ทุบเปรี้ยง! กฎหมายไม่เอื้อยื่นขอ‘อภัยโทษ’ครั้งที่ 2 ‘ทักษิณ’พ่วงจนท.ส่อถูกดำเนินคดี

ทุบเปรี้ยง! กฎหมายไม่เอื้อยื่นขอ‘อภัยโทษ’ครั้งที่ 2 ‘ทักษิณ’พ่วงจนท.ส่อถูกดำเนินคดี

วันศุกร์ ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 07.48 น.

ทุบเปรี้ยง! กฎหมายไม่เอื้อยื่นขอ‘อภัยโทษ’ครั้งที่ 2 ‘ทักษิณ’พ่วงจนท.ส่อถูกดำเนินคดี

3 ตุลาคม 2568 นายวัส ติงสมิตร นักวิชาการอิสระ อดีตผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฎีกา และอดีตประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ทักษิณจะขออภัยโทษครั้งที่ 2 ได้หรือไม่” มีเนื้อหาดังนี้...


ทักษิณจะขออภัยโทษครั้งที่ 2 ได้หรือไม่

------

เมื่อวานนี้ (ที่ 2 ตุลาคม 2568) มีรายงานข่าวว่า ทักษิณ ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งกลับให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใหม่ทบทวน

รมว.ยุติธรรมคนใหม่ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนว่า กรณีนายทักษิณ ชินวัตร ทูลเกล้าฯ ขออภัยโทษครั้งที่ 2 รมว.ยุติธรรมคนเก่าได้เสนอไปที่ สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แต่ตอนนี้เรื่องได้กลับมาที่กระทรวงยุติธรรมแล้ว ซึ่งตนได้มอบหมายให้ปลัด ยธ. ไปตั้งกรรมการขึ้นมาเพื่อช่วยดูเรื่องข้อกฎหมาย แล้วประมวลเรื่องเสนอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งภายใน 3 วัน ซึ่งจะครบประมาณวันศุกร์ที่ 3 ต.ค. หรือวันจันทร์ที่ 6 ต.ค. จึงจะมีการรายงานมาให้ตนทราบอีกครั้ง แล้วค่อยนำเสนอกลับไปที่ สลค. ใหม่อีกครั้ง

ผู้เขียนพิจารณาแล้ว มีความเห็นดังนี้

1) การพระราชทานอภัยโทษทรงเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ (มาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญ 2560)

2) เมื่อคดีถึงที่สุดแล้ว ผู้ต้องคำพิพากษาให้รับโทษอย่างใด ๆ หรือผู้ที่มีประโยชน์เกี่ยวข้อง มีสิทธิทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์ขอรับพระราชทานอภัยโทษ โดยจะยื่นต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ได้ (มาตรา 259 แห่ง ป.วิ.อาญา)

3) ผู้ถวายเรื่องราวซึ่งต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำสามารถยื่นเรื่องราวต่อพัศดีหรือผู้บัญชาการเรือนจำได้ เมื่อได้รับเรื่องราวนั้นแล้ว ให้พัศดีหรือผู้บัญชาการเรือนจำออกใบรับให้แก่ผู้ยื่นเรื่องราว แล้วให้รีบส่งเรื่องราวนั้นไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (มาตรา 260)

4) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมมีหน้าที่ถวายเรื่องราวต่อพระมหากษัตริย์พร้อมทั้งถวายความเห็นว่าควรพระราชทานอภัยโทษหรือไม่

ในกรณีที่ไม่มีผู้ใดถวายเรื่องราว ถ้ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเห็นเป็นการสมควร จะถวายคำแนะนำต่อพระมหากษัตริย์ขอให้พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องคำพิพากษานั้นก็ได้ (มาตรา 261)

5) เรื่องราวหรือคำแนะนำขอพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องคำพิพากษาให้ประหารชีวิต ให้ถวายได้แต่ครั้งเดียวเท่านั้น (มาตรา 262 วรรคสอง)

6) เรื่องราวขอพระราชทานอภัยโทษอย่างอื่นซึ่งมิใช่โทษประหารชีวิต ถ้าถูกยกหนหนึ่งแล้ว จะยื่นใหม่อีกไม่ได้จนกว่าจะพ้น 2 ปีนับแต่วันถูกยกครั้งก่อน (มาตรา 264)

7) การขอพระราชทานอภัยโทษของนายทักษิณครั้งนี้เกิดจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวนและมีคำสั่งเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 ว่า การบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นายทักษิณต้องรับโทษจำคุกตามคำพิพากษาต่อไปอีก 1 ปี นับแต่วันที่ 9 กันยายน 2568

โทษจำคุก 1 ปี ของนายทักษิณจึงเป็นโทษอันเกิดจากการกระทำความผิดในคดีเดิม 3 คดี ซึ่งมีโทษจำคุกรวม 8 ปี โดยนายทักษิณได้ขอพระราชทานอภัยโทษเฉพาะราย และได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณอภัยลดโทษเหลือจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ไม่ใช่การลงโทษจากการกระทำความผิดครั้งใหม่ จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะขอพระราชทานอภัยโทษตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 260

นักโทษที่จะขอพระราชทานอภัยโทษครั้งที่ 2 จากการกระทำความผิดครั้งเดียวกันได้ก็แต่เฉพาะการขอครั้งแรกถูกยก และจะมีสิทธิยื่นขออีกก็ต่อเมื่อพ้น 2 ปีนับแต่วันถูกยกครั้งก่อน (มาตรา 264)

นอกจากข้อกฎหมายจะไม่เอื้อให้ขอพระราชทานอภัยโทษได้แล้ว เมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์ที่นายทักษิณทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษครั้งก่อนเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ซึ่งต่อมาศาลฎีกาวินิจฉัยสรุปได้ว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยจนถึงขนาดต้องออกไปรักษานอกเรือนจำ โดยไปอยู่ที่ชั้น 14 อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา ในบริเวณโรงพยาบาลตำรวจ การบังคับโทษจำคุกนายทักษิณจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

และนายทักษิณก็อาจถูกดำเนินคดีอาญาร่วมกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายครั้งนี้ด้วย

ยิ่งไม่มีเหตุที่จะยื่นเรื่องราวขอพระราชทาอภัยโทษอีกครั้ง

แต่ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (คนเก่า) มีหนังสือลงวันที่ 24 กันยายน 2568 ความยาว 11 หน้า กราบเรียนนายกรัฐมนตรีว่า นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณฯ ได้ยอมรับคำพิพากษาของศาลฎีกาโดยยินยอมเดินทางกลับมารับโทษ และมีคุณงามความดีขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยการดำเนินการโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนหลายโครงการ แต่อย่างไรก็ดี เมื่อศาลฎีกามีคำสั่งคดีหมายเลขแดงที่ บค 1/2568 ลงวันที่ 9 กันยายน 2568 ให้จำคุกนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณฯ 1 ปี จึงเห็นควรยกฎีการายนี้เสีย ตามที่กรมราชทัณฑ์เสนอ จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา และนำความขึ้นกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทในโอกาสอันควรนั้น

ดูเหมือนว่า ยังกั๊กๆ ในข้อกฎหมายอยู่

วัส ติงสมิตร

นักวิชาการอิสระ

3/10/68

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top