คดีแรก!‘อธิบดีศาลคดีทุจริตฯภาค 1’ฟ้องกรรมการป.ป.ช.หมิ่นศาล

คดีแรก!‘อธิบดีศาลคดีทุจริตฯภาค 1’ฟ้องกรรมการป.ป.ช.หมิ่นศาล

วันจันทร์ ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2564, 17.05 น.

“อธิบดีฯศาลคดีทุจริตภาค 1” ส่งทนายฟ้อง “กรรมการ ป.ป.ช.” ยื่นคำร้องขอโอนสำนวนคดีมีเนื้อหาหมิ่นศาล กล่าวหาโจทก์แทรกแซงคดี ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 เวลา 13.30 น.

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 เมษายน 2564 ที่ศาลจังหวัดสระบุรี นายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มอบอำนาจให้นายเจษฎา คงรอด ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการป.ป.ช.เป็นจำเลยในความผิดฐาน ดูหมิ่นศาล หรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดี


คำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่า ในขณะเกิดเหตุคดีนี้ โจทก์ดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบภาค 1 มีอำนาจหน้าที่ในการนั่งพิจารณาและพิพากษาคดีหรือทำความเห็นแย้งในคดี รวมทั้งให้ คำแนะนำแก่ผู้พิพากษาในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในข้อขัดข้องเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิพากษา จัดวางระเบียบและการดำเนินการส่วนธุรการของศาล และมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี

ส่วนจำเลยขณะเกิดเหตุคดีนี้ ดำรงตำแหน่งกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และจำเลยยังอยู่ในฐานะจำเลยที่ 2 คดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 หมายเลขดำที่ อท.84/2563 ที่นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาฯปปช.เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ปธ.ปปช. ,น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กก.ปปช.,นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด (อสส.)เป็นจำเลยที่ 1-3

นอกจากนี้จำเลยยังอยู่ในฐานะจำเลยในคดีของศาลอาญา คดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 หมายเลขดำที่ อท.64/2563 ระหว่างนายประหยัด พวงจำปา โจทก์น.ส. สุภา ปิยะจิตติ จำเลย

โดยเมื่อวันที่ 23มี.ค. 2564 จำเลยจัดทำและยื่นคำร้องขอโอนสำนวนคดีของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ในคดีหมายเลข ดำที่ อท.84/2563  ที่นายประหยัด พวงจำปา ยื่นฟ้องจำเลยกับพวกทั้งสามที่กล่าวมา ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 โดยมีข้อความอันเป็นการดูหมิ่น ดูถูก เหยียดหยามโจทก์ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีดังกล่าว ทำให้โจทก์ ได้รับความอับอาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ทั้งยังเป็นการลดคุณค่าและทำลายการใช้ความเด็ดขาด ในการรักษาความยุติธรรมของศาล และทำลายชื่อเสียงของศาล หรือผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่ในการพิจารณา

โดยดูหมิ่นโจทก์ทำนองว่า โจทก์แทรกแซงการพิจารณาคดี และเป็นเรื่องที่ไม่เป็นการปฏิบัติตามปกติในกระบวนพิจารณา หากให้มีการพิจารณาคดีต่อไปในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 นั้น จำเลยอาจไม่รับความยุติธรรม

โจทก์ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนในการพิจารณาพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท.85/2563 นั้นมีประสบการณ์ในการพิจารณาพิพากษาคดีอื่น ๆ มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี เคยเป็นผู้พิพากษา หัวหน้าศาลจังหวัดนครสวรรค์ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอาญา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแผนกคดีภาษี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1 ประธานแผนกคดีผู้บริโภคในศาลอุทธรณ์ภาค 3 และปัจจุบันดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบภาค 1 และเคยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม(ก.ต.) ให้เป็นอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม จึงตระหนักดีว่า การทำหน้าที่ผู้พิพากษาในศาลยุติธรรมนั้นต้องมีความเป็นอิสระ ในการพิจารณาพิพากษาคดี ทั้งผู้พิพากษาและผู้บริหารในศาลต่าง ๆ ต้องให้ความเป็นธรรมแก่คู่ความทุกฝ่าย รวมทั้งประชาชน ตลอดจนผู้พิพากษา และข้าราชการศาลยุติธรรมผู้ใต้บังคับบัญชาในศาลด้วยความเมตตาเอื้อเฟื้อ เพื่อให้การบริหารคดี และการบริหารงานต่าง ๆ ในศาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

การปฏิบัติหน้าที่ของโจทก์ในตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 และผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี หมายเลขดำที่ อท.84/2563 ดังกล่าวเป็นการดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ทุก ประการ เพื่อประสาทความยุติธรรมให้กับคู่ความทุกฝ่ายในคดีรวมทั้งจำเลยด้วย ซึ่งโจทก์ต้องมีความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีโดยปราศจากการก้าวก่ายหรือแทรกแซงโดยบุคคล หรือองค์กรใด รวมทั้งผู้บริหารในศาลยุติธรรมด้วยเช่นกัน มิฉะนั้นแล้วผู้พิพากษาที่พิจารณาพิพากษาคดีจะเกิดความหวั่นไหวจากการปฏิบัติหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีอันจะเกิดผลกระทบต่อความยุติธรรม และประชาชนทั่วไป รวมทั้งกระทบต่อความมั่นคง ของประเทศชาติ เมื่อศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาใดแล้ว หากคู่ความฝ่ายใดรวมทั้งจำเลยเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายย่อมมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งหรือคำพิพากษาตามกฎหมายต่อไปได้ โดยคู่ความและประชาชนต้องให้ความเคารพศรัทธาการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมอันเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนได้อย่างแท้จริง

การกระทำของจำเลยในการยื่นคำร้องขอโอนคดีโดยระบุข้อความต่าง ๆ ดังกล่าวมาทั้งหมดข้างต้นนั้น เป็นการดูหมิ่นโจทก์และ/หรือศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาพิพากษาคดี และเป็นการใส่ความด้วย ข้อความอันเป็นเท็จ ว่ามีการแทรกแซงการพิจารณาคดีโดยโจทก์และเป็นเรื่องที่ไม่เป็นการปฏิบัติตามปกติใน กระบวนพิจารณา หากให้มีการพิจารณาคดีต่อไปในศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 จำเลยอาจไม่ได้ รับความยุติธรรมนั้นเป็นการทำลายความเชื่อถือ และความเด็ดขาดในการใช้อำนาจรัฐในการรักษาความยุติธรรมของศาล รวมทั้งเป็นการลดคุณค่าและทำลายชื่อเสียงของโจทก์ซึ่งเป็นผู้พิพากษาที่ทำหน้าที่พิจารณาพิพากษาคดี ทั้งที่ความจริงโจทก์ดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด และกระทำการไปเพื่อประสาทความยุติธรรมแก่ผู้มีอรรถคดีด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเที่ยงธรรม ถูกต้องตามกฎหมายและนิติประเพณี โดยยึดมั่นในความเป็นอิสระของ ผู้พิพากษาแต่ละท่าน การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีและเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงานผู้ซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่

 โดยความผิดฐานดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 198 มีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี

ภายหลังนายเจษฎา คงรอด ทนายความนายปรเมษฐ์ กล่วว่า ศาลจังหวัดสระบุรี รับคำฟ้องไว้พิจารณา และนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ในวันที่ 19 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น. โดยในวันนั้น นายปรเมษฐ์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลคดีทุจริตฯภาค1 ในฐานะโจทก์จะเดินทางมาเบิกความต่อศาลด้วยตนเอง

ผู้สื่อข่าวถามว่า การยื่นคำร้องขอโอนคดีของฝ่ายจำเลย มีผลทำให้อธิบดีผู้พิพากษาฯต้องถูกย้ายไปช่วยราชการ และตั้งคณะกรรมการสอบใช่หรือไม่ นายเจษฎา ทนายความ กล่าวว่า เรื่องการสอบวินัย เรายังไม่ทราบว่ามีการร้องเรียนในข้อเท็จจริงเรื่องอะไร ทราบแต่เพียงว่ามีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และทราบอย่างไม่เป็นทางการว่ามีการสรุปข้อเท็จจริงไปแล้ว และมีคำสั่งย้ายนายปรเมษฐ์ โตวิวัฒน์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1ไปอยู่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ทั้งที่ท่านยังไม่เคยได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการชุดนี้เล  เรายังไม่ทราบว่าเนื้อหาในการร้องเรื่องวินัยเป็นอย่างไร จะเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่ แต่เราประเมินว่าน่าจะเป็นเรื่องเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้เป็นคดีแรกที่ผู้พิพากษาระดับอธิบดียื่นฟ้องป.ป.ช. โดย ก่อนหน้านี้ น.ส.สุภา จำเลยในคดียื่นคำร้องขอโอนคดีในวันที่ 23มี.ค.64  หลังจากนั้นสำนักงานศาลยุติธรรมได้มีคำสั่งลับที่ 333/2564 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2564 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณี อธิบดี ถูกร้องเรียนกล่าวหาว่าเข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการพิจารณา อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของคู่ความคดีหมายเลขดำ ที่อท.84/2563 โดยคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงได้รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงโดยมีความเห็นว่าอธิบดีมีพฤติการณ์เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงการพิจารณาพิพากษาคดีของข้าราชการตุลาการในวันที่ 5 เมษายน 2564 ซึ่งเป็นวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง

ในวันดังกล่าวฝ่ายโจทก์ในคดีมีพยานสำคัญซึ่งเป็นพยานหมายมาเบิกความ คือ นายวิชา มหาคุณ และนายอรรถพล ใหญ่สว่าง ซึ่งในวันดังกล่าวพยานทั้ง 2 ท่านได้เดินทางไปศาลพร้อมเบิกความแล้ว เเต่จำเลยกับพวกได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพื่อให้ศาลส่งสำนวนให้ประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในเรื่องอำนาจการพิจารณาคดีของศาล ก่อนหน้านี้นับแต่วันฟ้องคดีจนถึงวันนัดไต่สวนมูลฟ้องเป็นระยะเวลากว่า 6 เดือนจำเลยไม่เคยโต้แย้งในประเด็นเขตอำนาจศาลเลย แต่มาโต้แย้งในวันไต่สวนมูลฟ้อง ทำให้ศาลต้องเลื่อนการพิจารณาคดี โดยบ่ายวันดังกล่าวประธานศาลฎีกามีคำสั่งให้โจทก์ ไปช่วยทำงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลอุทธรณ์ภาค 1

สำหรับ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ไม่ต่ำกว่า 10 คดี

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top