อ่านโดยพลัน! ‘อัษฎางค์ ยมนาค’ : เบิกเนตรคณะราษฎร2563 ด้วยความจริงจากคณะราษฎร2475
14 ธันวาคม 2563 นายอัษฎางค์ ยมนาค นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “อัษฎางค์ ยมนาค” หัวข้อ “เบิกเนตรคณะราษฏร์ 2563 ด้วยความจริงจากคณะราษฏร์ 2475” มีเนื้อหาดังนี้...
“เบิกเนตรคณะราษฏร์ 2563
ด้วยความจริงจากคณะราษฏร์ 2475”
เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งคณะราษฏร์ 2475 ที่ฝรั่งเศสนั้น จุดประสงค์หลักของคณะราษฏร์คือ ล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ โดยมีความเห็นแตกไปเป็น 2 กลุ่ม
คือกลุ่มที่ให้คงสถาบันพระมหากษัตริย์เอาไว้ ให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
และกลุ่มที่ให้ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แล้วเปลี่ยนประเทศไปเป็นสาธารณรัฐอันมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
ถึงขั้นมีหนึ่งในแกนนำเสนอให้ฆ่าล้างราชวงศ์จักรี
แต่การก่อการไม่มีวันสำเร็จถ้าไม่มีพันธมิตรเป็นทหารที่มีกำลังพล ทำให้ต่อมาภายหลังเมื่อสำเร็จการศึกษาจากฝรั่งเศสกลับมาเมืองไทย จึงชักชวนทหารฝ่ายที่มีกำลังพลที่นำโดย พระยาพหลฯ
และฝ่ายทหารที่มีกำลังพลนี้เองที่ยืนยันยกมือให้กับฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
*นายทหารอาชีพตัวจริงมีความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์มาตั้งแต่อดีตกาลแล้ว มีแต่นักการเมืองและนายทหารนักการเมืองเท่านั้นที่ไม่จงรักภักดี
แต่คลื่นใต้น้ำของฝ่ายที่ไม่เอาเจ้ายังมีกระเพื่อมอยู่ตลอดเวลา
สุดท้ายหลังจากปฏิวัติสำเร็จได้ 2 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 7 ก็ทรงประกาศสละราชสมบัติในขณะที่ทรงอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
ในเวลานั้นคณะราษฏร์ทั้งปวงก็ได้เบิกเนตรว่า พวกเขาไม่สามารถปกครองประเทศได้โดยปราศจากสถาบันพระมหากษัตริย์
เรื่องมีอยู่ว่า...
ก่อนที่ในหลวงรัชกาลที่ 7 จะเสด็จไปต่างประเทศ ได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์(น้องชายของในหลวงรัชกาลที่ 5) เป็นประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
พอในหลวงรัชกาลที่ 7 ประกาศสละราชสมบัติ รัฐบาลคณะราษฏร์ ได้ไปทูลวิวอนให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงรับเป็นประธานผู้สำเร็จราชการต่อไป
***ถึงขั้นออกปากทูลว่า ถ้าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ จะทรงอยากเป็นพระมหากษัตริย์ คณะราษฏร์ก็ยอม
(อ้างอิงจาก: หนังสือสิ่งที่ข้าพเจ้าพบเห็น โดย ม.จ.พูนพิศมัย ดิศกุล)
เพราะอะไร
เพราะคณะราษฏร์ได้เบิกเนตรแล้ว หลักจากครองอำนาจทางการเมืองมา 2 ปีหลังจากปฏิวัติสำเร็จ ว่า
**สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเสาหลักของชาติ เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ
คณะราษฏร์จะปกครองประเทศไม่ได้เลย ถ้าขาดสถาบันพระมหากษัตริย์
เพราะฉะนั้นถ้าย้อนกลับไปที่แนวความคิดที่จะเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐอันมีประธานาธิบดีมที่เป็นสามัญชนเป็นประมุขนั้น ไม่มีวันเป็นไปได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ยอมรับ
............................................................................
แต่จนแล้วจนรอด คณะราษฏร์ก็เกลี้ยกล่อม สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ไม่สำเร็จ
นอกจากพระองค์ท่านไม่ยอมเป็นเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลต่อไปแล้ว ยังลาออกจากการเป็นประธานผู้สำเร็จราชการอีกด้วย
ในที่สุดคณะราษฏร์ได้แต่งตั้ง พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรันต์ ซึ่งเป็นคนคนสนิทที่ใกล้ชิดในหลวงรัชกาลที่ 7 ขึ้นเป็นประธานผู้สำเร็จราชการ
ซึ่งในตอนแรกท่านก็ปฏิเสธ และพอรับแล้วตอนหลังท่านก็ฆ่าตัวตาย
............................................................................
• ทำไมท่านถึงปฏิเสธ ?
• ทำไมปฏิเสธแล้วยังได้เป็นประธานผู้สำเร็จราชการ ?
• ทำไมท่านต้องฆ่าตัวตาย
• ทำไมคณะราษฏร์ต้องอาศัยเจ้าที่สนิทสนมใกล้ชิดรัชกาลที่ 7 เป็นผู้สำเร็จราชการ ?
............................................................................
• ทำไมคณะราษฏร์มีโอกาสที่จะเปลี่ยนประเทศเป็นสาธารณรัฐแล้ว แต่กลับยังต้องการให้มีพระมหากษัตริย์ต่อไป ?
• ทำไมคณะราษฏร์ยังต้องเพิ่งเจ้า
คำตอบของคำถาม 2 ข้อสุดท้ายคือ
***เพราะคณะราษฏร์ได้เบิกเนตรแล้วว่า จะปกครองประเทศไม่ได้เลย ถ้าขาดสถาบันพระมหากษัตริย์
ส่วนคำถาม 4 ข้อแรก...
โปรดติดตามตอนต่อไป
อัษฎางค์ ยมนาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี