ดำเนินคดีม.112ทั่วหน้า
12แกนนำหนาว
ตร.ไม่ปล่อยให้เหิมเกริม
‘กวิ้น’ไม่สนจัดชุมนุมต่อ
ม็อบบุกSCBสำนักงานใหญ่
เปลี่ยนสถานที่อ้างกลัวปะทะ
บิ๊กตู่ไม่คิดใช้กฎอัยการศึก
นายกฯ“ประยุทธ์”ยืนยันยังไม่คิดประกาศใช้กฎอัยการศึก ชี้ตอนนี้ใช้กม.ปกติน่าเพียงพอ ไม่สนม็อบชุมนุมยืดเยื้อ 5 วัน ขู่ทำผิดกฎหมาย ดำเนินการแน่ ด้าน นครบาล ร่อนหมายเรียกคดี ม.112 กับ 12 แกนนำ“กวิ้น-ไมค์-รุ้ง-มายด์-อานนท์”โดนหมด แต่ยังห้าวประกาศสู้ไม่ถอย คณะราษฎรเปลี่ยนแผนบุก SCB สำนักงานใหญ่ เตรียมนัดชุมนุม 5 วันต่อเนื่องไม่ค้างคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อใกล้รุ่งวันที่ 25 พฤศจิกายน ตำรวจ สน.พหลโยธิน
ได้นำแผงเหล็กจำนวนมาก มาวางกั้นบริเวณด้านหน้าอาคารธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)หรือSCB นักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกลุ่มผู้ชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร หลังจากที่ผู้ชุมนุมได้เปลี่ยนแผนจากเดิมที่จะชุมนุมหน้าสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ มาเป็น มาเป็น SCB สำนักงานใหญ่ เพราะไม่ต้องการเกิดการปะทะกับกลุ่มตรงข้าม จนเป็นเหตุทำให้เกิดการทำรัฐประหาร
ทั้งนี้ SCB ได้สั่งปิดสำนักงานใหญ่ทันที โดยมีตำรวจตระเวนชายแดน2กองร้อยเข้าไปเติมกำลังเตรียมพร้อม
ในส่วนของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แม้ผู้ชุมนุมยกเลิกแผนการไปเยือนแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ยังตรวจตราอย่างเข้มข้น มีการปิดเส้นทางจราจรไม่ให้รถเดินทางเข้าออกเกือบทุกแยก ยกเว้นเพียงแยกการเรือน ที่เปิดให้เป็นเส้นทางเข้ามาพื้นที่ชั้นในได้ โดยมีการวางลวดหนามหีบเพลง และมีการนำตู้คอนเทนเนอร์วางซ้อนสองชั้น มาปิดเส้นทางแทนการใช้รถเมล์เหมือนทุกครั้ง
ขณะที่ในทำเนียบ ก็มีการแจ้งให้ข้าราชการที่ไม่มีความจำเป็น สามารถทำงานที่บ้านได้ จึงทำให้บรรยากาศในทำเนียบฯเป็นไปค่อนข้างเงียบเหงา
ตร.ขอโทษทำจราจรติดขัด
ภารกิจของเจ้าหน้าที่ในการป้องกันการสร้างความปั่นป่วนของผู้ชุมนุม ส่งผลให้การจราจรติดขัดในหลายพื้นที่ จนทาง พลตำรวจตรี ยิ่งยศ เทพจำนง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องขอโทษประชาชน
โดยระบุว่าก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศชุมนุมที่สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญ ตำรวจจำเป็นต้องเฝ้าระวังพื้นที่ ทำให้ส่งผลกระทบต่อเส้นทางทั่วกรุงเทพฯ
หมายเรียกม.112กับแกนนำ
ด้าน พลตำรวจตรี ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รองผบช.น.) ยอมรับว่าพนักงานสอบสวนมีการออกหมายเรียกแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาตามความผิด ป.วิอาญา ม.112 จริง ไม่ได้มีการกลั่นแกล้งผู้ใด
มีรายงานว่าสำหรับผู้ที่โดนหมายเรียกในคดี ม.112 คือ1.นายนายพริษฐ์ ชิวารักษ์หรือเพนกวิน ,2.นางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง 3.นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์4.นายอานนท์ นำภา 5.นางสาวภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผลหรือมายด์7.นางสาวจุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ มายด์ 8.นายปิยรัฐ จงเทพหรือโตโต้ 9.นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี10.นายอรรถพล บัวพัฒน์11.นายชูเกียรติ แสงวงศ์.นายสมบัติ ทองย้อย มี 1 คดี
สำหรับความผิดม.112 นี้ผู้ต้องหาแกนนำผู้ชุมนมได้กระทำความผิดหลายหนต่างกรรมต่างวาระ และอาจโดนหมายเรียกไปดำเนินคดีในหลายพื้นที่ เฉพาะ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำม็อบคณะราษฏร โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก พร้อมหมายเรียกเพิ่มเติมอีก 2 หมายโดยระบุว่า หมายเรียกข้อหา 112 มาให้ผมแล้วอีกสองหมายจากการปราศรัยในวันที่ 19-20 กันยายน และ 14 พฤศจิกายน ส่วนตัวผมไม่ห่วงอะไรเลย ห่วงแต่บ้านเมืองเราว่าจะเสื่อมลงไปอีกเพราะการใช้กฎหมายนี้
กวิ้นปูดออกกฎอัยการศึก
นายพริษฐ์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า นายทหารระดับสูงท่านหนึ่งแจ้งให้ผมทราบว่า วันนี้กองทัพจะส่งคนใส่ชุดดำแทรกซึมเจ้ามาในม็อบแล้วทำลายข้าวของเพื่อสร้างภาพให้ม็อบเราเป็นม็อบความรุนแรง เพื่อเปิดทางให้ทหารประกาศกฎอัยการศึก ดังนั้นจึงขอให้ทุกคนยึดมั่นในหลักการไม่ใช้ความรุนแรง ใครที่ใช้ความรุนแรงในวันนี้ไม่ว่าจะเป็นใครถือว่าไม่ใช่พวกเราแต่เป็นสายตำรวจทหารปลอมตัวมา ขอให้มวลชนทุกคนสอดส่องดูแล จงเอาความเยือกเย็นสยบความเร่าร้อน จงเป็นน้ำที่เย็นแต่พัดแรง และพัดเอาความชั่วร้ายของเผด็จการออกไปจากแผ่นดินไทย
โตโต้นอนห้องขังโรงพัก
ด้าน ความคืบหน้ากรณีจับกุมนายปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ หัวหน้าการ์ดของกลุ่มราษฎร ตามหมายจับจากศาลจังหวัดอุบลราชธานีในฐานความผิดคดีอาญา ม.116 ในคดีขึ้นปราศรัยชุมนุมเมื่อเดือนสิงหาคม2563 ส่งตัวนายปิยรัฐไปยัง สภ.อุบลราชธานีตั้งแต่วันที่ 24 พย. มีรายงานว่า พนักงานสอบสวนสภ.เมืองอุบลฯได้สอบปากคำนายปิยรัฐ เสร็จสิ้นแล้วโดยแจ้งข้อกล่าวหาผิดมาตราม.116 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ตามหมายจับ จะคุมตัวนายปิยรัฐไว้ที่ สภ.เมืองอุบลฯอีก1คืนโดยในวันที่ 26 พย.จึงจะนำตัวไปขอศาลอุบลฯฝากขัง
ล่าสุด ทวิตเตอร์TLHR /ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน@TLHR2014 รายงานว่าเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 25 พย.หัวหน้าพนักงานสอบสวน สภ.เมืองอุบลราชธานี ไม่ให้ประกันนายปิยรัฐ ในชั้นสอบสวน หลังส.ส.ใช้ตำแหน่งยื่นประกันตัว โดยอ้างว่ากลัวหลบหนี, ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน, ก่อเหตุอันตรายชักชวนให้ปชช.ก่อความรุนแรงจากการจัดชุมนุมปราศรัย และเกรงว่าจะนำมวลชนมากดดันพนักงานสอบสวน
ม็อบนัดชุมนุม5วันไม่ค้างคืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในไลน์กลุ่มราษฎรซึ่งใช้ประสานงานกับสื่อมวลชน ทางแอดมินของกลุ่มได้แจ้งกับผู้สื่อข่าวที่สอบถามเรื่องการชุมนุมต่อเนื่อง7วัน ตามที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า การชุมนุมจะจัด 5 วันโดยไม่มีการปักหลักค้างคืน ทางผู้จัดจะแจ้งสถานที่และข้อมูลอื่นๆในเพจที่เชื่อถือได้ เช่น เยาวชนปลดแอก แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมและฟื้นฟูประชาธิปไตย
‘บิ๊กตู่’ยังไม่ใช้กฎอัยการศึก
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎรว่า ไม่มีอะไรหรอก เป็นเรื่องของการชุมนุม ระหว่างการประชุมตนได้บอกไปกับสภาธุรกิจสหรัฐอเมริกา-อาเซียน ตนชี้แจงว่าเป็นเรื่องธรรมดาของทุกประเทศทั่วโลก ประชาธิปไตยก็ต้องเป็นแบบนี้แหละ ตนก็ไม่ได้บอกว่าใครดีหรือไม่ดี ตนจับด้วยข้อกฏหมายและไม่ว่าใครทำผิดกฏหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเท็จจริงในการประกาศใช้กฏอัยการศึก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้บอกหลายครั้งแล้วว่า ไม่เคยคิดในเรื่องเหล่านี้เลยใช้กฎหมายปกติก็น่าจะเพียงพอแล้วในตอนนี้ วันนี้เราต้องช่วยกันสร้างบ้านเมืองให้สวยงามแต่วันนี้มันมีภาพความขัดแย้งก็โอเคไม่ว่าอะไรพวกท่าน แต่เราต้องสร้างบ้านเมืองของเราให้สวยงามโดยเฉพาะเวลากลางคืนปัจจุบันสวยงามมาก พลิกกลับหลายปีที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า แต่ผู้ชุมนุมประกาศชุมนุมยืดเยื้อ 5 วัน นายกฯกล่าวว่า ก็ประกาศไปสิ ประกาศไปเถอะเพราะกฎหมายมีอยู่แล้วถ้าจะทำผิดกฏหมายก็ว่าไป ทั้งนี้ จะต้องขออนุญาตให้ถูกต้อง
เมื่อถามว่าหลังเสร็จภารกิจจากกลับเข้าทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ เพราะมีการตั้งสิ่งกีดขวางจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “มันเป็นเรื่องความปลอดภัยของฉัน”เมื่อถามว่ายังมีการตั้งตู้คอนเทนเนอร์และสิ่งกีดขวางจำนวนมาก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พูดกันเยอะแล้ว สื่อทำไมจะต้องมาตามติดฉันด้วย เดี๋ยวนี้เช็คเวลาตารางงานของนายกฯออกทีวีกันเลยนะ บางคนรายงานว่าว่าง บางคนรายงานว่า มี 2 งาน อย่าลืมว่าเวลาที่เหลือฉันก็ทำงาน
เลิกพูดถึงกฎอัยการศึกได้แล้ว
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ขอให้เลิกพูดเรื่องกฎอัยการศึกได้แล้ว เพราะทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม รวมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็พูดแล้วว่าจะไม่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ส่วนการชุมนุมนั้นถ้ามีการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมาย
ยังไม่ถึงขั้นใช้พรก.ฉุกเฉิน
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ยังจำเป็นที่จะต้องกลับมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ในพื้นที่กรุงเทพมหานครอีกครั้งหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อยู่ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงจะเป็นผู้ประเมินด้านการข่าวว่าสถานการณ์มีความร้ายแรงเพียงใด
โดยพิจารณาจาก3องค์ประกอบคือ1.ความสำคัญของสถานที่ อาทิ เขตพระบรมมหาราชวัง เขตพระราชทาน สถานที่ประทับ2.ดูจากผู้ชุมนุมว่ามีอาวุธหรือมีเครื่องมืออะไรบ้าง 3. ดูเรื่องความเสี่ยงที่อาจจะมีการเผชิญหน้าและปะทะกันและถ้าฝ่ายความมั่นคงเห็นว่าจะต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จะต้องเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) หรือถ้าเห็นว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องประกาศในทันทีก็สามารถทำได้ แล้วจึงนำมาเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอน
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงเรื่องมือที่สาม อาจเข้าแทรกแซงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าต้องระวังอย่าให้มันเกิด ทุกครั้งที่มีการชุมนุมมักจะมีมือที่ หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า
ม็อบตรึงหน้า ธ.ไทยพาณิชย์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา13.25น.เจ้าหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน ออกมายืนเรียงแถวหน้ากระดาน ตามแนวถนนเพื่อเป็นกำแพงป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ทะยอยกันมาเข้าไปภายในตัวอาคารไทยพาณิชย์ พร้อมกันนี้ ยังได้มีการนำแผงเหล็กมาวางเป็นแนวป้องกันเพิ่มเติมอีกชั้น ในขณะที่กลุ่มผู้ชุมนมได้นำรถเครื่องขยายเสียง เข้าประจำพื้นที่ประจันหน้าแนวตำรวจชุดควบคุมฝูงชนและได้มีการปิดการจราจรบริเวณดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี