ราชทัณฑ์ส่งจนท.ประกบ
หวั่น‘กวิ้น’ช็อก
จากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
แม่ยันลูกยอมตาย/ไม่กินอาหาร
ทนายเผยมีโอกาสติดคุกสูง50ปี
ราชทัณฑ์ส่งเจ้าหน้าที่ประกบ “เพนกวิน” หวั่นช็อกจากภาวะน้ำตาลต่ำ น้ำหนักฮวบเหลือ 96.1 กก. ในขณะที่แม่บอกลูกยอมตายเพื่อความยุติธรรม เร่งหาช่องทางประกันตัวอีก
ด้านทนายเผยลูกความมีหลายคดีโอกาสติดคุกสูงถึง 50 ปี ในขณะที่”หมอวรงค์”ล่าชื่อหยุดระบอบ 3 กีบ “สิระ”ตามสับ”จตุพร”
นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 เมษายน เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้รายงานสถานการณ์ความคืบหน้าอาการของแกนนำม็อบคณะราษฎรจากการอดอาหาร ว่า เวลา 07.40 น.เจ้าหน้าที่สถานพยาบาลได้ตรวจอาการของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน อายุ 22 ปี คดีหมิ่นประมาทหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายฯ พบสภาพทั่วไป รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง มีอาการอ่อนเพลีย ไม่มีอาการวูบหรือหน้ามืด เวลาเดินต้องมีคนช่วยพยุง ดื่มน้ำเกลือแร่ได้ประมาณ 1,800 ml. ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำชนิด 5%D/N/2 1,000 ml.ตามแผนการรักษาของแพทย์ น้ำหนัก 96.1 กิโลกรัม สัญญาณชีพโดยทั่วไปปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.8 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 56 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 18 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 125/65 mmHg
“นายเพนกวินปฏิเสธการเจาะวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว ซึ่งยังคงเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการช็อคจากภาวะน้ำตาลต่ำ “นายธวัชชัย กล่าว
กวิ้นขึ้นศาลตรวจหลักฐาน
วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจหลักฐานคดีหมายเลขดำ อ.286/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ฟ้องนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 14-15 พ.ย. 2563จำเลยร่วมชุมนุมปราศรัยกลุ่มม็อบเฟส ที่แยกคอกวัว และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนินกลาง
วันนี้ศาลเบิกตัวนายพริษฐ์ จำเลย โดยนั่งรถเข็นจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาศาล เนื่องจากมีอาการอิดโรย อ่อนล้า จาการอดอาหารประท้วง เพราะไม่ได้รับการประกันตัวคดีชุมนุม 19-20 ก.ย. 2563 ตามมาตรา112 ,116 ฯลฯ
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยก่อนการพิจารณาคดี โดยแสดงความกังวล ว่า ปัจจุบันอาการของนายพริษฐ์ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีคนมากมายติดต่อมาให้ตนคุยกับเพนกวินเลิกการอดอาหาร
มีโอกาสติคุกสูงถึง50ปี
นายกฤษฎางค์ เผยว่า วันนี้นายพริษฐ์ นั่งรถเข็นมา และได้รับอนุญาตอนุญาตให้พ่อแม่กับเพื่อนที่เป็นนักศึกษาเข้ามาพูดคุยกัน เพราะเพนกวินมีปัญหาเรื่องการเรียน เนื่องจากไม่ได้เข้าสอบ วันนี้ก็ได้รับการผ่อนปรนจากศาลพอสมควร คดีนี้ อัยการแถลงนัดสืบพยานทั้งหมด 32 ปาก 9 นัด แต่จำเลยแถลงต่อศาลว่า เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรมในการต่อสู้คดีนี้ เนื่องจากไม่ได้สิทธิ์ในการปล่อยตัวชั่วคราว ทำให้ไม่มีโอกาสไปแสวงหาพยานหลักฐานมาสู้คดีได้เต็มที่
“คดีนี้มีพยานโจทก์เป็นพยานบุคคล 32 ปาก มีพยานเอกสารอีกร่วมร้อยกว่าฉบับ เขาไม่มีโอกาสที่จะออกจากคุกมาตรวจสอบ แล้วโทษสูง เพนกวินถ้าติดคุกคงติดไม่ต่ำกว่า 50 ปี ตามกฎหมาย ในคดีนี้ รวมทั้งการที่เขาไม่มีโอกาสที่จะพบปะหารือกับทนายความเป็นการส่วนตัว ทำให้เขาคิดว่าเขาเหมือนกับนักกีฬาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในกติกากฎเกณฑ์ จึงปฎิเสธกระบวนการพิจารณา”
ด้าน นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดาของเพนกวิน ให้สัมภาษณ์ถึงการได้พูดคุยกับเพนกวินว่า วันนี้ได้เจอลูกก็ดีใจ เพราะไม่ได้พบกันมานาน
เมื่อถามว่าเพนกวินยังยืนยันจะอดอาหารต่อไปหรือไม่ แล้วแม่ได้มีการขอร้องให้เพนกวินเลิกอดอาหารบ้างไหม นางสุรีย์รัตน์ กล่าวว่า เพนกวินเขาก็ยังยืนยันในหลักการของเขาที่จะเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตัวเขาและเพื่อนๆ ในการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการดำเนินคดี ยืนยันที่จะอดอาหารต่อ คือเขายอมตาย เราก็เห็นว่าเด็กทำถึงขนาดนี้แล้ว แล้วก็ยังไม่มีการกระทำความผิด ยังไม่ถูกตัดสินเลย แค่ขอสิทธิ์ที่จะมาต่อสู้คดีข้างนอก มีสิทธิ์ตามที่กฎหมายกำหนด ขอให้ทำตามกฎหมายให้เด็กประกันตัวออกมาได้ แค่นี้ยังทำไม่ได้ ต้องแลกด้วยชีวิตอีกกี่ชีวิต ทั้งเพนกวินทั้งรุ้ง ปนัสยา หรือใครๆ
“สิระ” สับ”จตุพร”ยับ”
นายสิระ เจนจาคะ สส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ออกมาเรียกร้องให้ มีการอนุญาตให้แกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังได้รับสิทธิ์การประกันตัวว่า ประชาชนเขาดูก็รู้ว่านายจตุพรไปไม่รอด ไม่เหลือภาวะผู้นำทางความคิดอีกแล้ว การชุมนุม 2-3 วันที่ผ่านไป ภายใต้แกนนำหลักอย่างนายจตุพร ปลุกระดมมวลชนไม่ขึ้น เพราะไม่มีใครเชื่อคำพูดที่ไร้สัจจะวาจาของนายจตุพรอีกแล้ว สุดท้ายนายจตุพรก็ต้องมาโหนกระแสบรรดาเด็กที่ติดคุกทั้งหลายให้มาเรียกมวลชนให้ จากที่เคยประกาศตัวขึงขัง หวังจะสถาปนาตัวเองเป็นผู้นำม็อบ แต่กลับต้องมาเดินตามตูดเด็ก ตนอยากถามนายจตุพรว่า หน้าฉาบปูนซีเมนต์กี่ชั้น ถึงได้หนาขนาดนี้ ไม่อายตัวเองก็น่าจะอายหมาบ้าง ทำร้ายประเทศชาติให้ย่อยยับมานานเท่าไหร่แล้ว
แนะให้ไปต่อสู้คดีความ
“นายจตุพรเคยพูดไว้ว่า เป้าหมายที่สำคัญคือการไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง โดยที่จะไม่ก้าวล่วงสถาบัน แต่วันนี้กลับกลืนน้ำลาย ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้กระทำความผิดในคดี 112 พฤติกรรมของนายจตุพรแสดงให้เห็นว่าไม่มีจุดยืนใด ๆ ”นายสิระ กล่าว
นายสิระ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายจตุพรระบุถึงกรณีกองบัญชาการตำรวจนครบาลแจ้งดำเนินคดีจากการจัดให้มีการชุมนุมที่บริเวณ อนุสรณ์สถานพฤษภา 35 สวนสันติพร เมื่อวันที่ 4 , 5 และ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา ในข้อหา ฝ่าฝืนข้อกำหนดออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯว่า น่ากลัวจังเลยนั้น นายสิระ กล่าวว่า นายจตุพรอย่าดีแต่ปาก กล้าพูดก็ขอให้กล้าเดินไปรับกรรมตามกฎหมายด้วย
ล่า1ล้านชื่อต้านระบบสามกีบ
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานกลุ่มไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom โดยเชิญชวนสื่อมวลชน ร่วมแถลงข่าวแคมเปญ”หยุดเชื้อ อยู่บ้าน ขอล้านชื่อไล่ระบอบสามกีบ หยุดรื้อรัฐธรรมนูญ” วันพุธที่ 21 เมษายน 2564 เวลา 10.30 น. ที่สำนักงานไทยภักดี พระรามห้า ไลฟ์ผ่านเพจ ไทยภักดี และเพจ Warong Dechgitvigrom
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี