ศาลรธน.นัด 5 พ.ค.
ตัดสินคดี‘ร.อ.ธรรมนัส’
พ้นเก้าอี้รมต.-สส.หรือไม่
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ขาดสถานะ“ธรรมนัส” หลุดเก้าอี้ รมต.-สส.หรือไม่ 5 พฤษภาคมนี้ แจงแนวทางปฏิบัติวันอ่านคำวินิจฉัย มียิงสดผ่านช่องยูทูบ
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพุธที่ 5พฤษภาคมนี้ คณะตุลาการศาล รัฐธรรมนูญได้กำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ รวมทั้งออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟังกรณีที่ประธานรัฐสภาส่งความเห็นของ ส.ส.51 คน ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคหนึ่ง และมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพ ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (10) และความเป็นรัฐมนตรีของ ร.อ.ธรรมนัส สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบ มาตรา 160(6) และมาตรา 98 (10) หรือไม่ จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายอันถึงที่สุดว่าได้กระทำความผิดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้าซึ่งยาเสพติด ในเวลา 15.00 น.
สำหรับแนวทางการนัดพิจารณา เบื้องต้นสื่อมวลชนได้รับการประสานว่ากำหนดการดังกล่าวยังคงเป็นไปตามปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งนี้ ตามแนวทางการปฏิบัติของการนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ผ่านมา เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ทางสำนักงานฯจะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้า-ออก บริเวณด้านหน้าสำนักงานฯ ส่วนบริเวณฝั่งทางเข้าโถงอาคาร A ของสำนักงานฯ จะมีการนำแผงรั้วเหล็กมากั้นบริเวณแนวเขตทางเข้าของสำนักงานฯ
ส่วนบุคคลที่จะเข้าฟังคำวินิจฉัยนั้น จะมีจุดรับแลกบัตรและตรวจค้นอาวุธ ซึ่งจะอยู่บริเวณเชิงบันไดทางขึ้นห้องพิจารณาคดี โดยผู้เข้าฟังคำวินิจฉัย จะต้องแลกบัตรและตรวจอาวุธ รวมทั้งฝากสิ่งของ อาทิ กระเป๋า โทรศัพท์มือถือ เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ด้วย สำหรับสื่อมวลชนและผู้ที่จะเดินทางมาให้กำลังใจหรือติดตามรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยคดี ทางเจ้าหน้าที่ได้จัดพื้นที่พร้อมติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิดจากห้องพิจารณาคดีลงมายังบริเวณชั้นล่างให้ได้รับฟังรวมทั้งรับฟังคำวินิจฉัยผ่านช่องทางยูทูปของศาลรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวทาง ร.อ.ธรรมนัส ถูกพรรคฝ่ายค้านกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ศาลออสเตรเลียได้มีคำพิพากษา เมื่อเดือนมีนาคม 2537 ว่ามีความผิดฐานนำเข้าและค้ายาเสพติดสั่งจำคุก 6 ปี แต่จำคุก 4 ปี ก่อนถูกเนรเทศกลับประเทศไทย จึงมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่ง ส.ส.และรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) และมีการเข้ายื่นเรื่องให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
“สิระ”อัดกลับฝ่ายค้าน
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวตอบโต้ถึงกรณีที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย น ที่ออกมาโพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ โจมตีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อการบริการจัดการวัคซีนโควิด 19 “คนไทยไม่สามารถเลือกวัคซีนเองได้ด้วย พร้อมติดแฮชแท็ก #รัฐบาลส้นตีนคนเชียร์ก็ส้นตีน”ว่า ตนไม่อยากจะเชื่อว่า คำพูดที่ไร้การศึกษาเช่นนี้จะออกมาจากปากของคนที่เคยเป็นถึงรัฐมนตรี บ่งบอกถึงการเลี้ยงดูและวงศ์ตระกูลของท่านว่า เติบโตมาในสังคมอย่างไร เพราะโบราณเขาว่า”สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล”ลองกลับไปถามลูกหลานในตระกูลเขาดู ว่าเขามองญาติผู้ใหญ่แบบท่านอย่างไร
“นายพิชัยเป็นผู้หลัก ผู้ใหญ่ แต่กลับวาจาหยาบคายเช่นนี้เหมาะสมหรือไม่ อยู่มาจนหัวหงอกแล้วต้องรู้จักมารยาทบ้าง ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเยาวชน ถ้าทำดีไม่ได้ ก็อยู่เฉย ๆ แต่อย่าทำให้เยาวชนเรียนรู้สิ่งผิด ๆ ว่า การพูดจาโชว์ถ่อย สถุล เป็นสิ่งที่ควรกระทำ วันนี้ประชาชนทุกคน ทุกฝ่าย กำลังร่วมไม้ร่วมมือกัน นายพิชัย มือไม่พาย ก็อย่าเอาปากราน้ำ ว่าง ๆ ก็เอายาฆ่าเชื้อล้างปากตัวเองบ้าง ให้หยุดพูด หยุดยุยง ปั่นป่วนให้ประเทศวุ่นวาย” นายสิระ กล่าว
แรมโบ้สับเลขาฯพรรคเพื่อไทย
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การบริหารสถานการณ์โควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล นั้น ตนย้ำว่า นายกฯ รัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ยังบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี ทั้งนี้เรื่องการบริหารจัดการวัคซีนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงไปแล้วว่าหลังเปิดให้ลงทะเบียน หมอพร้อม วันที่ 1 พ.ค. สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค จะได้เริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. – 31 ก.ค และในเดือน ส.ค.2564 จะเริ่มฉีดวัคซีนระยะที่ 3 ในกลุ่มประชาชนทั่วไปอายุ 18-59 ปี
ซึ่งการฉีดวัคซีนนั้นนายกฯ ก็ขอให้ประชาชนมั่นใจว่ารัฐบาลได้เตรียมการเรื่องนี้เป็นอย่างดี คนไทยกว่า 50 ล้านคนจะได้รับการฉีดวัคซีนภายในปี 2564 นี้อย่างแน่นอน พร้อมขอให้มั่นใจว่า วัคซีนที่นำมาฉีดนั้นมีความปลอดภัย เพราะชีวิตประชาชนทุกคนมีค่าทุกชีวิต ทางเจ้าหน้าที่ อย.กระทรวงสาธารณสุข ต้องมั่นใจในคุณภาพก่อนที่จะรับรองออกมาฉีดให้กับประชาชน
ฝ่ายค้านคิดแต่เรื่องการเมือง
“ผมเองมองว่าก็จะมีแต่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านเท่านั้นที่คิดถึงแต่ประโยชน์ทางการเมืองของพรรคตัวเอง จ้องแต่จะเล่นการเมือง นำทุกประเด็นมากล่าวหา โจมตีนายกฯและรัฐบาล ไม่หยุดยั้ง ไม่เคยคิดถึงส่วนรวมเลยว่าประชาชนจะเดือดร้อนอย่างไร ขอแค่เพียงตัวเองได้รับผลประโยชน์ทางการเมืองเท่านั้น จะเกิดความวิบัติฉิบหายต่อประเทศชาติประชาชนอย่างไรไม่สนใจ นักการเมืองที่อ้างเป็นตัวแทนประชาชน อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ซึ่งหากพฤติกรรมเป็นเช่นนี้ นายประเสริฐ ก็ไม่ต้องกังวลกับกระแสข่าวที่จะเอาพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมรัฐบาล เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองเลยสักนิด เหมาะที่จะเป็นฝ่ายค้านมากกว่าเพราะค้านทุกเรื่องโดยไม่ดูถึงข้อเท็จจริงว่า วันนี้ประชาชนต้องการเห็นนักการเมืองหยุดโจมตีด่าทอกัน และหันมาร่วมมือร่วมใจแก้ปัญหาเป็นหนึ่งเดียวกัน และให้ดูตัวอย่างความตั้งใจจริงที่นายกฯและรัฐบาลตลอดจนเจ้าหน้าที่และบุคลากรทุกฝ่าย ได้ทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ จนเกิดปรากฏการณ์มีพี่น้องประชาชนจำนวนมากส่งกำลังใจมาให้ทีมแพทย์พยาบาลอาสาสมัครและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทุกคน ที่กำลังปฎิบัติหน้าที่อยู่ในขณะนี้จำนวนคับคั่งมากมายมหาศาล
ทำไมฝ่ายค้านและนายประเสริฐไม่ดูตัวอย่างบ้าง “นายเสกสกล กล่าว
สว.วอนต้องหัวหน้าช่วยเหลือกัน
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ประกอบการและประชาชนอัดคลิปวิดิโอเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ระบายความรู้สึกและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล ถึงการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ที่ล้มเหลว จนทำให้ผู้ประกอบการและประชาชนเดือดร้อนว่า ตนไม่ได้เข้าข้างรัฐบาล มีหลายอย่างที่ไม่ชอบสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำ แต่ส่วนใหญ่รัฐบาลนี้ทำดี เชื่อในความมุ่งมั่น เสียสละ เจตนาดี เชื่อความสามารถของนายกรัฐมนตรีว่าจะแก้ไขสถานการณ์นี้ไปได้ด้วยดี การตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งย่อมกระทบกับสังคมอีกกลุ่มหนึ่งเสมอ จะต้องพยายามตัดไฟโควิด ภัยร้ายแรงเฉพาะหน้านี้ก่อน มิฉะนั้นจะเกิดการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไป เชื่อว่าประเทศไทยคนไม่มีเงินไม่มีวันอดตาย แต่คนติดโควิดโดยไม่มีการดูแลรักษาที่ดีตายแน่ ส่วนปัญหาเศรษฐกิจก็กลับมาแก้ไขดูแลภายหลังจากการสามารถจัดการปัญหาโควิดได้แล้ว
ช่วยกันออกความคิดเห็นดีกว่าคำด่าที่หยาบคาย คำตำหนิติเตียนเพื่อทำลายกันทางการเมือง ทุกฝ่าย ควรร่วมมือร่วมใจกันเพื่อช่วยกันนำพาประเทศให้พ้นภัยที่ร้ายแรงนี้ไปให้ได้ เห็นมีแต่คำด่า ทำลายกัน ไม่สร้างสรรค์ไม่ร่วมมือร่วมใจกันต่อสู้ เล่นแต่การเมือง แล้วเราจะผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างนี้ไปได้อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี