วันที่ 2 เมษายน 2564 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) เฟชบุ๊กไลฟ์ peace talk ในหัวข้อ "ถึงณัฐวุฒิ และตอบประยุทธ์และพวก" โดยช่วงหนึ่งระบุว่า เนื่องจากว่ามีผู้คน และสื่อทางช่องทางต่างๆพยายาม จะจับเสี้ยม เพื่อให้เกิดมีความคิดแตกแยก ซึ่งกันและกัน หลังจากที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้แถลง ภายหลังจากที่ได้ถอดกำไล ตนก็ฟังด้วยความเข้าใจ แต่แน่นอนที่สุด หลากหลายเรื่องราว ก็เป็นผลพวงจากนั้น เพราะว่าตนได้รับคำเชิญของ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 2535 ซึ่งก็อยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตของเขา อะไรที่เป็นความสุข และก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ก็ยินดีที่จะไปต่อสู้ร่วม เพราะเห็นว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้อง ในกรณีที่ไม่สามารถจะปล่อยให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศชาติได้อีกต่อไป
นายจตุพร กล่าวว่า แน่นอนที่สุดเราต่างฝ่าย ต่างก็รู้กันว่า ในช่วงกว่า 15 ปีนี้เรามีบาดแผลมากมายในส่วนภาคประชาชน ยากที่จะสมาน แต่บาดแผลดังกล่าวมีคนได้รับผลประโยชน์สูงสุด ก็คือพลเอกประยุทธ์และคณะ เพราะฉะนั้นต่างคนต่างก็รู้กันว่าองค์กรนั้นไม่ควรที่จะมาเกี่ยวข้อง เพราะในแต่ละองค์กร ประวัติศาสตร์มีความสูญเสียมีความเจ็บปวดมีทุกเรื่องราว เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องของปัจเจกและปัจเจกนี้ก็ต้องแลกกับความเจ็บปวดกันอีกมากมาย ถ้าไม่ลุกขึ้นมาเพื่อจัดการกับประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็จะอยู่ต่ออีกอย่างน้อย 6 ปี เป็นศูนย์ปัญหาของชาติต่อไป
ประธานนปช. กล่าวต่อว่า ดังนั้นเพื่อความสบายใจทั้งประชาชน มวลชนและพี่น้องทั้งหลาย เพื่อไม่ให้ได้รับการเสี้ยม ให้เกิดความแตกแยกขัดแย้งกันใดๆทั้งสิ้น เอากันเป็นว่าอย่างนี้ ขอสื่อความกันเพราะว่า ณัฐวุฒิ เขาก็พูดผ่านมา ผมก็พูดผ่านไป เป็นที่สาธารณะ
"ในวันใดที่ณัฐวุฒิไปยืนหยัดเคียงข้าง กับบรรดาน้องๆ นักศึกษาคณะราษฎร เฉกเช่นในสมรภูมิเดียวกัน กับอานนท์ นำภา ไมค์ ไผ่ รุ้ง และเพนกวิน รวมทั้งคนอื่น เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าได้ยืนหยัดเคียงข้าง เหมือนที่ณัฐวุฒิได้ยืนหยัดเคียงข้างกับผมในปี 53 วันไหนก็วันนั้น ผมจะประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานนปช. แล้วก็ยกให้ณัฐวุฒิไป ส่วนจะมีกระบวนการอย่างไรก็ว่ากัน แต่ว่านี่เป็นคำมั่นสัญญา ว่าวันใดเป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ณัฐวุฒิได้ไปร่วมต่อสู้กับคนหนุ่มสาว อย่างที่ผมเคยอยู่ในเหตุการณ์พฤษภา 35
เพราะฉะนั้นผมไม่ต้องการให้เกิดปัญหาทางความรู้สึกว่าใครสู้มากกว่ากัน แต่เป็นความปรารถนาดีของพี่ชายคนหนึ่งถึงน้องชาย เอาง่ายๆ ไม่สลับซับซ้อนเพราะว่าผมเป็นคนตรงไปตรงมา คำว่ายืนหยัดเคียงข้าง ไม่ทิ้งกัน เป็นคำที่มีความหมายมาก เพราะฉะนั้นวันใดที่ณัฐวุฒิอยู่บนสนามของคนหนุ่มสาวคณะราษฎร ร่วมกับอานนท์ นำภาและคณะ ผมจะลาออกจากประธานนปช.ให้โดยทันที และมอบให้ณัฐวุฒิรับภารกิจนี้ไป"
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ถามว่าที่ผ่านมา ทำไมตนยังไม่ลาออกจากประธานนปช เพราะที่ผ่านมามีการกล่าวหาว่าย้ายขั้วสลับข้าง ไปอยู่กับพลเอกประยุทธ์ ไปอยู่กับเผด็จการ ไปอยู่กับพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นความเท็จ แล้วตนจะไปลาออกตามความเท็จได้อย่างไร ตนพูดชัดมาตั้งแต่ต้นว่ากับมาใช้ความชั่วจัดการตนไม่ได้หรอก
"ผมอาจจะเสียทีคนบ้าง เพราะเขามาในคราบคนดี แต่เพราะผมแพ้ความดีมากกว่า แต่เขาใช้ข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ ยัดเยียดให้ผมว่าย้ายข้างสลับขั้วทรยศคนเสื้อแดงแล้ว ที่ผมเสนอให้ยุบนปช.นั้น ผมไม่ได้ให้ยกเลิกคนเสื้อแดงนะ แต่ผมบอกว่าให้ไปรวมกับคณะราษฎร ในวันที่กระแสของนักศึกษากำลังลงมา ผมก็พูดชัด แต่ก็ไปตีความว่า รับงานจากรัฐบาล มาสลายคนเสื้อแดงสลับข้างแล้ว ก็ให้ไปถามคนทำโพล 99.99% ไล่ผม ทั้งที่แต่งเรื่องปั้นเรื่องเป็นความเท็จ 100% ผมก็อดทนรอคอยได้ ไม่มีปัญหาอะไรเพราะผมรู้ว่านั่นคือความเท็จ" ประธานนปช.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี