ศาลให้ผู้พิพากษา-จนท.ราชทัณฑ์กักตัว
ใกล้ชิด‘ไผ่-สมยศ’
กลุ่มเสี่ยงติดโควิดจากจัสติน
‘เพนกวิน-แอมมี่’มีลุ้นด้วย
‘แรมโบ้’ตามเหน็บ‘ณัฐวุฒิ’
เลขาฯ รมว.ยุติธรรม แจง “จัสติน” ผู้ต้องหาคดี ม.112 ติดเชื้อโควิดในแดนกักโรค พร้อมตรวจกลุ่มเสี่ยง 28 ราย รวม “เพนกวิน-แอมมี่” ขณะที่ศาลอาญา ให้ท่านเปา-เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ตำรวจศาลราชทัณฑ์ กักตัว หลังไต่สวนประกันตัว “ไผ่ -สมยศ”กลุ่มเสี่ยงติดโควิดจากจัสติน
เมื่อวันที่ 24 เมษายน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.ถอดความจากเวทีเสวนา โดยสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 เมษายน ผ่านทางเฟซบุ๊กเสื้อแดงไม่เคยหายไปชี้ท่าทีรัฐบาลต่อขอประกันตัวแกนนำม็อบและเปรียบเทียบหากแกนนำที่ถูกดำเนินคดี เลิกอดอาหารไม่ได้ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายผู้มีอำนาจลองอดอาฆาตดูบ้างนั้นว่า ผู้มีอำนาจที่นายณัฐวุฒิพูดถึง หากเป็นนายกฯยืนยันว่านายกฯไม่เคยอาฆาตใคร ที่แกนนำม็อบถูกดำเนินคดีเพราะทำผิดกฎหมาย มีการชุมนุมก้าวล่วง จาบจ้วงสถาบัน ชุมนุมแบบป่าเถื่อน ทำร้ายร่างการตำรวจ ทำลายทรัพย์สินส่วนราชการ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายที่ชัดเจน
เตือน‘เต้น’อย่าหนุนม็อบจาบจ้วงสถาบัน
นายเสกกสกลกล่าวอีกว่าขอเตือนนายณัฐวุฒิในฐานะเพื่อนเก่าว่าไม่ควรที่จะออกมาปกป้องและสนับสนุนคนหนุ่มสาว เพราะการเคลื่อนไหวของคนหนุ่มสาวแตกต่างจากการเคลื่อนไหวของนายณัฐวุฒิ สุดท้ายก็จะถูกมองเป็นพวกเดียวกันกับการเคลื่อนไหว ที่จาบจ้วงสถาบันและที่นายณัฐวุฒิระบุว่าท่าทีของรัฐบาลมีความสำคัญต่อการพิจารณาคำร้องขอประกันตัวของแกนนำม็อบนั้นขอยืนยันว่าการจับกุมเป็นไปตามกฎหมาย การขอประกันตัวเป็นเรื่องของศาล นายกฯไม่ก้าวล่วง
“คนหนุ่มสาวกล้าออกมาเคลื่อนไหวและสร้างความวุ่นวายได้ ก็ต้องกล้ายอมรับความผิดที่ก่อขึ้นมา การชุมนุมยังสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศอีก นายณัฐวุฒิควรมองอย่างรอบด้าน ไม่ใช่จะเห็นใจ แต่แกนนำม็อบอย่างเดียว ควรมองไปข้างหน้าด้วยว่า การเคลื่อนไหวจะสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในประเทศมากน้อยเพียงใด การต่อสู้ของ นปช.ในอดีตที่ผมเคยร่วมสู้ด้วย เรายืนยันไม่เคยคิดจาบจ้วงก้าวล่วงสถาบัน จุดยืนชัดเจน แต่สงสัย นายณัฐวุฒิจึง มีท่าทีเปลี่ยนไปกล้าประกาศที่จะสนับสนุนเคียงข้างม็อบสามนิ้วทำให้คนเสื้อแดงที่จงรักภักดีต่างสงสัยในพฤติกรรมดังกล่าวของนายณัฐวุฒิ และพวกอย่างมาก”นายเสกสกล กล่าวย้ำ
ปชป.เตือนอย่าสะใจซ้ำเติมโควิด
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 ว่าสถานการณ์ที่ค่อนข้าง น่าเป็นห่วงกับจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่มีเพิ่มขึ้นแต่มั่นใจว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็ววันนี้เพราะทุกภาคส่วนที่มีส่วนสำคัญในการช่วยกันคลี่คลาย โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์เป็นกลุ่มบุคคลที่มีหน้าที่สำคัญที่สุด ด้วยความสามารถและศักยภาพ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าจะก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี ที่สำคัญ ทุกฝ่ายต้องสามัคคี จับมือกัน ติติงอย่างสร้างสรรค์โดยเฉพาะฝ่ายค้าน หลักการ สามารถพูดได้ ติติง แนะนำได้ รัฐบาลพร้อมรับฟัง สิ่งใดที่ดีก็ไปปรับประยุกต์ได้ แต่ประชาชนมองออกบางพรรค ถือว่ามีเครือข่ายในสังคมโซเชี่ยล ก็พยายามใช่ช่องทางนี้ในการโจมตีรัฐบาล โจมตีบุคลากรทางการแพทย์ ทำอะไรก็ไม่ดีไปทั้งหมด
แนะให้หยุดพูดก็ช่วยประเทศได้
ขอให้ประชาชนจับตามองพฤติกรรมนักการเมืองบางพรรคที่ไม่สร้างสรรค์ เห็นได้ชัดว่ารู้ทั้งรู้ว่าสถานการณ์นี้ต้องสามัคคีกัน แต่ด้วยหลักคิดที่ไม่สนใจประโยชน์ของประชาชนและประเทศ จึงทำการเมือง ตามอำเภอใจ ยึดความสะใจเข้าว่าด่านายกรัฐมนตรี ด่ารัฐบาลทุกวัน เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ลาออกทุกวัน ซึ่งไม่ใช่ทางออกของปัญหา ทุกคนต้องให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะบุคลากรทางการแพทย์
ซึ่งฝ่ายค้าน ควรดู นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นตัวอย่าง ที่ต้องชื่นชมซึ่งในการแสดงท่าทีทางการเมืองในขณะที่บ้านเมืองประสบปัญหาที่ต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทุกคนต้องคิดถึงประชาชน ประเทศก่อน ฝ่ายค้านต้องให้ข้อมูลอย่างสร้างสรรค์ หากอะไรที่ไม่ถูกต้องก็เก็บข้อมูลเพื่อเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามกลไก บางพรรค แค่หยุดพูดก็สร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากแล้ว
‘ธนาธร’ได้ทีแนะ‘บิ๊กตู่’ลาออก
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ได้เปิดห้องสนทนาทางแอพพลิเคชั่นClub House ในหัวข้อ“สร้างพันธมิตร ประคองธุรกิจพ้นวิกฤติ”มีประชาชนผู้ร่วมห้องสนทนาถามความเห็นของนายธนาธร เกี่ยวกับการบริหารจัดการของรัฐบาลในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดระลอกที่3ในปัจจุบัน รวมทั้งปัญหาทางการเมืองและทางออกที่นายธนาธรคิดว่าเหมาะสมที่สุดในเวลานี้
โดยนายธนาธรตอบว่า ในทางการเมือง หลายคนเริ่มพูดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการยุบสภาเกิดขึ้น ส่วนตัวเห็นว่า ต่อให้มีการยุบสภาเกิดขึ้น ก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม หากยุบสภาเวลานี้ กว่าที่จะได้รัฐบาลใหม่ขึ้นมาต้องใช้เวลาอย่างน้อย3เดือน ในสภาวะวิกฤติเช่นนี้ประเทศจะไม่มีรัฐบาลไม่ได้ แม้ว่าประชาชนจะไม่พอใจรัฐบาลในปัจจุบันก็ตาม อีกทางเลือกหนึ่งที่ เห็นว่าเป็นไปได้ เหมาะสมมากกว่า คือ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ต้องลาออก ให้นายกฯคนใหม่เข้ารับตำแหน่งแทน
แนะให้ทำ2ภารกิจ แก้โควิด-แก้รธน.
ซึ่งนายกฯคนใหม่นี้ก็ต้องกำหนดให้ชัดเจนว่ามีเพียง 2 ภารกิจเท่านั้นคือ1.จัดการวิกฤติโควิด ไม่ว่าจะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างวัคซีนเพิ่มและการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนและ 2.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะเข้ามาเพื่อจัดการปัญหาใหญ่ 2 เรื่องนี้เท่านั้น หลังจากจัดการปัญหาโควิด และทำรัฐธรรมนูญใหม่ออกมาแล้ว อาจจะกินเวลา 2 ปี พอดี จึงยุบสภาแล้ว จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ คิดว่าสูตรนี้น่าจะดีกับประเทศมากกว่า คือ แก้โจทย์ทั้งการเมืองและโควิดไปในคราวเดียวกัน เพราะแน่นอนที่สุด ต่อให้แก้ปัญหาโควิดจบ เราก็จะมาเจอกับดักการเมืองที่ไม่เปิดโอกาสให้นักการเมืองฝ่ายอื่นเข้ามามีอำนาจได้อีก
“ ผมคิดว่าถ้าคุณประยุทธ์ ลาออกแล้ว มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ มีภารกิจที่ชัดเจน2ภารกิจ คือจัดการโควิดแล้วก็แก้รัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดทางที่จะสร้างเศรษฐกิจใหม่ สร้างการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริงได้ น่าจะดีที่สุด”นายธนาธรกล่าว
พท.ผิดหวัง‘บิ๊กตู่’ไร้ความชัดเจน
ด้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและ เลขาธิการพรรคเพื่อไทยโพสต์เฟสบุ๊ก ถึงการแถลงของนายกรัฐมนตรีเมื่อคืนวันที่ 23 เมษายนที่ผ่านมาว่า การแถลงของนายกรัฐมนตรีทำให้คนไทยเสียเวลาเพราะเห็นได้ชัดว่านายกฯยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้และไม่ได้สื่อสารในถึงสิ่งที่ประชาชนต้องการคำตอบในสถานการณ์วิกฤตนี้เช่นความพร้อมการรองรับผู้ป่วยอย่างทันท่วงทีและเพียงพอ หรือเรื่องวัคซีนว่าคนไทยจะได้ฉีดกันวันไหน หรือการเยียวยาสำหรับผู้ป่วยและผู้ได้รับผลกระทบจะช่วยเหลือเขาอย่างไร
การที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่าสถานการณ์การระบาดของเชื้อโควิดทั่วโลกเพิ่มขึ้นจนทำให้การเข้าถึงทรัพยากรมีการแข่งขันกันนั้น เป็นเพียงการแก้ตัวของท่านเพราะวิกฤตในวันนี้เกิดจากการคาดการณ์สถานการณ์ผิดพลาด ส่งผลให้การบริหารจัดการสถานการณ์ โดยเฉพาะการจัดหาวัคซีนล่าช้าทั้งๆที่ประเทศต่างๆได้มีการกระจายให้ประชาชนจนเขามีภูมิคุ้มกันหมู่หลายประเทศแล้ว
ยธ.บอกให้รอผลตรวจ
ว่าที่ร้อยตรีธน กฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี นายชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือ”นุ๊ก จัสติน” แกนนำกลุ่มราษฎรติดเชื้อโควิด-19 ว่า ตนได้รับรายงานจากกรมราชทัณฑ์ว่า มีผู้ติดเชื้อโควิด 1 ราย และได้ลงพื้นที่เพื่อสอบสวนโรค ร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กทม. ทราบว่าผู้ติดเชื้อคือ นายชูเกียรติ และได้ส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลราชทัณฑ์แล้ว
ส่วนผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงมี 28 รายได้สั่งแยกกักตัว โดยมีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ บอททอมบลู ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งได้ทำการตรวจหาเชื้อแล้ว ผลน่าจะออกมาในช่วงค่ำๆ และยังมีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ที่ได้รับการปล่อยชั่วคราวเมื่อวานนี้ ซึ่งคงต้องขอความร่วมมือกับนายจตุภัทร์ ให้เข้าไปตรวจโควิดโดยด่วน นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อีก 5 ราย ซึ่งได้สั่งกักตัวและตรวจเชื้อแล้วเช่นกัน การติดเชื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในแดนกักโรค ไม่ใช่แดนทั่วไป เพราะบุคคลกลุ่มดังกล่าวเป็นผู้ต้องขังเข้าใหม่ และพึ่งกลับจากการไปศาล ดังนั้นจึงต้องอยู่ในแดนกักโรค 14 วันตามมาตรการของกรมราชทัณฑ์
“ผมขอยืนยันว่าผู้ที่ติดเชื้ออยู่ในแดนกักโรค เพราะกลุ่มนี้คือ คนที่เข้ามาใหม่และกลับมาจากศาล ต้องกักตัวในแดนกักโรคและตรวจหาเชื้อ ไม่ใช่ผู้ต้องขังที่อยู่ข้างในแดนปกติ ซึ่งการที่มีคนมาจากข้างนอกในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีโอกาสในการติดเชื้อ ดังนั้นการคัดกรองที่เข้มงวด เจอเชื้อได้เร็ว จะสามารถช่วยป้องกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งในส่วนของผู้ติดเชื้อเราก็มีมาตรการในการรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุขอยู่แล้ว”ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าว
ศาลให้กักตัวผู้พิพากษา
ผู้สื่อข่าวรายงาน กรณีที่นายชูเกียรติหรือจัสติน แสงวงค์ ผู้ต้องหาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เหตุเกิด หน้าศาลฎีกา สนามหลวง เมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ติดเชื้อโควิด 19 ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งนาย ชูเกียรตินอนห้องเดียวกับ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน , นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เเละนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะ บอททอมบลูส์
โดยเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมาศาลอาญา ได้เบิกตัว นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายจตุภัทร์ 2 เเกนนำ กลุ่มราษฎร์มมาที่ห้องพิจารณาคดี 912 เพื่อไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวของทั้งสอง เเละศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวในวันดังกล่าว
เบื้องต้นศาลอาญา ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ ราชทัณฑ์ทนายความ และบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว ศาลอาญาจึงได้ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อห้องพิจารณาเมื่อวันที่ 23 เม.ย.64 ซึ่งปกติก็ดำเนินการเป็นประจำอยู่แล้ว เเต่เมื่อได้รับรายงานว่า มีผู้เสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อโดยตรงที่ห้องพิจารณา 912 ศาลอาญาจึงได้ประสานให้ผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ ตำรวจศาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่อยู่ในห้องพิจารณาดังกล่าว กักตัวเองไว้เพื่อรอผลตรวจของนายจตุภัทร์ หรือไผ่ ดาวดินซึ่งถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางมาศาล และเข้าห้องพิจารณาคดี912แล้ว
แฟ้มภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี