‘ปารีณา’อ่วม!
ศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่สส.
พิษคดีบุกรุกป่าราชบุรี
ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง
เจ้าตัวน้อมรับคำสั่งศาล
อีก19สส.หนาวจ่อซ้ำรอย
ศาลฎีกาสั่ง“ปารีณา”สส.ราชบุรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังรับคำร้องป.ป.ช.ปมบุกรุกป่าสงวนที่ราชบุรี ฝ่าฝืนผิดจริยธรรมร้ายแรง ไต่สวนนัดแรก 30 เมษายน ให้ยื่นคัดค้านภายใน 14 วัน เจ้าตัวน้อมรับทุกคำสั่งศาล พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อสู้คดีต่อไป อีก19 สส.มีหนาว จ่อซ้ำรอย“ปารีณา” “อนุชา”ยัน พปชร.พร้อมแก้รธน.ไม่แตะหมวด 1-2 ย้ำต้องคุยพรรคร่วมฯ “จุรินทร์”ล็อกเป้าแก้ม.256 มอบทีมกม.ยกร่างแยกรายประเด็น เพื่อนำถกพรรคร่วมรัฐบาลลั่นพร้อมหนุนผ่าน กม.ประชามติ ด้านกมธ.กม.ประชามติเผยส่อเลื่อนเปิดสมัยวิสามัญ7-8 เม.ย.หลังกฤษฎีกาแก้กฎหมายไม่ทัน
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลอ่านคำสั่งในคดี คมจ.1/2564ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงของน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจังหวัดราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม โดยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ผู้ร้องมาศาล ผู้คัดค้าน ยื่นคำร้องฉบับลงวันนี้ขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ก่อนมีคำสั่งและขอให้เลื่อนอ่าน มีคำสั่งในวันนี้ออกไป
ศาลฎีการับคำร้องปารีณารุกป่า
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าในชั้นนี้เป็นการพิจารณาว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยหรือไม่เท่านั้นกรณีไม่มีเหตุ ต้องไต่สวนข้อเท็จจริง และเลื่อนฟังคำสั่งออกไปก่อนตามคำร้องของผู้คัดค้าน ส่วนที่ผู้คัดค้าน ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 24 มีนาคม 2564 โต้แย้งว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไต่สวนโดยไม่ชอบ การกระทำของผู้คัดค้านไม่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงและตามคำร้องฉบับลงวันนี้ว่าผู้คัดค้าน ได้ส่งมอบที่ดินคืนให้แก่สำนักงานปฏิรูปที่ดิน ผู้คัดค้านจึงมิได้เป็นผู้กระทำความผิดนั้นเป็นปัญหาที่ต้องว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณา ศาลจึงมีคำสั่งให้รับคำร้องของ ป.ป.ช.พิจารณานัดพิจารณาครั้งแรก หรือไต่สวนพยานผู้ร้องในวันที่ 30 เมษายนนี้ เวลา 09.30น.
สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ทันที
ส่วนที่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่าหากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องเนื่องจากผู้คัดค้านไม่สามารถให้คุณหรือโทษแก่บุคคลใดๆและไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงหรือดำเนินการใดๆเพื่อให้ข้อเท็จจริงคดีนี้เปลี่ยนแปลงไปขอให้ผู้คัดค้านยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามคำร้องฉบับลงวันที่ 23 มีนาคม 2564นั้น
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องของผู้คัดค้านยังไม่มีเหตุเพียงพอให้ศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นหรือมีคำสั่งให้ผู้คัดค้านปฏิบัติหน้าที่ต่อไปตามที่ผู้คัดค้านร้องขอให้ยกคำร้องเนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว และมิได้มีคำสั่งเป็นอย่างอื่นรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 235วรรคสามบัญญัติให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา จึงให้มีหนังสือแจ้งคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบหมาย ส่งสำเนาคำร้องและคำสั่งให้ผู้คัดค้านทราบให้ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านภายใน14วันนับ แต่วันรับคำร้องและมีหนังสือขอให้ศาลที่ผู้คัดค้านมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำนาจศาลดำเนินการจัดส่งแทนการส่งหมายถ้าไม่มีผู้รับ หรือไม่สามารถทำได้ให้ปิดหมาย และให้มีผลใช้ได้ทันที.
ปารีณาน้อมรับคำสั่ง/เตรียมสู้คดี
ด้าน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.กล่าวภายหลังที่ศาลฎีกา สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันทีหลังรับคำร้อง ป.ป.ช.คดีบุกป่าสงวน ขัดจริยธรรมร้ายแรงไว้พิจารณาว่า พร้อมน้อมรับทุกคำสั่งศาล เมื่อศาลฎีกา รับเรื่อง และให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องหยุด และก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตนเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมว่าจะให้ความเป็นธรรม หลังจากนี้จะทนายดำเนินการในการเตรียมเอกสารเอกสาร พยานหลักฐานต่างๆเพื่อเข้าสู่กระบวนการไต่สวนในวันที่ 30 เมษายนนี้ พร้อมไปพิสูจน์ตัวเองในชั้นกระบวนการยุติธรรม เมื่อศาลมีคำสั่ง ก็ต้องปฏิบัติตาม ล่าสุด น.ส.ปารีณาได้โพสต์บนเพจเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นภาพนั่งหน้าเศร้าหงอย อยู่บนเก้าอี้
บิ๊กตู่ทราบแล้ว/ลุงป้อมชี้กำลังใจดี
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในงานสถาปนากระทรวงยุติธรรม ครบรอบ 130 ปี ที่อาคารที่ทำการกระทรวงยุติธรรมถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯถึงกรณีศาลฎีการับคำร้องสั่งให้น.ส.ปารีณา ไกรคุปท์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.หยุดปฏิบัติหน้าที่ส.ส.โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า“ทราบแล้ว”
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงที่ศาลฎีการับคำร้องป.ป.ช.เรื่อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรค พปชร.กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนในจ.ราชบุรีโดยสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ว่า เป็นเรื่องของศาล ตนไม่ขอก้าวล่วง เมื่อถามว่าได้ให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“ไม่เป็นไรหรอก เขากำลังใจดีอยู่แล้ว”เมื่อถามว่าเสียงพรรค พปชร.หายไปหนึ่งเสียงจะกระทบการทำงานหรือไม่พล.อ.ประวิตรตอบว่า“ถามอะไรก็ไม่รู้เป็นเรื่องของผม สื่อไม่เกี่ยว”
‘อนุชา’รับเสียใจแต่ห่วง‘ปารีณา’
ด้านนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวที่ ศาลฎีการับคำร้องป.ป.ช. คดี น.ส.ปารีณา บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนที่ จ.ราชบุรีสั่งหยุดการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าจะมีคำพิพากษาว่าขณะนี้ในพรรคยังไม่มีการพูดคุยกัน ส่วนตัว รู้สึกผิดหวังไปกับ น.ส.ปารีณา ซึ่งในฐานะเลขาธิการพรรคก็รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงเป็นกังวลเพราะทำงานร่วมกันมา
เมื่อถามว่าเสียงของรัฐบาลขาดไปหนึ่งเสียงจะทำให้มีผลกระทบอะไรในการทำงานของสภาฯหรือไม่ นายอนุชา ยืนยันว่าไม่มีผลกระทบ เพราะเสียงที่มีอยู่ตอนนี้ค่อนข้างที่จะมีความมั่นคง ในเรื่องของเสียงไม่สำคัญเท่ากับการเสียเพื่อนไปคนหนึ่งต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เรื่องเสียงในสภาฯไม่ใช่ประเด็น
19ส.ส.หนาวจ่อซ้ำรอย’ปารีณา’
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากกรณีของ น.ส.ปารีณาแล้วยังมีการยื่นร้อง ส.ส.นักการเมือองเกี่ยวกับการถือครองที่ดินลักษณะเดียวกัน และข้อกล่าวหา กรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงอีกหลายมากกว่า10ราย ที่ร้องมายังป.ป.ช.โดยมีคำร้องของ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยที่เคยยื่นให้ตรวจสอบ ส.ส.ถึง 3 ครั้งที่ถือครองที่ดินที่ส่อว่าจะผิดกฎหมายตามที่ปรากฏในแบบแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้ต่อป.ป.ช.ว่าได้ครอบครองที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5และส.ป.ก.4-01 รวมทั้งสิ้น 19 คน
ได้แก่1.นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ พรรคพลังประชารัฐ 2.นายจิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์ พรรคเพื่อไทย 3.นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง พรรคภูมิใจไทย 4.นายเกียรติ เหลืองขจรวิทย์ พรรคภูมิใจไทย 5.นายอนุชา น้อยวงศ์ พรรคพลังประชารัฐ 6.นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.กระทรวงศึกษาธิการ สส.พรรคภูมิใจไทย
7.นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล 8.นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล 9.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ 10.น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ
11.นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ 12.นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ 13.นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ 14.นายมานพ ศรีผึ้ง ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย 15.นายสฤษดิ์ บุตรเนียร ส.ส.ปราจีนบุรี พรรคภูมิใจไทย 16.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย 17.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย 18.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย และ19.นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย ซึ่งในขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.
พปชร.พร้อมแก้-ไม่แตะสถาบัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพปชร.ว่า จุดยืนไม่แตะหมวด1 หมวด 2 ส่วนแนวทางเรื่องการแก้ไขอำนาจของ ส.ว.นั้น ก็ไปว่ากัน ส่วนจะตัดหรือไม่ตัดอำนาจ เป็นเรื่องของสภาฯ เป็นคนตัดสิน ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรี ควรมาจาก ส.ส.อย่างเดียวหรือไม่ นายอนุชา เห็นว่า ไม่จำเป็น หากจะแก้ไข ต้องดูบริบทตามรัฐธรรมนูญ เป็นภาพรวมที่ต้องไปคุยกันในพรรคว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความเห็นอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่าเราจะไม่แก้รัฐธรรมนูญ ต้องดูถึงรายละเอียด ส่วนรัฐธรรมนูญปี2560 มีปัญหาหรือไม่ อย่างไร อยู่ที่สังคม
ยืนยันต้องคุยผนึกพรรคร่วมฯ
เมื่อถามว่าดูเหมือนพรรค พปชร.จะถูกโดดเดี่ยวจากพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายอนุชา กล่าวว่า คงไม่ใช่ เพราะความคิดเห็นในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความเห็นแตกต่างอยู่แล้วในทางการเมือง หากคิดเห็นเช่นเดียวกัน คงไม่ปกติ เพราะการเมืองต้องมีความเห็นที่หลากหลาย และ ยืนยันว่า ในการแก้รัฐธรรมนูญ พรรคร่วมรัฐบาล จะต้องคุยกันอีกอยู่แล้ว
จุรินทร์สั่งยกร่างแก้รายมาตรา
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายประชามติว่าตอนนี้ได้สั่งฝ่ายกฎหมายไปยกร่างแล้ว แยกเป็นรายประเด็น ร่างละ 1 ประเด็น โดยไม่นำหลายประเด็นไปรวมในร่างเดียวเพราะหาก 1 ร่าง มี 3 ประเด็น เห็นด้วย 2 ประเด็น ไม่เห็นด้วย 1 ประเด็น ก็จะทำให้ร่างนั้นตกไปและคาดว่า1-2 สัปดาห์นี้น่าจะเสร็จสิ้นได้ จากนั้นจะได้นำไปหารือร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันประเด็นไหนที่เห็นตรงกัน หรือประเด็นไหนที่ยังเห็นไม่ตรงกัน และจะปรับไปเป็นอย่างไร เพราะถึงอย่างไรก็จำเป็นจะต้องอาศัยเสียงร่วมกัน และต้องอาศัยเสียงวุฒิสมาชิก (ส.ว.) และฝ่ายค้านด้วย การแก้รัฐธรรมนูญจึงจะสำเร็จได้
ล็อคเป้าเสนอแก้มาตรา256
เมื่อถามว่าประเด็นเร่งด่วนที่สมควรแก้ไข เป็นรายมาตรามีประเด็นไหนที่พรรคเล็งไว้ นายจุรินทร์กล่าวว่า การแก้ไขมาตรา 256 มาตราที่เกี่ยวข้องกับอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรี ของวุฒิสมาชิก รวมทั้งประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องของสิทธิชุมชน เรื่องการกระจายอำนาจ เป็นต้นแต่จะไปลำดับความสำคัญ และหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลอื่นด้วย
ปชป.พร้อมโหวตกม.ประชามติ
ส่วนที่ขณะนี้ยังมีประเด็นเกี่ยวกับกฎหมายประชามติ ที่มีแนวโน้มว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า พรรคสนับสนุน กฎหมายประชามติ านำเข้าสู่การพิจารณาต่อไป ก็จะให้ความเห็นชอบ เพราะเราอยากเห็นกฎหมายประชามติเกิดขึ้นโดยเร็ว เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวเมื่อบังคับใช้แล้ว จะเป็นส่วนหนึ่งในการนำไปทำให้การแก้รัฐธรรมนูญประสบความสำเร็จได้ เพราะเงื่อนไขหนึ่งการแก้รัฐธรรมนูญนั้น บางมาตราบังคับว่า จะต้องนำไปทำประชามติด้วย หากไม่มีกฎหมายประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ทำไม่ได้ หรือทำได้ ก็ไม่สำเร็จ ก็ต้องรอกฎหมายประชามติ การมีกฎหมายประชามติไว้ก่อน ก็เป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่จำเป็น เป็นกฎหมายที่บังคับไว้ในรัฐธรรมนูญด้วย
“เพราะฉะนั้นเมื่อกลายเป็นเรื่องที่กรรมาธิการเสียงข้างน้อย ก็เลยต้องไปปรับแก้ไขมาตราอื่นๆ ที่ตามมาให้สอดคล้องกัน ก็ให้เวลาก่อน เมื่อเสร็จมาแล้วนำกลับมาก็จะดำเนินการไปตามกระบวนการจนครบวาระที่สอง และวาระที่สามประชาธิปัตย์ก็เห็นว่ากฎหมายประชามติเป็นเรื่องจำเป็น และพร้อมจะให้การสนับสนุน” นายจุรินทร์ กล่าว
ส่อเลื่อนเปิดวิสามัญ/กมธ.แก้ไม่ทัน
ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาแก้ไขเนื้อหามาตรา 9 ร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามตินพ.พลเดช ปิ่นประทีบ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติกล่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่ส่งเนื้อหาที่ปรับปรุงแก้ไขมาให้กรรมาธิการฯ ล่าสุด ได้รับแจ้งว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่สามารถพิจารณาแก้ไขเนื้อหาเสร็จได้ทัน เพราะต้องแก้ไขเนื้อหาที่ผูกโยงกับมาตรา 9 อีกหลายมาตรา คณะกรรมการกฤษฎีกาหนักใจว่าจะพิจารณาไม่ทัน ดังนั้นแนวโน้มการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 7-8 เม.ย.ตามที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ระบุว่า เป็นช่วงเวลาเหมาะสมนั้น คงไม่สามารถเปิดประชุมได้แล้ว คาดว่าน่าจะเป็นหลังสงกรานต์ จะนำเข้าที่ประชุมรัฐสภา สมัยวิสามัญได้ ส่วนการประชุมกรรมาธิการฯในวันที่ 1-2 เม.ย. คงหาข้อสรุปอะไรไม่ได้เพราะกฎหมายเสร็จไม่ทัน คงทำได้แค่ประเมินสถานการณ์
นพ.พลเดช ยอมรับว่าสมาชิกหลายคน กังวลเนื้อหาที่เพิ่มเติมใหม่ มาตรา9 ให้รัฐสภาและภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการเสนอการจัดทำประชามติ อาจขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญให้ทำได้เฉพาะกรณีการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งฉบับและเรื่องที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทำเท่านั้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่พิจารณากันอยู่
ส่วนจะโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ.ประชามติ ในวาระ3 เพื่อตัดปัญหาไปเลยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของที่ประชุมรัฐสภาไม่ใช่ ส.ว.เพราะเสียงข้างมากในกรณีนี้คือ เสียงส.ส.เป็นคนชี้ขาด แต่ขอให้จับตาตอนโหวตวาระ2 ในมาตรา10 ถึงมาตรา14 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวโยงกับมาตรา 9 ให้ดี อย่ากระพริบตา มีโอกาสจะไม่ราบรื่น ตีรวนกันสูง เป็นไปได้มาตราเหล่านี้อาจจะไม่ผ่าน.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี