คณะกรรมการสมานฉันท์ประชุมนัดแรก มีมติเลือก “เทอดพงษ์ ไชยนันทน์”นั่งประธานฯ “ชวน” ให้กำลังใจ ขอทำภารกิจหาทางออกให้ประเทศ ยึดหลักประชาธิปไตย ขอ 2 สัปดาห์แจ้งความคืบหน้า ด้าน “บิ๊กป้อม” ย้อนสื่ออย่าถามอุ้มม็อบให้มีเรื่อง ลั่นเจ้าหน้าที่คนไหนจะทำแบบนั้น ขณะที่“ยุทธพงศ์”พร้อมให้สอบนาฬิกาหรู ยันใส่มาแล้ว 15 ปี มูลค่า 1 หมื่นบาทไม่ต้องแจ้ง ป.ป.ช.ท้า’เรืองไกร’ พิสูจน์19 มกราคม หากไม่มาจะดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ 11คน เป็นนัดแรก โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าร่วมประชุม เพื่อให้กำลังใจการทำงานของคณะกรรมการสมานฉันท์ พร้อมกล่าวตอนหนึ่งว่า ขอให้กำลังใจการทำงาน เพราะกรรมการยังไม่ทำงาน แต่ถูกมองว่าล้มเหลว เนื่องจากไม่มีฝ่ายค้านเข้าร่วม แต่ตนมองว่า การทำงานของกรรมการไม่ใช่ความขัดแย้งของฝ่ายค้าน หรือของรัฐบาล แต่เป็นปัญหาของบ้านเมือง ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันระดมความคิดเห็น เพื่อบรรเทาเหตุความไม่สงบและความขัดแย้งของบ้านเมือง แม้ไม่มีฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านก็ตาม
‘ผมหวังในภารกิจ แต่ไม่ได้หวังผลเลิศ แต่สิ่งที่อยากเห็นคือ การมีโอกาสพูดคุยและรู้ข้อเท็จจริงร่วมกัน ฟังผู้รู้ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ แต่ละฝ่ายให้ความเห็น รวมถึงเห็นความสำคัญของความสงบ ประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ใช่ของกลุ่ม หรือพรรค หรือส่วนบุคคล แต่คือประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศเป็นเป้าหมายสำคัญ’ นายชวน กล่าว
‘ชวน’ให้กำลังใจกก.สมานฉันท์
นายชวน กล่าวต่อว่า สำหรับที่มาของกรรมการสมานฉันท์ เกิดจากการยื่นญัตติในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เมื่อวันที่ 26-27ต.ค.63 ที่มีสถานการณ์การชุมนุมและมีความเห็นว่าควรจะมีกรรมการเพื่อแก้ปัญหา และหาวิธีป้องกัน ซึ่งในอดีตเคยมีปลุกระดมผ่านสื่อวิทยุชุมชน รวมถึงในอนาคตมีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียตัดต่อทำให้เกิดความขัดแย้ง การแก้ปัญหาไม่ควรทำเป็นเรื่องเฉพาะหน้า แต่ให้มองถึงอนาคตด้วยว่า จะป้องกันได้อย่างไร นอกจากนั้นขอให้ยึดมั่นในกฎหมายและการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้กำลังใจทุกคนและพร้อมสนับสนุนการทำงานเต็มที่ เพื่อประโยชน์ และจะติดตามทุกระยะ ขอให้ช่วยรายงานการดำเนินงานเมื่อทำงานครบ 2สัปดาห์ อย่างไรก็ตามแม้หลายฝ่ายไม่หวัง แต่ผมหวังและประชาชนหวังว่า ทุกท่านเป็นระดับบุคคลไม่ธรรมดา มีความคิดประสบการณ์ที่สูง จะทำให้บ้านเมืองเข้าใจและประสานกันดีขึ้นมากกว่าที่ผ่านมา ผมหวังแบบนั้น
จากนั้นเวลา 13.50 น. นายชวน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการทำงานของกรรมการจะเป็นความหวังให้กับการเมืองไทยหรือไม่ว่า “ทุกคนต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด”
รายงานความคืบหน้าใน2สัปดาห์
นายชวน กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีให้รายงานความคืบหน้าให้ตนรับทราบ ใน 2 สัปดาห์นั้น ไม่ใช่การแทรกแซง เพียงแค่ให้รายงาน เพราะยังมีรายละเอียดของการทำงาน เช่น การตั้งกรรมการสมานฉันท์ส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิและฝ่ายผู้ชุมนุม ที่ตนต้องลงนามแต่งตั้งเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม การทำงานนั้นตนได้ย้ำให้ยึดหลักประชาธิปไตยและยึดกฎหมาย เพราะกรรมการคณะดังกล่าวมาจากฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างไรก็ตามการทำงานของกรรมการนั้นไม่ได้กำหนดกรอบเวลาสิ้นสุดเมื่อใด ส่วนกรณีไม่มีฝ่ายค้านเข้าร่วมและหลายคนมองว่าไม่สำเร็จ ขอให้เข้าใจว่าฝ่ายค้านไม่ขอเข้าร่วม ไม่ใช่ว่าผมเลือกปฏิบัติ อย่างไรก็ดี ในการทำงานของกรรมการ อาจแต่งตั้งอนุกรรมการ หรือคณะทำงาน หรือศึกษาโดยขอความเห็นจากฝ่ายต่างๆได้
เลือก“เทอดพงษ์ ไชยนันทน์” นั่ง ปธ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมคณะกรรมการสมานฉันท์ นัดแรก จำนวน 11 คน ประกอบด้วย 1. พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กระทรวงกลาโหม 2.นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ 3.นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ภูมิใจไทย 4.นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ 5.นางฉวีรัตน์ เกษตรสุนทร ส.ว. 6.นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. 7. นายนิรุต ถึงนาค อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 8. นพ.วันชัย 9.นายสุริชัย หวันแก้ว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ และ ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 10.นายสมศักดิ์ รุ่งเรือง อธิการบดีมหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก และ 11. นายวิโรจน์ ลิ้มไขแสง อธิการบดี มทร.อีสาน.
โดยในการประชุมนัดแรกได้ให้นายวันชัย ที่อาวุโสสูงสุดทำหน้าที่ประธานชั่วคราว เพื่อเลือกตำแหน่งประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ ซึ่งปรากฏว่า ก่อนที่จะเริ่มมีการเลือกตำแหน่งประธานคณะกรรมการฯ ได้มีความเห็นเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งแรกต้องการให้มีผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 4 คน เข้ามาก่อนแล้วถึงเลือกประธาน ขณะที่อีกฝั่งเห็นว่าควรเดินหน้าทำงานเลย จนท้ายที่สุดเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าควรเดินหน้าทำงานเลย ซึ่งท้ายที่สุดที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ เลือกนายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ เป็นประธานคณะกรรมการสมานฉันท์ ส่วนตำแหน่งอื่นๆจะต้องรอให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ 4 คนให้ครบก่อนถึงจะมีการเลือกตำแหน่งอื่นๆ ทั้งนี้ในเบื้องต้นคณะกรรมการฯจะประชุมทุกวันจันทร์ เวลา 13.30น. เป็นต้นไป
‘บิ๊กป้อม’ว๊ากสื่ออย่าถามให้มีเรื่อง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีโลกโซเชียลมีกระแสข่าวว่า การ์ดกลุ่มราษฎรถูกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) อุ้มตัวไปก่อนจะถูกปล่อย ว่า กอ.ร.มน.ชี้แจงไปแล้ว ส่วนเหตุปาระเบิดที่สามย่านมิตรทาวน์นั้น ตนไม่อยากให้ใช้ความรุนแรง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ปฏิบัติงานตามขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง
เมื่อถามว่า จะกลายเป็นเรื่องบานปลายหรือไม่ เนื่องจากตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ระบาดของโควิด -19 พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะบานปลายหรือไม่ ต้องไปถามพวกเขาดู ก็จะดูแลอย่างที่ดูแล เมื่อถามต่อว่า ในโลกโซเชียลมีการสร้างกระแสว่า เหตุปาระเบิดที่สามย่านฯเจ้าหน้าที่เป็นผู้ทำ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ทำเมื่อไหร่ คุณพูดไปเรื่อย เจ้าหน้าที่จะไปทำยังไง คุณไม่น่าถามเลย จะถามให้มีเรื่องให้ได้ ไม่มี คุณพูดไปเรื่อย คิดเองไปคนเดียว คนอื่นเขาไม่คิดหรอก ไม่มี”
‘โจ้’ท้า’เรืองไกร’พิสูจน์นาฬิกา
วันเดียวกัน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร สส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต สว.ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ตนใส่นาฬิกาหรูไปแถลงข่าวที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 17มกราคมนั้น ขอชี้แจงว่านาฬิกาที่ใส่ ไม่ใช่นาฬิกาหรู เป็นนาฬิกาใช้งานทั่วไปยี่ห้อIWC ใช้งานมาประมาณ 15ปี ราคาปัจจุบันประมาณ 10,000บาท ซึ่งเหมาะสมกับฐานานุรูปของคนที่มีตำแหน่งสส.และตามกฎหมาย ปปช.ถ้าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าไม่เกิน 200,000บาท ไม่ต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ตนพร้อมและยินดีให้ ปปช.ตรวจสอบในเรื่องนาฬิกาและวันที่ 19มกราคมนี้ ที่พรรคเพื่อไทย ตนจะนำนาฬิกาเรือนดังกล่าวไปแถลงข่าวโชว์ความบริสุทธิ์ใจ ให้สื่อมวลชนพิสูจน์ว่า ไม่ใช่นาฬิกาหรูแต่อย่างใด
ถ้าไม่มาพิสูจน์เตรียมดำเนินคดี
‘ขอเรียกร้อง นายเรืองไกร ว่า อย่ามากลั่นแกล้งใส่ร้ายกันทางการเมือง ถ้าอย่างพิสูจน์ความจริง และไม่มีเจตนาที่จะทำให้ผมเสียชื่อเสียง หรือใส่ร้ายเรื่องนาฬิกาหรูขอให้ นายเรืองไกร เดินทางมาที่ห้องแถลงข่าวพรรคเพื่อไทย ในวันที่ 19มกราคมนี้ เพื่อพิสูจน์ความจริงกัน พร้อมกับสื่อมวลชน ถ้า นายเรืองไกร ไม่มาพิสูจน์ความจริง จะให้ทีมกฎหมายพรรครวบรวมข้อมูลเพื่อดูว่า มีหลักฐานส่วนใดบ้างที่เป็นกลั่นแกล้ง และทำให้ผมเสียหายชื่อเสียงจะได้ดำเนินคดีกับ นายเรืองไกร ต่อไป’ นายยุทธพงศ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี