"ฝ่ายค้าน"รุมกระทุ้ง"พ.ร.บ.ประชามติ"ซัดปิดปากฝ่ายเห็นต่าง "จิรายุ"ห่วงสอดไส้ซ่อนกลคำถามพ่วง
เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2563 ที่รัฐสภา มีการประชุมร่วมรัฐสภา มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 1 ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
โดย นายวิษณู เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ว่า เป็นกฎหมายที่ กกต.จัดทำ และเป็นร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ เดิมทีมี พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ปี 2552 อยู่แล้ว แต่ขณะนี้รัฐธรรมนูญเปลี่ยนแปลงไป หลักเกณฑ์เงื่อนไขจึงเปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงต้องจัดทำกฎหมายขึ้นใหม่
จากนั้นสมาชิกรัฐสภาได้สลับกันอภิปราย สมาชิกส่วนใหญ่ โดยเฉพาะฝ่ายค้านอภิปรายแสดงความเป็นห่วงการรณรงค์แสดงความเห็นจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในการทำประชามติที่อาจไม่เป็นกลาง เปิดพื้นที่ให้เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รวมถึงเกรงว่าอาจไม่มีการเผยแพร่เนื้อหารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้ประชาชนรับทราบอย่างทั่วถึง อาทิ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า การเปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนในร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีปัญหามาก เพราะไม่มีความเห็นจากประชาชนตอบกลับมาเลย รับฟังความเห็นกันอย่างไร อีกทั้งเนื้อหาร่าง พ.ร.บ.นี้ จำกัดให้เฉพาะ ครม.เท่านั้นเป็นผู้ริเริ่มการทำประชามติได้ แต่ไม่มีเป้าหมายให้ประชาชนมีส่วนร่วม เป็นประชามติแบบแคบ จึงควรแก้ไขในชั้น กมธ.ให้ประชาชนมีส่วนร่วมริเริ่มทำประชามติได้
ด้าน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หากรัฐธรรมนูญปี 2560 ดีจริง การบริหารราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม คงไม่ตกที่นั่งลำบาก หวังว่าร่าง พ.ร.บ.ประชามติฉบับนี้จะไม่สอดไส้ แยบยล ซ่อนกล นนทกาล เหมือนการทำประชามติเดือน ส.ค.ปี 2559 ที่มีคำถามพ่วงให้ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรีภายในเวลา 5 ปี อย่ายัดไส้คำถามพ่วงเข้ามาในประชามติ รวมถึงเรื่องการรณรงค์ประชามติจะต้องทำได้ทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญฉบับที่แก้ไขใหม่ ไม่ใช่ให้ทำได้เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ขณะที่ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้น่าผิดหวัง ล้าหลัง ไม่ส่งเสริมประชาธิปไตย ส่วนใหญ่เอาของเดิมที่มีปัญหามาย้อมแมวหลอกประชาชน ดังนั้นใครจะมั่นใจว่า การทำประชามติจะไม่ซ้ำรอยเกิดความวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา การทำประชามติ รัฐต้องไม่ทำตัวเป็นผู้เล่น แต่ต้องทำให้เกิดความโปร่งใส เปิดพื้นที่ให้ประชาชนสามารถแลกเปลี่ยนความเห็นได้อย่างอิสระ เพื่อไปสู่การทำประชามติที่แท้จริง ไม่ใช่ไปชี้นำ และที่น่าสงสัยคือ เหตุใดร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติฉบับนี้ จึงเป็นกฎหมายปฏิรูปประเทศ เป็นเพราะรัฐบาลกลัวกฎหมายจะไม่ผ่านหรือไม่ จึงต้องนำ ส.ว.มาเป็นส่วนร่วม แสดงว่าไม่ไว้วางใจ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนประชาชนหรือไม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี