ห้ามเข้าใกล้สนง.ทรัพย์สิน150ม.
ตำรวจคุมเข้ม
วางกำลัง39กองร้อยรับมือม็อบ
ผบ.ทบ.พร้อมส่งทหารสนับสนุน
ปัดข่าวรัฐประหาร-ยันแค่เฟคนิวส์
ตัดคำนี้ออกจากหน้าสื่อไปได้เลย
‘ถาวร’ถล่มคนจ้องล้มล้างสถาบัน
จับ‘โตโต้’หัวหน้าการ์ดม็อบราษฎร
คณะราษฎร-ปลดแอกประกาศชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนเดินขบวนไปยังสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ขณะที่ตำรวจจัดกำลัง 39 กองร้อยรับมือ ประกาศห้ามเข้าใกล้ในระยะ 150 เมตร เพราะเป็นเขตพระราชฐาน พร้อมปฏิบัติการอุ่นเครื่อง ตะครุบ “โตโต้” หัวหน้าการ์ดก่อนชุมนุมใหญ่ ส่วนม.112 จะทยอยตามหลัก ด้าน“ถาวร เสนเนียม”โชว์หลักฐานมัด “ธนาธร-ปิยบุตร” อยู่เบื้องหลังม็อบ ร่วมสมคบคิดล้มสถาบัน
เมื่อบ่ายวันที่ 24พฤศจิกายน เพจ“เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH” โพสต์ข้อความประกาศการนัดหมายเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร ในวันที่25 พฤศจิกายนว่า จะนัดหมายการชุมนุมในเวลา 15.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จากนั้นจะเดินไปยังสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
ขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ออกประกาศเรื่อง ปิดมหาวิทยาลัยและงดการเรียนการสอนทุกระดับชั้นของมหาวิทยาลัย และโรงเรียนสาธิตละอออุทิศ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 25พ.ย.63 นี้ ส่วนวิทยาเขตสุพรรณบุรีและศูนย์การศึกษานอกสถานที่ตั้งทุกแห่งยังเปิดการเรียนการสอนปกติ ตามรายละเอียดด้านล่าง นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยสวนสุนันทาและกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ประกาศหยุดทำการ 1วัน ยกเว้นในส่วนที่ต้องบริการประชาชนโดนตรง ให้มาปฏิบัติหน้าที่ไม่เกินร้อยละ25
ตำรวจจัดกำลัง39กองร้อย
ก่อนหน้านี้ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(โฆษก ตร.) เปิดเผยถึงกรณีการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม ประกาศชุมนุมหน้าสำนักงานทรัพย์สินฯ โดยยอมรับว่า เป็นห่วงเรื่องสถานการณ์การชุมนุม เนื่องจากสถานที่ที่ผู้ชุมนมประกาศรวมตัวค่อนข้าง มีความละเอียดอ่อนและเป็นสถานที่สำคัญ แต่ยืนยันว่าตำรวจมีความพร้อมในการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุม และกลุ่มเห็นต่างทางการเมือง ไม่ให้มีการปะทะกัน เพราะที่ผ่านมามีบทเรียนและมีช่องว่าง ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตามมีรายงาน กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) มีหนังสือด่วนสั่งการให้มีการจัดเตรียมกำลัง ดูแลความสงบเรียบร้อย การชุมนุมวันที่ 25 พฤศจิกายน ที่บริเวณหน้าสำนักงานทรัพย์สินฯ โดยระดมกำลัง จากตำรวจภูธรภาค 1-8 บช.น และ. ตชด ฯลฯ ดูแลรวม 39 กองร้อย จำนวน 6,045 นาย
ห้ามเข้าใกล้ทรัพย์สิน150เมตร
ด้านพล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เตือนผู้ชุมนุม โดย ยืนยันว่ายังคงห้ามไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใกล้พื้นที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ในระยะรัศมี 150 เมตร เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าจะมีการปะทะกันของกลุ่มผู้ชุมที่เห็นต่าง เพราะบางส่วนประกาศว่าจะไปเคลื่อนไหวในจุดเดียวกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าเรื่องนี้ตนก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่วางแผนดำเนินการเตรียมการ เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เผชิญหน้า หรือมีการปะทะกันก็ไม่ให้มี ซึ่งมีความกังวลเรื่องมือที่ 3 ที่เราได้กำชับเจ้าหน้าทีตำรวจไปแล้วให้ระวัง
เมื่อถามอีกว่าในฐานะที่ดูแลความมั่นคงมีความเป็นห่วงเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ให้มีโอกาสขนม็อบกัน ม็อบชนม็อบไม่ได้ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีภาพของการสลายการชุมนุมนั้นพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่มีสลาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการเดินทางมาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พล.อ.ประวิตรได้ประชุมวอร์รูมกับฝ่ายความมั่นคง ติดตามสถานการณ์กรณีการชุมนุมของกลุ่มราษฎรในวัน 25 พ.ย.นี้ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5จังหวัด ถนนวิภาวดีรังสิต
ตำรวจเร่งถกเอาผิดคดีม.112
เช้าวันเดียวกัน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วย ผบ.ตร.เรียกประชุมประจำสัปดาห์กับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะมีการพูดคุยถึงคดีเกี่ยวข้องกับการชุมนุมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร เพื่อพิจารณาแจ้งข้อหากับแกนนำเพิ่มเติม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ส่วนจะเป็นแกนนำกี่ราย ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบสำนวนนั้นๆ เป็นผู้รวบรวมเสนอมาให้ ตร.พิจารณาต่อไป
ด้านพล.ต.ท.จารุวัฒน์ กล่าวก่อนการประชุมว่า ได้รับมอบหมายจากพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุด ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ สั่งการให้ตนลงมาควบคุมดูแลสำนวนการสอบสวนในคดีความมั่นคง และการชุมนุมที่เกิดขึ้น และตรวจสอบความถูกต้องว่ามีการดำเนินคดีไปกี่คดีแล้ว และมีความถูกต้องครบถ้วนปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญาหรือไม่ พร้อมย้ำว่าพนักงานสอบสวนมีอำนาจในการดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาทุกข้อหาได้ทันที โดยไม่ต้องมาขออนุญาตในระดับ บช. หรือ ตร.
มีรายงานว่า การแจ้งดำเนินคดี ตาม ม.112 พนักงานสอบสวนจะออกหมายเรียกให้มาพบก่อน เนื่องจากผู้ต้องหาแต่ละคนยังเป็นนักศึกษา และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
บุกจับ”โต้โต้”หัวหน้าการ์ดม็อบ
เวลา 14.39 น.นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ หัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย Wevo ไลฟ์สดทางเฟซบุ๊ก ปรากฏเหตุการณ์เจ้าหน้าที่สืบสวนนครบาลนอกเครื่องแบบ แสดงหมายจับศาลจังหวัดอุบลราชธานี ในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เนื่องจากการขึ้นเวทีปราศรัยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่ จ.อุบลราชธานี ขณะนายปิยรัฐขับรถอยู่ที่บริเวณสนามหลวง 2 โดยตำรวจจะนำตัวไปทำบันทึกการจับกุมที่ สน.ศาลาแดง
ทั้งนี้ นายปิยรัฐระบุว่า จะมีการทำบันทึกการจับกุม ก่อนจะถูกนำไป จ.อุบลราชธานี ขอให้พี่น้องสู้ต่อไป
ปชป.เปิดภาพขบวนการล้มเจ้า
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม และ ส.ส.สงขลา แถลงข่าวเปิดโปงเบื้องหลังการชุมนุมม็อบ และขบวนการล้มล้างสถาบัน ที่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ย้ำคนไทยต้องร่วมกันปกป้องพิทักษ์รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์มิให้ถูกคุกคามล้มล้าง ทั้งนี้ นายถาวรได้นำคลิปวิดีโอมาเปิดต่อสื่อมวลชนด้วย
โดย นายถาวร กล่าวว่า ที่มาของการออกมาแสดงจุดยืนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์จากการถูกคุกคามในครั้งนี้ ว่า ตนในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งที่มีความสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อชาติไทยมาอย่างยาวนานกว่า 800 ปี นำพาชาติพ้นภัยทั้งการรุกรานจากชาติตะวันตกด้วยลัทธิล่าอาณานิคม ตลอดจนภัยจากลัทธิคอมมิวนิสต์ ทำให้ชาติไทยคงเอกราชมาถึงปัจจุบันด้วยพระบารมี และในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นผู้แทนของปวงชนชาวไทย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่มีอุดมการณ์ของการก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์กว่า 74 ปี โดย 1 ใน 10 คำประกาศอุดมการณ์ของพรรคนั้นระบุไว้อย่างชัดเจน “พรรคจะดำเนินการเมือง โดยอาศัยหลักกฎหมายและเหตุผล เพื่อความศักดิ์สิทธิแห่งรัฐธรรมนูญ และเพื่อเป็นเยี่ยงอย่างแก่อนุชนรุ่นหลังให้มีความนับถือและนิยมในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” รวมถึงหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 บุคคลมีหน้าที่พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งทั้ง 3 สถานะทำให้ตนมีความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วยการออกมาปกป้องผู้ที่คิดไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง
ชี้มีคนบงการอยู่ข้างหลัง
นายถาวร ยังกล่าวถึงประเด็นการชุมนุมครั้งนี้ว่า มีคนบงการอยู่เบื้องหลังโดยใช้เด็กเป็นเครื่องมือ เป็นสะพานเชื่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง มีเป้าหมาย “ล้มสถาบันฯ” แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า “ปฏิรูป” เพราะปรากฏความสอดคล้องระหว่างหลักคิดของคนบงการซึ่งถูกนำไปปฏิบัติในการชุมนุม ซึ่งเป็นหลักคิดชุดเดียวกัน คือ ต้องการเปลี่ยนแปลงสถาบัน เพราะคิดว่าสถาบัน เป็นอุปสรรคการก้าวขึ้นสู่อำนาจทางการเมืองของกลุ่มตน
เริ่มตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2559 นายปิยบุตร แสงกนกกุล ไปพูดที่มหาวิทยาลัยลอนดอน เรื่อง Thailand in a Deeper State of Crisis? กล่าวหาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่ามีอำนาจอิทธิพลเหนือผู้พิพากษา อันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ซึ่งปรากฏตามคลิปวิดีโอและปรากฏตามเอกสารซึ่งเข้าลักษณะทฤษฎีสมคบคิด ทำไม? ถึงบอกว่า ปิยบุตร บิดเบือน เพราะพระราชดำรัสที่ตรัสต่อศาลในวันที่ 24 เม.ย.2549 นั้น ในหลวงไม่ได้สั่งศาล และทรงย้ำว่าไม่เคยใช้อำนาจของพระองค์ตามที่ปิยบุตรบิดเบือน
สำหรับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ได้ร่วมกันสมคบคิด ก็ปรากฏตามหนังสือ Portrait ธนาธร (2561) หน้า277 ว่า “...วิธีการของเราคือต้องมีอำนาจและต่อรอง (กับ) ×××× นี่ต่างหากคือเป้าหมาย ถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ เอาทหารออกจากการเมืองไม่ได้หรอก จัดการเรื่องนี้ไม่ได้ จัดการเรื่องศาลไม่ได้หรอก จัดการเหี้ยห่าอะไรไม่ได้...” นายธนาธร กับนายปิยบุตร มาตั้งพรรคอนาคตใหม่ พุ่งเป้าสถาบันฯ แต่ลดโทนลงเพื่อลดแรงกดดันจากสังคม จนกระทั่งในที่สุดพรรคถูกยุบเพราะผู้บริหารพรรคทำผิดกฎหมาย
เหยียบย่ำความรู้สึกคนไทย
นายถาวร กล่าวว่า อีกเหตุการณ์ที่เหยียบย้ำความรู้สึกของคนไทย คือ เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2562 เกิด Flash Mob ในช่วงบ่าย นายธนาธร ไปพูดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์บอกว่า มี 2 ทางเลือกในการแก้รัฐธรรมนูญ คือ ยินยอมพร้อมใจกันทุกฝ่าย หรือ แก้ด้วยเลือด และในวันนั้นมีผู้ร่วมชุมนุมชูป้าย อันมิบังควรซึ่งข้างหลังเป็นภาพพระบรมฉายาลักษณ์ เป็นครั้งแรกที่แสดงการจาบจ้วงเชิงสัญลักษณ์ในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยและมีอีกหลายครั้ง เช่น นายปิยบุตร ได้แสดงความคิดเห็นหรือโพสต์ข้อความ เมื่อ 27 ก.ค.63 3 วันอันยิ่งใหญ่ของประชาชนในการลุกขึ้นสู้โค่นล้ม Charles X เปลี่ยนเป็นระบอบกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ (ปฏิวัติฝรั่งเศส ปี ค.ศ.1789) อยากทราบว่านายปิยบุตร มีวัตถุประสงค์อะไร เพียงระยะเวลา 8 เดือนเท่านั้น สามารถยกระดับการชุมนุมต่อต้านสถาบันจากเชิงสัญลักษณ์และปกปิดมาเป็นการเสนอข้อเรียกร้องอย่างเปิดเผย ซึ่งนายธนาธร บอกว่า ประตูบานแรกเปิดขึ้นแล้ว คือการยื่นข้อเสนอเพื่อปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์
รวมทั้ง นายธนาธร พูดเองว่า จำเป็นต้องพูดเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หลังจากก่อนหน้านี้พูดอ้อมๆ มาตลอด และที่สามารถดำเนินการได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เพราะมีการดำเนินการจัดตั้งเครือข่าย หล่อหลอมความคิดผ่านกระบวนการ Hate Speech ต่อต้านสถาบันฯ ในกลุ่มเด็ก เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ผ่านเทคโนโลยีโซเซียลมีเดีย และการสนับสนุนของต่างชาติ และบางประเทศมหาอำนาจ อย่างมีประสิทธิภาพ และรัฐบาลตามไม่ทันโดยอ้างว่าปฏิรูปไม่ใช่การล้มล้างแต่ในความเป็นจริงเป็นพฤติกรรมตรงกันข้าม คือ สร้างความเกลียดชัง มุ่งอาฆาตมาดร้ายสถาบันฯ โดยปรากฏเป็นเหตุการณ์การบุกเข้าขัดขวางขบวนเสด็จของพระราชินีและพระองค์ที ในวันที่ 14 ต.ค.2563
เป้าหมายสงครามกลางเมือง
จนถึง 17 พ.ย.63 ม็อบไม่ได้มีการชุมนุม...แต่มุ่งยกระดับโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจหน้ารัฐสภา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลัง ซึ่งเป็นไปตามยุทธวิธีสงครามประชาชน และได้ทำมาเป็นลำดับจากการโฆษณาชวนเชื่อ การโจมตีฝ่ายตรงข้าม การบังคับให้เลือกข้างมาจนถึงยกระดับจากการชุมนุมประท้วงเป็นการก่อจราจล โดยมุ่งหวังให้เกิดการก่อวินาศกรรมและสงครามกลางเมืองในที่สุด เกิดการเผชิญหน้า ระหว่างผู้ชุมนุมทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความรุนแรง การนองเลือด ภาวะรัฐล้มเหลว ซึ่งสอดคล้องกับยุทธวิธีสงครามประชาชนที่กล่าวไปแล้วข้างต้นเห็นได้จากการไล่เรียงเหตุการณ์ มาเป็นลำดับ ดังนี้
เมื่อวันที่ 18 พ.ย.63 ผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ได้โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างรุนแรงและหยาบคาย โดยเฉพาะการโจมตีและสร้างข่าวเท็จใส่ร้ายสมเด็จพระพันปีหลวงฯ... จนนำไปสู่ความโกรธแค้นของประชาชนที่จงรักภักดีจำนวนมากทำให้รัฐบาลต้องออกแถลงการณ์ประกาศบังคับใช้กฎหมายทุกหมวด ทุกมาตรากับกลุ่มผู้ชุมนุมโดยเฉพาะกฎหมายมาตรา 112
เมื่อวันที่ 20 - 21 พ.ย.63 ผู้ชุมนุมตอบโต้การบังคับใช้กฎหมาย มาดรา 112โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อม เพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ในวันที่ 25 พ.ย.63
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.63 ผู้ก่อการเตรียมการยกระดับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรง โดยเปลี่ยนการ์ดม็อบ จากการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ พร้อมประกาศรับสมัครการ์ดอาสาใหม่เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธการสงครามประชาชนข้างต้น
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.63 การชุมนุมบริเวณถนนอักษะตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงไปชุมนุมที่นั้น?
เชื่อ25พย.ยกระดับแน่นอน
นายถาวร กล่าวว่าการชุมนุมในวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้ ผู้ชุมนุมนัดชุมนุมใหญ่อีกครั้งที่เพื่อตอบโต้การบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 โดยประกาศแผนการเข้าบุกล้อมเพื่อยึดสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 4 กลุ่มบุกเข้าโจมตีทั้ง 4 ด้าน ซึ่งผู้ก่อการเตรียมยกระดับสถานการณ์ให้ไปสู่ความรุนแรง โดยเปลี่ยนการ์ดอาชีวะมาเป็นการ์ดรบพิเศษ เพื่อรับสถานการณ์ไปสู่ความรุนแรงให้ได้ตามยุทธศาสตร์สงครามประชาชน ผมมีความเป็นห่วงหลายประเด็น และฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตพระราชทาน จึงห้ามเข้าใกล้ในระยะ 150 เมตร พร้อมฝากไปยังการ์ดผู้ชุมนุม ขอให้ดูแลการชุมนุมโดยยึดหลักสงบ สันติอาหิงสา ปราศจากอาวุธ ดูแลผู้ชุมนุมไม่ยั่วยุ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ตามกฏหมายอย่างเหมาะสม” นายถาวร กล่าว
เสนอแนวทางยังยั้งความรุนแรง
นายถาวร กล่าวว่า ข้อเสนอแนวทางออกของประเทศเพื่อหยุดยั้งภาวะที่จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง 1.ผู้บงการทุกระดับชั้นที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกดำเนินคดีตามหลักนิติรัฐ นิติธรรม ส่วนผู้ชุมนุมที่ตกเป็นเหยื่อการโฆษณาชวนเชื่อควรได้รับการยกเว้น 2.นักการเมืองและ พรรคการเมืองใด ที่ต้องการปฏิรูปสถาบันฯ ให้ประกาศตัวยอมรับให้ชัดเจนต่อสาธารณชน
3.คัดค้านการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ว่าจะอธิบายขยายความด้วยถ้อยคำความหมายแบบใดก็ตาม 4.คัดค้านการทำรัฐประหารอันจะนำไปสู่วงจรอุบาทว์ทางการเมืองซ้ำเดิม รวมถึงทำให้สถาบันฯ ตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ชุมนุมและต่างชาติ 5.ดำเนินการตรวจสอบทุจริตของรัฐบาล นักการเมือง และข้าราชการอย่างจริงจังรวมถึงการปฏิรูปนักการเมือง พรรคการเมือง ปฏิรูปประเทศให้เกิดความปรองดอง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขอย่างแท้จริง
ผบ.ทบ.ปัดข่าวรัฐประหาร
วันเดียวกัน พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ปฎิเสธกระแสข่าวจะมีการทำรัฐประหาร เมื่อถามว่า จะดูแลการชุมนุมในวันที่ 25 พ.ย. อย่างไร พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า ตำรวจมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ในส่วนของสถานที่ราชการทางทหารก็จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยหากเจ้าหน้าที่ตำรวจร้องขอมาให้เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน
เมื่อถามถึงการดูแลเขตพระราชฐาน พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า เขตพระราชฐานมีกฎหมายคุ้มครองอยู่แล้วว่าระยะเท่าใดที่เข้าไปได้ และการชุมนุมต้องอยู่ห่าง 150 เมตร
เลขาสมช.เข้าพบ”วิษณุ”
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าพบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กว่า 1 ชั่วโมง โดยภายหลังการหารือ พล.อ.ณัฐพล ได้เดินทางกลับทันที โดยปฏิเสธให้การสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า เป็นการหารือถึงสถานการณ์การชุมนุมในวันพรุ่งนี้ (25 พ.ย.) โดยจะปล่อยให้มีการชุมนุมให้เรียบร้อย พร้อมการป้องกันไม่ให้มีการปะทะกัน ส่วนที่มีกลุ่มภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ นัดรวมพลหน้าอาคารรัฐสภา ในเวลา 09.00 น.วันพรุ่งนี้เช่นเดียวกันนั้น ก็จะมีการจะขอความร่วมมือให้อยู่ภายในพื้นที่ โดยเจ้าหน้าที่จะพยายามดูแลให้ดีที่สุด เพื่อให้ทุกอย่างเกิดความสงบเรียบร้อยไม่ให้กระทบกระทั่งกัน โดยไม่อยากให้คนไทยปะทะกันเอง
“บิณฑ์”นัดรวมพลังสวนลุม
นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นักแสดงชื่อดัง โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า “สวัสดีครับเพื่อนๆครับ พรุ่งนี้(25พฤศจิกายน) เจอกันที่สวนลุมฯนะครับ เราจะไปให้พระองค์ท่านได้เห็นถึงความจงรักและภักดีที่มีต่อ ชาติ ศาสนา องค์พระมหากษัตริย์ มากันเยอะๆนะครับ แล้วเจอกันนะครับ 14.30น. กราบขอบคุณมากๆครับ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี