เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวการรัฐประหารที่มีอย่างต่อเนื่องจนกลุ่มราษฎรต้องออกมาชุมนุมเตรียมพร้อมรับรัฐประหาร ว่า หากรัฐบาลคิดจะทำรัฐประหารผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมีทั้งมติการยอมรับของประชาคมโลก เนื่องจากการเปลี่ยนประธานาธิบดีสหรัฐมาเป็นการนำของนายโจ ไบเดน ที่มุ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน หากมีรัฐประหารย่อมส่งผลต่อการยอมรับในระดับนานาชาติ มิติสำหรับการเมืองภายในประเทศ
โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า เราเรียนรู้แล้วว่า การรัฐประหารทุกครั้งไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและการปฏิรูปประเทศอย่างที่ประชาชนคาดหวัง โดยเฉพาะการรัฐประหารครั้งล่าสุดที่รัฐบาลกลุ่มที่สนับสนุน เพราะหวังว่า จะเป็นการรัฐประหารครั้งสุดท้ายและเกิดการปฏิรูปประเทศ แต่ข้อเท็จจริงที่ผ่านมาเกือบ 7 ปี การปฏิรูปประเทศไม่เดินหน้าและดัชนีชี้วัดการทุจริตก็สูงขึ้น ความเหลื่อมล้ำติดอันดับโลก และที่สำคัญยังมีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือที่ใช้กำจัดผู้เห็นต่างจากรัฐอย่างชัดเจน
“อย่างล่าสุดก็มีการนำมาตรา 112 มาใช้กับผู้เห็นต่างในทางการเมืองแม้ศาลจะยังไม่มีคำสั่งใดออกมาแต่สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลที่มีพื้นฐานจากการรัฐประหารเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางประชาธิปไตย ดังนั้นการทำรัฐประหารไม่ว่า จะในมุมมองใดๆในสถานการณ์และบริบทโลกปัจจุบันย่อมทำให้ประเทศไทยถดถอยและล่าหลัง ดังนั้นหากใครที่คิดหวังดีกับประเทศก็ขอให้เลิกคิดเรื่องนี้ แล้วให้การเมืองเดินหน้าด้วยการเมืองพร้อมคู่ขนานไปกับการรับฟังเสียงของประชาชน” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี