้เวลาไม่นาน จากนั้นสำนักงาน กกต.จะไปแจ้งความดำเนินคดี เพื่อให้ตำรวจดำเนินการต่อไป กรณี กก.บห.พรรคทั้ง 15คนเราเห็นว่า มีความผิดเท่ากัน มาตราเดียวกัน เป็นบุคคลที่ถือเป็นผู้บริหารพรรค เราไม่ได้แยก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี