อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย
ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนปวงชนชาวไทย คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) โดยมีประธานรัฐสภาเป็นประมุขของอำนาจนิติบัญญัติ
ผู้ใช้อำนาจบริหารแทนปวงชนชาวไทย คือคณะรัฐมนตรี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าของอำนาจบริหาร
* * * *
ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติ หรือ สส., สว. มีหน้าที่ออกกฎหมายเพื่อเป็นกฎเกณฑ์หรือข้อบังคับ ให้บ้านเมือง (ประเทศไทย) อยู่ในระเบียบที่ดีงาม และมีหน้าที่กำกับดูแลให้ผู้ใช้อำนาจบริหาร (คณะรัฐมนตรี) บริหารบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อยและเป็นธรรม (peaceful with good governance)
ผู้ใช้อำนาจบริหารแทนปวงชนชาวไทย อันมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า คณะรัฐมนตรีและข้าราชการประเภทต่างๆมีหน้าที่บริหารบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย (peaceful) และมีธรรมาภิบาลตามหลักเกณฑ์และข้อกำหนดต่างๆ ที่มีอยู่ในกฎหมายประเภทต่างๆ ที่ฝ่ายนิติบัญญัติสร้างไว้
* * * *
ขณะนี้ มีความบกพร่องเกิดขึ้นแล้ว ภายใต้การใช้อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหารแทนปวงชนชาวไทยของ สส., สว. และของคณะรัฐบาลและข้าราชการของอำนาจบริหาร
* * * *
มีประชาชนที่มีตัวตน (รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และผศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค) ออกมาเขียนบทความใน นสพ.แนวหน้า เมื่อพุธที่ 11 พฤศจิกายน 2563 โดยเปิดเผยว่าทำไมคดีคอร์รัปชันเรียกเงิน บ้านเอื้ออาทร ใช้เวลาถึง 14 ปี
เรื่องเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2548 ที่มีการทุจริตในการเคหะแห่งชาติ ป.ป.ช.ชี้มูลคดีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 (ใช้เวลารวบรวมหลักฐาน 4 ปี) แล้วส่งเรื่องให้อัยการฟ้องคดี จนอีก 9 ปีต่อมาเมื่อ 9 พฤษภาคม 2561 อัยการสูงสุดจึงได้เป็นโจทย์ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ศาลใช้เวลาพิจารณาอีก 2 ปี จึงพิพากษาจำคุกนักการเมืองและผู้เกี่ยวข้อง คนละ 90 ปี
______________________________
นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าของอำนาจบริหาร และ สส., สว. (รวมทั้งท่านประธานของทั้งสองสภา) ท่านก็นั่งกันอยู่เฉย เพราะตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ.2553 และตามรัฐธรรมนูญ ม.248 พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาคดี
อัยการบางท่านจึงนั่งกกไข่ไว้ถึง 9 ปี และคดีของ “บอส” ก็โยนกันไปมาระหว่างอัยการและตำรวจอยู่หลายปีจนขาดอายุความ
______________________________
จะตั้งกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริงและสอบสวนทางวินัยของผู้ที่เกี่ยวข้องกับสองคดีก็ไม่ได้ ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ กันอยู่ ปล่อยให้คณะกรรมการอัยการ (กอ.) จัดการกันเอง ตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฯ
______________________________
ท่านคงลืมไปว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 248 ก็บัญญัติไว้ว่า พนักงานอัยการต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยรวดเร็ว เที่ยงธรรม และปราศจากอคติทั้งปวง
______________________________
ทั้งนายกรัฐมนตรี ผู้บังคับบัญชาสูงสุดของอำนาจบริหารและ สส., สว. ผู้ใช้อำนาจนิติบัญญัติแทนปวงชนชาวไทยท่านไม่เห็นหรือว่าการที่อัยการเอาเรื่องไปดองไว้ถึง 8 ปี ในเรื่องของนายบอสขับรถชน นายดาบตำรวจเสียชีวิต เป็นการปฏิบัติงานที่ไม่รวดเร็ว ไม่เที่ยงธรรม และไม่ปราศจากอคติทั้งปวง
ในเมื่อท่านไม่มีอำนาจบังคับบัญชาอัยการ ไม่มีอำนาจตั้งกรรมการสอบสวน แต่ท่านมีอำนาจแก้ไขปรับปรุง พ.ร.บ.ข้าราชการอัยการได้
ซึ่งข้าราชการอัยการ ก็ควรถูกนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าอำนาจบริหาร ตั้งกรรมการสอบสวนได้ โดยตั้งจากบุคคลภายนอกที่มิใช่อัยการ เช่น จากปลัดกระทรวงหรืออธิบดี หรือผู้ตรวจราชการ (ต่างๆ) ของฝ่ายบริหารได้
สส., สว., พรรคการเมืองต่างๆ ก็เช่นกัน ก็น่าจะรู้ว่าตำรวจ อัยการ เป็นเพียงขั้นตอนต้นน้ำและกลางน้ำ ของกระบวนการยุติธรรมและอำนาจตุลาการเท่านั้น แต่ไม่ใช่ผู้ใช้อำนาจตุลาการแทนปวงชนชาวไทย เหมือนศาลยุติธรรม
จึงไม่ควรปล่อยให้เป็นอิสระ จนเอาเรื่องไปกักดองไว้เป็น 9 ปี 10 ปีได้ โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสถาบันและเกียรติยศที่ประชาชนมอบให้และของเพื่อนร่วมอาชีพผู้อื่นที่มีจริยธรรมและความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
โดยไม่คำนึงถึง ประมวลจริยธรรมของข้าราชการฝ่ายอัยการฯ และประมวลจรรยาบรรณสำหรับข้าราชการฝ่ายอัยการตามมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการฯ
สส., สว. จึงควรริเริ่มแก้กฎหมายเกี่ยวกับอัยการได้แล้ว
______________________________
เมื่อ พ.ร.บ.นี้ เปิดโอกาสให้อัยการเอาเรื่องไปดองหรือโยนกันไปมา เป็นเวลา 9-10 ปีได้เช่นนี้ ทำไมรัฐบาล (ผู้ใช้อำนาจบริหารแทนปวงชนชาวไทย) ไม่หาทางแก้ไขกฎหมายในเรื่องนี้เสีย
เพื่อให้ประชาชนชาวไทยมีความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ไปจนถึงปลายน้ำ
พรรคการเมืองก็อย่ามัวแต่ไปคิดห้ำหั่นแบ่งอำนาจกันอยู่ปลุกม็อบกันอยู่ ขอให้หันหน้ามาแก้ไขให้ประเทศเรามีธรรมาภิบาลที่สากลยอมรับได้ จะได้เป็นอารยประเทศที่มิใช่เก่งแต่การปราบโควิด-19 แต่ประการเดียว แต่ควรจะเก่ง และกล้าในการแก้ปัญหา ที่ทำให้บ้านเมืองได้รับการดูหมิ่นดูแคลนจากชาวต่างประเทศ และสังคมโลก จนชาวญี่ปุ่นต้องเอามาเขียนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่เหมาะสมกับการลงทุนเพราะเงินซื้อได้หมด (ดู “แนวหน้า” วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม 2563)
บัดนี้ โรงงานญี่ปุ่นจึงถอยไปอยู่เวียดนามกันมากมาย คนไทย ข้าราชการไทย ประมุขของอำนาจบริหาร ประมุขของอำนาจนิติบัญญัติ ไม่มีความรู้สึกใดๆ ที่จะแก้ไขปัญหาบ้างหรือ
อย่ามัวไปสนใจแต่เรื่องม็อบ ซึ่งเป็นกลุ่มชนนอกกฎหมาย กลุ่มชนที่ไม่อยู่ในกรอบกฎหมายใดๆ ไม่ได้เป็นบุคคลที่กฎหมายรับรอง เช่น สมาคม มูลนิธิ พรรคการเมือง สภาหอการค้า ฯลฯ แต่อย่างใดท่านผู้ใช้อำนาจแทนปวงชนชาวไทย ทั้งนายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา อดีตนายกรัฐมนตรี ท่านจะตั้งกรรมการสมานฉันท์กับพวกอันธพาลป่วนเมืองหรือ
ประชาชนเริ่มน้อยใจกันแล้วนะ จะปล่อยให้ประชาชนรวมตัวกันเป็นม็อบนอกกฎหมาย ออกมาตีกันเป็นสงครามกลางเมืองหรืออย่างไร
หรือว่าท่านอาจจะชอบให้ถูกฟ้องตามมาตรา 157 แห่ง ประมวลกฎหมายอาญาได้ว่า ละเว้นการกระทำ ปล่อยให้มีการชุมนุมปิดถนนหนทางกันบ่อยๆ โดยไม่ขัดขวางหรือปราบปราม จนกระทั่งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็ยังเอาผ้าผืนใหญ่ปีนไปพันไว้
เจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่ที่ไหน ไปทำอะไรกันหมด บ้านเมืองไม่มีขื่อมีแปหรืออย่างไร ท่านควรจะถูกฟ้องทางอาญาได้หรือยัง พระบรมมหาราชวังก็เกือบเป็นเหยื่อของม็อบนอกกฎหมายไปแล้ว
มาตุภูมิ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี