เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2564 เวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล เรียกร้องให้มีการแก้ไขญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับสถาบันว่า ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจกล่าวหานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรวม 10 คน ข้อหาแตกต่างกันไป บางเรื่องก็ซ้ำซ้อนกัน แต่ถือเป็นญัตติ เนื้อหาจริงๆ ต้องไปว่า กันที่ตอนอภิปราย การดูแค่ญัตติอย่างเดียวไม่เพียงพอ คนที่เตรียมตัวไม่สามารถเตรียมได้ครบถ้วน เพราะไม่รู้เนื้อหาการอภิปรายทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่า ญัตติมีการกล่าวอ้างถึงสถาบัน นายวิษณุ กล่าวว่า อยู่ในส่วนคำกล่าวหานายกฯ 3 ประเด็นคือ ใช้สถาบันแบ่งแยกประชาชน ใช้อ้างอิงเพื่อนำมาปกปิดการกระทำที่บกพร่องของรัฐบาล และกล่าวหาว่า นำสถาบันไปหาประโยชน์ ซึ่งยังไม่รู้ว่า คืออะไร อาจจะเกี่ยวกับการตั้งข้อหามาตรา 112 เป็นเรื่องที่นายกฯต้องเตรียมตัว ตนคงอธิบายอะไรไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าคือ อะไร
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาคือมีการตั้งญัตติเกี่ยวกับสถาบันบ้างหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เคยมีแบบเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา แต่ตรงๆ เช่นนี้ไม่มี แต่เมื่อถึงเวลาในสภา ใครที่จะอภิปรายหรือแม้แต่ผู้ที่จะตอบต้องระมัดระวัง ตนไม่ได้แปลว่า พูดไม่ได้ แต่หมายถึงต้องระมัดระวัง ไม่เช่นนั้นจะเจอข้อบังคับการประชุมสภาจนมีการประท้วงและคัดค้านได้ ซึ่งการอภิปรายเรื่องสถาบัน เส้นแบ่งมันมีอยู่แล้ว คนที่อยู่ในสภาชำนาญการอยู่แล้ว คงต้องระวัง โดยประธานสภาคงต้องควบคุมในส่วนนี้ ย้ำว่า ไม่ได้หมายความว่า พูดไม่ได้ พูดได้แต่พูดให้เป็นเรื่องของรัฐมนตรี อย่าไปพูดให้เป็นเรื่องของสถาบัน
เมื่อถามว่า จะต้องเป็นการประชุมลับหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า อยู่ที่เนื้อหา อย่าตั้งหลักว่าจะประชุมลับ ถ้าเป็นเช่นนั้นผิด แต่เมื่อถึงเวลาพูดกันจะได้รู้ ถ้ามีการกล่าวหาขึ้นมาแล้วรัฐบาลจำเป็นต้องตอบเพื่อให้ชัดเจน แต่ถ้าการตอบไม่สมควรเปิดเผยต่อสาธารณะ สามารถขอให้ประชุมลับได้เฉพาะเรื่องนั้น อย่างไรก็ตาม การอภิปรายโดยไม่ลงมติครั้งที่ผ่านมาก็เคยมีเนื้อหาที่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ซึ่งประธานสภาสามารถควบคุมได้ดี
เมื่อถามว่า ส.ส.ที่อภิปรายมีเอกสิทธิ์คุ้มครองใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า การพูดในสภา ผู้ใดจะนำไปกล่าวหาฟ้องร้องในทางใดๆ ไม่ได้ แต่ถ้ามีการถ่ายทอดสดไปสู่บุคคลภายนอก จะไม่มีเอกสิทธิ์ตรงนี้ ที่ผ่านมามีการฟ้องร้องกันหลายคดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีใครมาปรึกษาหรือให้ช่วยเป็นติวเตอร์ให้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีๆ จะมาหาทำไม แต่ละคนก็ชำนาญการทั้งนั้น รัฐมนตรีแต่ละคนก็ชำนาญเวทีอยู่แล้ว ส่วนนายกฯ ได้เจอกันในที่ประชุมครม. ซึ่งนายกฯบอกว่า ได้ให้พีม็อกำลังทำการบ้านในเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่ ตนก็ทราบรับทราบตามนั้น และไม่จำเป็นว่า ตนจะต้องไปประจำการเพื่อคอยช่วยชี้แจง แต่ต้องเข้าใจว่า บางเรื่องที่ถูกอภิปรายฯ ไปเกี่ยวพันกับคนอื่น นายกฯถูกอภิปรายฯใน 2 ฐานะคือในฐานะนายกรัฐมนตรีและในฐานะรมว.กลาโหม ซึ่งในฐานะรมว.กลาโหมนั้น ทางกระทรวงกลาโหม จะต้องเตรียมข้อมูลให้นายกฯ เอง แต่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเป็นนายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาลและเป็นผู้ที่ดูแลกระทรวงทั้ง 20 กระทรวง เพราะฉะนั้น 20 กระทรวงจะต้องเตรียมข้อมูลให้นายกฯ เพราะกระทรวงใดก็ตามไปทำอะไร นายกฯอาจถูกอภิปรายฯได้ทั้งนั้น ทุกกระทรวงนายกฯสามารถถูกพาดพิงได้หมด
นายวิษณุ ยังยกตัวอย่างข้อกล่าวหาของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ที่มีการไปแต่งตั้งใครมาเป็นอะไร ข้อหานี้ไปโดนที่ร.อ.ธรรมนัส แต่เอาเข้าจริงอาจจะมาโดนที่นายกฯก็ได้ แต่นายกฯจะตอบได้อย่างไร นายกฯก็ตอบได้แค่ว่า ก็ไม่ใช่คู่สมรสของผม ทำไมจะตั้งไม่ได้ และถ้าไปอภิปรายฯ ร.อ.ธรรมนัส ประเด็นนี้ร.อ.ธรรมนัส ก็สามารถบอกได้ว่า ก็ผมไม่ได้เป็นคนตั้ง เป็นคู่สมรสผมก็จริง แต่ผมไม่ได้เป็นคนตั้ง เพราะฉะนั้นนี่คือ ตัวอย่างว่าเกี่ยวพันกับใครก็ต้องลุกขึ้นตอบเอง สำหรับนายกฯมีสิทธิตามข้อบังคับให้คนอื่นตอบได้
เมื่อถามว่า ได้เตรียมตัวชี้แจงข้อกฎหมายให้บ้างหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังมองไม่เห็นว่ามีอะไรที่เกี่ยวกับตน ส่วนใหญ่ไม่ใช่ข้อกฎหมาย แต่เป็นข้อเท็จจริง
เมื่อถามว่า มีประเด็นอะไรที่สุ่มเสี่ยงจะขัดต่อรัฐธรรมนูญตามที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติมาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่เห็น และถ้าเห็นตนจะไปบอกพวกคุณทำไม เดี๋ยวพวกคุณก็ไปบอกฝ่ายค้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี