ห้ามม็อบรุกล้ำเขตพระราชฐาน

ผบ.ทบ.ฮึม!

ประกาศชัด‘รัฐประหารติดลบ’

เตือนผู้ชุมนุมปาประทัด-พลุไฟ

ถามถ้าโดนวัดพระแก้วเสียหาย

ใครจะกล้าออกมารับผิดชอบ

ตร.เร่งรวบรวมหลักฐานมัดตัว

ผบ.ทบ.“บิ๊กบี้”ออกมาเตือน ม็อบคณะราษฎร อย่าบุกรุก“เขตพระราชฐาน” หลังพบคลิปขว้างประทัด ย้อนถามหากโดน“วัดพระแก้ว-ศาลหลักเมือง”ใคร
รับผิดชอบ ประกาศย้ำชัดความคิด“รัฐประหาร”ติดลบขณะที่ ตร.รวบรวมหลักฐานฟันผิดกม.ชุมนุม-เอาผิดมือปาพลุใส่ ตร.บาดเจ็บ เขียน-ส่งตู้ จม.สีแดง“ให้ สน.ชนะสงคราม เช็คเนื้อหา “ถาวร” ร้อง“ผบ.ตร.-ดีเอสไอ-อสส.-ศาล” เอาผิดม็อบ เหตุทำลายศรัทธาคนไทยต่อสถาบัน สร้างปัญหาต่อบ้านเมือง “ธนกร”
ซัดม็อบทำมิบังควร จ้องบุกสำนักพระราชวัง ยื่นจม.เนื้อหาจาบจ้วงหวั่นคนไทยทนไม่ไหวจนเหตุบานปลาย รัฐบาลทำทุกอย่างให้ปท.สงบ ‘ไพบูลย์’ชี้ม็อบ3นิ้วเป็น’ปฏิปักษ์’ต่อสถาบัน ชี้ช่องให้ปชช.แจ้งจับเอาผิดแกนนำทั่วปท. ด้านศปส.ให้กำลังใจ’บิ๊กตู่’จี้ใช้กม.พิเศษ

เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ที่ไปไม่ได้ไปในลักษณะควบคุมฝูงชน เพราะอยู่นอกเครื่องแบบ แต่เจ้าหน้าที่ตรงนั้นที่เป็นข่าวไปอยู่ด้านหลังแนวตำรวจ ตนขอพูดในฐานะที่ดูแลงานด้านความมั่นคงซึ่งสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมุ่งไปพระบรมมหาราชวัง ศาลหลักเมืองและวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว ทั้งหมดล้วนเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้น มีใครรับประกันหรือรับผิดชอบได้หรือไม่ต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเฝ้าระวังป้องกัน ส่วนทหารบริเวณนั้น อยู่หลังตำรวจหากมีมวลชนหลุดแนวตำรวจออกมา ก็จะเป็นหน้าที่ของทหารที่จะต้องป้องกัน แต่ในส่วนของการ์ดที่ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมก็คุยกันแล้วว่า เป็นการชุมนุมอย่างสงบและสันติ เราพยายามไม่ให้เกิดความรุนแรง ทางกลุ่มผู้ชุมนุมและความมั่นคง ได้พูดคุยกันมาตลอด

แม้การชุมนุมดังกล่าว จะผิดพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะแต่เจ้าหน้าที่ก็ประนีประนอม ไม่ได้ดำเนินคดีทั้งหมด ใครที่ทำผิดกฎหมายก็จะดำเนินการเฉพาะรายบุคคล ในส่วนของการ์ด ที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ต้องยอมรับว่าเขาพยายาม เจรจากับตำรวจในสิ่งที่เขาอยากจะกระทำและยืนยันชุมนุมโดยสงบและสันติ แต่ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่ามีกลุ่มคน ผมย้ำเสมอว่าอย่าให้เกิดความรุนแรง ต้องควบคุมให้ได้ ถ้าเกิดความรุนแรงเมื่อไหร่ ประเทศชาติ ก็จะถอยลงไปอีกที

ถ้าโดนวัดพระแก้วใครรับผิดชอบ

“หากดูจากคลิปหรือข้อมูลต่างๆทหารที่ออกไปส่วนนั้น ก็คือช่วยไปดูแลเจ้าหน้าที่อยู่ข้างหลัง หากมีอะไรขึ้นมาทหารจะได้ช่วยตำรวจและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทหารตรงนั้น กลับได้รับบาดเจ็บเสียเองเพราะมีกลุ่มที่ต้องการสร้างความรุนแรง หากเจ้าหน้าที่ตำรวจปล่อยไป พวกที่ต้องการสร้างความรุนแรงก็เข้าไปได้ เพราะกลุ่มผู้ชุมนุมก็ไม่ได้สกรีนคน เราก็เห็นแล้วในคลิปว่าเขาเตรียมสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับประทัด ที่มีไฟจุด ขว้างข้ามรถบัส ผมถามว่า หากปล่อยไปจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา หากปาเข้าไปในศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว แล้วเกิดความเสียหาย ใครจะออกมายืนรับผิดชอบ แล้วความรู้สึกของคนทั้งประเทศจะเป็นอย่างไร” พล.อ.ณรงค์พันธ์ ย้ำ

ฮึ่มห้ามบุกรุก’เขตพระราชทาน’

เมื่อถามว่า ทางทหารจะสามารถยอมรับได้ขนาดไหน หากมีการบุกรุกพื้นที่เขตพระราชฐานอีก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เขตพระราชฐานมีลักษณะคล้ายกับบ้าน เราก็ไม่ต้องการให้ใครมาบุกรุก ทุกคนก็รักบ้านตัวเองและครอบครัวตัวเอง สิ่งที่พยายาม ก็คือ อย่าให้เกิดความรุนแรง เพราะสถานการณ์ตอนนี้กำลังดีขึ้นจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ประเทศไทยทำได้ดี และที่ตนได้ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมกองกำลังชายแดนก็คือไปเน้นย้ำเรื่องนี้ไม่ให้การ์ดตก

ประกาศชัด’รัฐประหาร’ติดลบ

เมื่อถามว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่มีทางออก พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวย้ำว่า มี ซึ่งตนจำไว้เสมอว่า การเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง หากทุกคนมีสติและมองกระจกให้รอบด้านว่าควรจะทำอะไร เมื่อถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ทหารดูแลอะไรบ้าง พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่าตนได้รับคำสั่งว่าให้ดูแลตามแนวชายแดนโดยเฉพาะการป้องกันเรื่องโควิด-19 ตนก็รับคำสั่งมาตามภารกิจหน้าที่

เมื่อถามว่า ในสถานการณ์แบบนี้บทบาทของทหารควรเป็นอย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า บทบาทของทหาร ก็เป็นไปตามที่ได้ระบุไว้ ทั้งเรื่องงานชายแดน และการดูแลประชาชนที่ประสบความเดือดร้อน เมื่อถามว่ามีบางกลุ่มเรียกร้องให้ทำรัฐประหาร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า“รัฐประหาร ติดลบ”

ตร.ยันฉีดน้ำเปล่าไร้สารเคมี

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มราษฎรเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ว่าสาเหตุที่ตำรวจใช้น้ำฉีดสกัดควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นขั้นตอนตามกฎหมายหลังจากได้แจ้งเตือนไปแล้ว เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามฝ่าฝืน เข้าในพื้นที่หวงห้ามจึงจำเป็นต้องใช้น้ำฉีดสกัด ยืนยันเป็นน้ำเปล่าไม่มีการผสมสารเคมี รวมทั้งไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่าจำเป็นต้องใช้รถฉีดน้ำเพื่อเตือนว่ากลุ่มผู้ชุมนุม พยายามฝ่าแนวกั้นของตำรวจเข้ามา และการฉีดน้ำเป็นการฉีดขึ้นฟ้าเป็นละอองน้ำ ไม่ได้จงใจให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สิน ส่วนที่ตำรวจออกมาขอโทษกลุ่มผู้ชุมนุมหลังจากฉีดน้ำ เพราะไม่อยากให้สถานการณ์บานปลายขึ้นไปกว่านี้

พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.ชี้แจงว่าเป็นการฉีดแบบโปรย มีการประสานงาน และแจ้งเตือนผู้ชุมนุมมาโดยตลอด ยืนยันว่าการชุมนุมต้องแจ้งวัตถุประสงค์ที่ชัด พร้อมประมาณการจำนวนคน เพราะการชุมนุมแม้จะมีสิทธิตามกฎหมายแต่หลีกเลี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อผู้ที่สัญจรของประชาชนไม่ได้

เร่งรวมหลักฐานฟันผิดกม.ชุมนุม

สำหรับการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมเบื้องต้นพบว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ เนื่องจากไม่ได้แจ้งขอชุมนุมต่อเจ้าพนักงาน ส่วนจะเป็นใครบ้าง อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน ตั้งแต่การชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย การเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมในการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์โดยการหย่อนจดหมายในไปรษณีย์หน้าศาลฎีกา ตำรวจได้อนุญาตให้จัดกิจกรรม ก่อนจะประกาศยุติการชุมนุม ทั้งนี้ ยังไม่ได้รับแจ้งว่า จะมีการชุมนุมครั้งต่อไปเมื่อไร

สอบปาพลุควัน-เอาผิดทำตร.เจ็บ

รอง ผบช.น.กล่าวถึงกรณีพบพลุควันในพื้นที่ ฝั่งตำรวจ จากเหตุชุมนุมกลุ่มราษฎร เมื่อวันที่8 พฤศจิกายน ว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าเป็นพลุควันชนิดใดและเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิดและพลุดอกไม้เพลิงหรือไม่ จากการตรวจสอบพบว่ามีการจุดในหลายพื้นที่ชุมนุม และพบว่ามีตำรวจได้รับบาดเจ็บหัวแตกเย็บ 3 เข็ม จากการปาแก้วและขวดของฝั่งกลุ่มผู้ชุมนุม ส่วนการรื้อรั้วแผงกั้นต้องรอให้ กรุงเทพมหานคร (กทม.)สำรวจความเสียหายแล้ว แจ้งความดำเนินคดี

จ่อเอาผิดผู้เขียนจม.-ตู้ไปรษณีย์แดง

“ขณะที่ตู้ไปรษณีย์สีแดงตอนนี้ได้นำไปเก็บไว้ สน.ชนะสงคราม เพื่อนำไปประกอบการสอบสวน สำหรับการดำเนินคดีกับผู้เขียนจดหมายนั้น จะต้องดูเนื้อหาในจดหมายว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่

ขณะที่มีกลุ่มเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือ คปส.ที่ยื่นหนังสือถึงนายกฯเพื่อขอให้มีการชัตดาวน์ประเทศนั้น จะเข้าข่ายความผิด มาตรา116 หรือไม่นั้น ทางตำรวจจะต้องตรวจสอบพฤติกรรรมและเนื้อหาของการยื่นหนังสือ”พล.ต.ต.ปิยะ กล่าว

“ถาวร”ย้ำคนไทยยังรักสถาบัน

นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม จากพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า กรณีการชุมนุมกลุ่มคณะราษฎรและมี 3 ข้อเรียกร้องซึ่ง1ใน3ข้อเรียกร้อง คือการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ที่จริงแล้ว คนไทยมีความเชื่อ ความศรัทธาและความรักต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จากรุ่นสู่รุ่นส่งต่อกันมาอย่างยาวนาน ด้วยคุณูปการที่บูรพกษัตริย์ได้ทรงกระทำไว้ทั้งเรื่องการดำรงและรักษาเอกราชของประเทศ การพัฒนาประเทศให้นำสมัย การสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับแผ่นดินไทย และการดำรงตนในฐานะศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ ทั้งนี้ความเชื่อ ความศรัทธา และความรักนั้นยังคงอยู่และหวังว่าจะสืบทอดไปถึงรุ่นต่อไปซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าในใจของคนไทย ยังคงรักในสถาบันพระมหากษัตริย์

ชี้ชุมนุมได้ต้องละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น

หนึ่งในหลักการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยคือการบริหารอำนาจรัฐที่มาจากเสียงข้างมากของพลเมือง ผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ประชาชนทุกคนต้องเคารพเสียงข้างมากโดยไม่ได้ละเลยต่อเสียงข้างน้อย และที่สำคัญ คือการเคารพในสิทธิของทุกคน หากเราเคารพในสิทธิของเสียงข้างมากและเคารพในเสียงข้างน้อย จึงไม่ควรแสดงออกซึ่งการไม่เคารพสิทธิของกันและกันทั้งเรื่องทางการเมือง ความเชื่อหรือความศรัทธา การชุมนุมเรียกร้องเป็นสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นได้ในระบอบประชาธิปไตย แต่ควรอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ เพื่อการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองและความปกติสุขของประชาชนในการดำรงชีวิตและการประกอบสัมมาชีพ อีกทั้ง การชุมนุมจะต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่นไม่กระทำให้ผู้อื่นใดต้องเดือดร้อน

ซัดม็อบทำลายศรัทธาต่อสถาบัน

นายถาวร ระบุว่าการชุมนุม การเรียกร้อง และการแสดงออกของกลุ่ม “ราษฎร”หากเป็นการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตย ต้องการเปลี่ยนแปลง เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ ภายใต้กฎหมายและตนเข้าใจเป็นอย่างยิ่งว่ายุคสมัยได้มีการเปลี่ยนผ่าน ทุกสิ่งย่อมมีการเปลี่ยนแปลง แต่การเปลี่ยนแปลงต้องทำด้วยอารยะ และไปในทางที่ดีขึ้น หากแต่การแสดงออกซึ่งการทำลาย ทำร้าย ความศรัทธา ความเชื่อ ความรักของคนไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ปรากฏขึ้นนั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดต่อระบอบประชาธิปไตยตามแบบที่เรียกร้อง ซึ่งการกระทำที่แสดงออกมาต่างๆโดยตลอดดังเห็นในภาพ และวาจาที่ปรากฏ คือการทำลาย ซึ่งอย่างน้อยที่สุดคือ ทำร้ายความรู้สึก ความรักและความศรัทธาของคนไทยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

ร้อง 3หน่วยงานหลักเอาผิดม็อบ

“ผมขอเรียกร้องให้ ผบ.ตร.อธิบดีดีเอสไอ อัยการสูงสุด ผู้พิพากษา ตุลาการในศาลยุติธรรม ได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ตรงไปตรงมา อย่าได้เกรงกลัว และละเว้นไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นปัญหาของบ้านเมือง เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ และละเมิดสิทธิของผู้อื่น เพื่อให้สังคมไทยกลับมาสงบสุขอีกครั้ง ประชาชนไทยทุกคนเคารพกฎหมายและเคารพหลักการในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป” นายถาวร ระบุ

‘ธนกร’ซัดม็อบทำการมิบังควร

ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการชุมนุมของคณะราษฏร ที่มีความพยายามจะไปยังหน้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อจะยื่นจดหมายถึงพระมหากษัตริย์นั้น เป็นการกระทำที่มิบังควร จาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สำคัญ เนื้อหาของจดหมายมีลักษณะหยาบคาย ก้าวร้าว ย่ำยีหัวใจพี่น้องคนไทยทุกคน ประเทศเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร สถาบันพระมหากษัตริย์สร้างคุณูปการให้กับประเทศชาติและประชาชนมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีความจำเป็นต้องปฏิรูป ข้อเรียกร้องบางอย่างรัฐบาล ก็ไม่ได้ขัดข้อง โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ห่วงคนไทยทนไม่ไหวจะบานปลาย

“แต่การชุมนุมได้ล้ำเส้นอย่างมาก ทำกิจกรรมที่ไม่บังควร ไม่ใช่แนวทางการชุมนุมอย่างสันติ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ใช้พลุไฟโยนใส่เจ้าหน้าที่ วันนี้พี่น้องประชาชนทั่วประเทศที่จงรักภักดีต่อสถาบันทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของกลุ่มผู้ชุมนุม ได้ออกมาเคลื่อนไหวแล้ว รัฐบาลไม่อยากเห็นคนไทยด้วยกันปะทะกันเอง อยากให้แกนนำหันมาใช้แนวทางอย่างสันติ รัฐบาลก็สนับสนุนแนวทางเจรจาสันติวิธีเช่นกัน”นายธนกรย้ำ

ลั่นรบ.ทุกอย่างให้ประเทศสงบ

นายธนกร กล่าวอีกว่ารัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองสงบ สันติ ไม่อยากให้เกิดความรุนแรง คณะราษฏรเรียกร้องประชาธิปไตย แต่พอรัฐบาลจะแก้ปัญหาอย่างประชาธิปไตยกลับไม่ยอมรับ การชุมนุมปิดถนนก็ทำให้ประชาชนเดือดร้อน และตนเห็นแกนนำม็อบ เวลาอยู่ในม็อบใช้วาจาก้าวร้าว ด่าทอ จาบจ้วงสถาบัน แต่พอไปออกรายการทีวีกลับทำตัวน่ารักน่าเอ็นดู ใส่ซื่อบริสุทธิ์อย่างชนิดพระเอกนางเอกต้องยอม ฝากไปยังนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าว่าวันนี้ท่านมีความสุขบนความทุกข์ของพี่น้องคนไทยทุกคนใช่หรือไม่ ซึ่งใครที่ทำผิดกฏหมาย ก็ต้องรับโทษ ไม่มีข้อยกเว้น

ไพบูลย์ชี้ม็อบเป็น’ปฏิปักษ์’ต่อสถาบัน

ด้านนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงการที่แกนนำกลุ่มราษฏร63เสนอให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์มีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน 10 ข้อและได้นำขึ้นกล่าวปลุกระดมมวลชนในสถานที่ชุมนุมต่างๆหลายแห่งนั้นว่า ตนเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา116 ซึ่งบัญญัติว่า”ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญหรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต(3)เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดินต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี”

โดยข้อเรียกร้อง 10ข้อ ให้ปฏิรูปสถาบันฯล้วน แต่เป็น ปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯทั้งสิ้น การกระทำของแกนนำกลุ่มราษฎร์ 63 จึงเท่ากับตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันฯ มิใช่เป็นการกระทำเพื่อปฏิรูปสถาบันฯอย่างที่กล่าวอ้าง” เป็นการก้าวล่วงที่ไม่บังควรกระทำ และขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา6ซึ่งบัญญัติว่า“องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้” รวมทั้งยังทำลายจารีตประเพณีที่ยาวนานของสังคมไทย และการจาบจ้วงสถาบันฯเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดลบหลู่ความเชื่อ ความศรัทธา และความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ของประชาชนคนไทยหลายสิบล้านคน การกระทำของแกนนำกลุ่มราษฎร์ 63 ยังทำให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ไม่ว่าเป็น พ.ร.บ. ชุมนุมสาธารณะ หรือ พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน การกระทำของแกนนำกลุ่มราษฏร์ 63 จึงครบองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116

แนะให้ปชช.แจ้งจับแกนนำทั่วปท.

ตนจึงเสนอข้อกฎหมายให้ประชาชนที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่อยู่ในกรุงเทพและในต่างจังหวัด 76 จังหวัด ทั่วทั้งประเทศหลายสิบล้านคน ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ หมวด 4 หน้าที่ปวงชนชาวไทย ที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สามารถไปร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดกับแกนนำผู้ชุมนุมเหล่านั้น ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ตั้งตนเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ต้องยุติการกระทำที่ผิดกฎหมายดังกล่าว

ศปส.ให้กำลังใจบิ๊กตู่/จี้ใช้กม.พิเศษ

วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงาน กพ.กลุ่มเครือข่ายประชาชน ปกป้องพระมหากษัตริย์(คปส.) นำโดย นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาธิการเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เพื่อให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ ผ่านนายสุภรณ์ อัตถาวงษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี

โดยนายกฤตย์กล่าวว่าเราต้องเป็นตัวแทนประชาชน ในฝ่ายที่จงรักภักดี และปกป้องสถาบัน ในจดหมายเปิดผนึก ไม่ได้มีรายละเอียดอะไรมากมาย เป็นเพียงการบอกว่าเราเป็นประชาชนส่วนหนึ่งของประเทไทย ที่อยู่ข้างสถาบันพระมหากษัตริย์และมีความเชื่อมั่นในตัวนายกฯและเป็นกำลังใจในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์ร้ายแรงของตามที่เห็นสมควรและเสนอให้ใช้กฎหมายพิเศษแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง ตนไม่ได้ระบุว่าให้มีการรัฐประหาร แต่จะใช้กฎหมายใดนั้น อยู่ที่ผู้มีอำนาจจะเห็นสมควรโดยนายกฯอาจปรึกษาประธานรัฐสภา และฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

ด้าน นายสุภรณ์กล่าวว่าขอให้น้องๆนักศึกษา ที่ยังเข้าร่วมชุมนุมทบทวนตรงจุดนี้ โดยเฉพาะแกนนำ เพราะทราบดีว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยกับการปฏิรูปสถาบัน เรามีระบบในสภาอย่ามากดดันนายกฯด้วยวิธีการแบบนี้ ถึงนายกฯจะลาออก คนที่จะมาเป็นนายกฯแทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ก็ไม่มีใครกล้ารับปาก แน่จริงให้ไปถาม