"อนุกมธ.จำแนกฯนิรโทษกรรม"เปิด 4 ไทม์ไลน์ม็อบใหญ่ - กาง 3 แนวทางเลือกจำแนกฐานความผิดที่มาจากแรงจูงใจทางการเมืองแบบชัดเจน-ไม่ชัดเจน ชง"กรรมาธิการชุดใหญ่"เคาะ คาดได้ถกในสภาฯช่วงก.ค. รับ"มาตรา112"ยังไร้ข้อสรุป อยู่ระหว่างหารือ
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ที่รัฐสภา นายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการ (อนุ กมธ.) ศึกษาและจำแนกการกระทำเพื่อประกอบการพิจารณาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการหารือในคณะอนุ กมธ.ฯ เพื่อจำแนกคดีที่มีฐานความผิดมาจากแรงจูงใจทางการเมือง ว่า ในแง่ของระยะเวลา ได้พิจารณาโดยยึดแนวทางของคณะอนุ กมธ.พิจารณาศึกษาข้อมูล และสถิติ ที่มี นายนิกร จำนง เป็นประธาน คือวันที่ 1 ม.ค.2548 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 20 ปี แบ่งออกเป็นอีก 4 ช่วงเวลา ดังนี้ 1.ตั้งแต่ปี 2548 - 2551 2.ตั้งแต่ปี 2552 - 2555 3.ตั้งแต่ปี 2556 - 2562 และ 4.ตั้งแต่ปี 2563 - ปัจจุบัน ซึ่งใน 4 ช่วงเวลานี้มีเหตุการณ์ทางการเมืองใหญ่ๆ เช่น การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตร (เสื้อเหลือง) , การชุมนุมของกลุ่ม นปช.(เสื้อแดง) , การชุมนุมของกลุ่ม กปปส.และการชุมนุมของกลุ่มเยาวชน นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองย่อยๆ ภายในระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา รวมถึงชุมนุมในโลกออนไลน์ ที่มีเหตุในการเข้าข้อกฎหมายด้วย
นายยุทธพร กล่าวต่อว่า กระบวนการตรงนี้เราได้จำแนกเกณฑ์ต่างๆ ในการพิจารณา โดยยึดเกณฑ์ใหญ่ที่สุด คือ ฐานความผิดที่มาจากแรงจูงใจทางการเมือง ทั้งที่ชัดเจน และไม่ชัดเจน โดย 1.ฐานความผิดที่มาจากแรงจูงใจทางการเมืองชัดเจน เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมโดยตรง เชื่อมโยงคดีอาญา คดีในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือคดีในการชุมนุมสาธารณะ รวมถึงบางช่วงเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายการทำประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 ขณะที่ 2.ฐานความผิดฯ ที่ไม่ชัดเจน เป็นเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำ เช่น พ.ร.บ.จราจร , พ.ร.บ.ความสะอาด ซึ่งไม่ได้เป็นกฎหมายโดยตรงเกี่ยวกับการชุมนุม แต่เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการชุมนุม
"เมื่อจำแนกออกมาเป็น 2 ส่วนแล้ว เราจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม ในวันนี้ หลังจากนี้จะมีการประชุมคณะอนุ กมธ.ฯในสัปดาห์หน้า เพื่อปรับแก้ตามความคิดเห็นของ กมธ.ชุดใหญ่ เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปว่า ทางเลือกที่ 1.คือใช้กฎหมายนิรโทษกรรม ที่ยังมีความจำเป็น เพราะในกระบวนการนิรโทษกรรม ที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆจะนำไปปฏิบัติ ก็ต้องมีฐานทางกฎหมายในการให้อำนาจหน่วยงานฯไปดำเนินการต่อไป ส่วนทางเลือกที่ 2.ฐานความผิดบางฐานอาจยังไม่มีข้อสรุป หรือข้อยุติที่ตกผลึก อาจจะใช้มาตรการที่ไม่ใช่กฎหมายในการดำเนินการ ขณะที่ทางเลือกที่ 3.บางฐานความผิดซึ่งดำเนินคดีไปไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับสาธารณะ ท้ายที่สุดแล้วก็อาจต้องใช้กฎหมายอื่น เช่น พ.ร.บ.องค์กรอัยการ ตามมาตรา 21 เพื่อให้อัยการสั่งไม่ฟ้อง เช่น คดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จราจร และความสะอาด" นายยุทธพร กล่าว
เมื่อถามว่า ทั้ง 3 ทางเลือกที่จะนิรโทษกรรมจะดำเนินการได้เมื่อไหร่ นายยุทธพร กล่าวว่า การนิรโทษกรรม เป็นเรื่องของ ส.ส.หลังจากที่ กมธ.ชุดใหญ่มีข้อสรุป คาดว่าไม่เกินเดือน ก.ค.จะได้ข้อสรุป เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ ทางสภาฯ ก็มีเอกสิทธิ์รับฟังข้อเสนอเหล่านี้ทั้งหมด หรือจะไม่ฟังก็ได้ หรือจะนำไปใช้บางส่วนก็ได้ เมื่อถามว่า การกระทำความผิดตามมาตรา 112 จะได้รับการนิรโทษกรรมด้วยหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการหารือ ยังไม่มีข้อสรุป
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี