เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2564 นายไชยา พรหมา ส.ส. หนองบังลำภู ประธานคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ รองหัวหน้าพรรค และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดงบประมาณของปี 2565 แสดงถึงความทรุดโทรมของประเทศไทยอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีการลดงบประมาณลงถึง 1.85 แสนล้าน จากปี 2564 ทั้งที่ประเทศต้องการเงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างมาก อีกทั้งยังมีการกู้เงินเกินการลงทุนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ขนาด ทีดีอาร์ไอ ยังต้องตำหนิ เพราะจะเป็นการกู้มาใช้จ่ายไม่ได้นำไปลงทุนให้เกิดดอกผล อนาคตจะหารายได้ที่ไหนมาคืน ทั้งนี้สาเหตุมาจากรัฐบาลล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจมาตลอด ทำให้รัฐบาลเก็บภาษีได้ไม่ตรงเป้าเลยต้องมาตัดงบประมาณ ในขณะที่ประเทศทั่วโลกต่างเพิ่มเงินอัดฉีดเพื่อฟื้นเศรษฐกิจกันทั้งนั้น ประเทศจะยิ่งเสียโอกาสในการพัฒนา
“อยากขอเตือนรัฐบาลถึงการจัดทำงบประมาณปี 2565 ซึ่งกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรช่วงเปิดสมัยประชุมที่จะถึงนี้ว่า จะต้องตอบโจทย์ปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาของมหันตภัยโควิด ซึ่งรัฐบาลมีเวลาเตรียมตัวสำหรับการจัดทำงบประมาณปี 2565 ซึ่งเป็นปัญหาต่อเนื่องจากงบประมาณในปีที่ผ่านมา และเป็นสถานการณ์ที่ประเทศต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศตลอดจนกระทบต่อวิถีชีวิตและการประกอบอาชีพของประชาชนทุกระดับ ดังนั้น การจัดทำงบประมาณของประเทศ รัฐบาลต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหา อยากเห็นการจัดงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 นำไปสู่การแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ และการฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจกลับมาโดยเร็ว ตลอดจนการจัดหาวัคซีนให้ทันท่วงทีและหลากหลายทางเลือกสำหรับประชาชน เพื่อกระจายวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็ว ซึ่งหลายประเทศสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้แล้ว แต่พลเอกประยุทธ์ ยังไม่เข้าใจ ดังนั้น ความรวดเร็วและทั่วถึงอย่างเพียงพอของวัคซีน ตลอดจนอุปกรณ์ทางด้านการแพทย์จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนกว่าเรื่องใด ๆ เพราะถ้าวัคซีนมาเร็ว นั่นหมายถึงไทยจะสามารถเปิดประเทศได้ และเศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับมาเร็วเช่นกัน อีกทั้งรัฐบาลอาจจะต้องเตรียมงบประมาณในการรักษาพยาบาลประชาชนจำนวนมากที่จะติดเชื้อไวรัสและมีอาการรุนแรงซึ่งค่าใช้จ่ายจะสูงมาก ยิ่งควบคุมการระบาดได้ช้า วัคซีนมาช้า ยิ่งจะเสียค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นอีกสูงมาก” รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
นายไชยา กล่าวต่อว่า ตนจึงมีความเห็นว่า งบประมาณรายจ่ายในส่วนที่ยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้เราสามารถชะลอออกไปก่อนได้ เช่น งบประมาณทางการความมั่นคง ด้านการทหาร เมื่อประเทศมีความพร้อมด้านเศรษฐกิจและด้านงบประมาณเพียงพอเราก็ยังสามารถจัดหาได้เมื่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของประเทศฟื้นกลับมาแล้วก็ยังไม่สายเกินไป ทั้งนี้เพื่อเร่งฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจึงมีความจำเป็นเร่งด่วนในสถานการณ์ขณะนี้ ยิ่งเราแก้ปัญหาของโควิดล่าช้าเท่าไหร่ นั่นหมายถึงต้นทุนทางเศรษฐกิจเรายิ่งสูงขึ้น กว่าจะฟื้นฟูได้ต้องระดมงบประมาณมหาศาลจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล ใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์สูงสุด และต้องตอบโจทย์ปัญหาของประเทศอย่างตรงจุดที่สุด และต้องรีบกระจายเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว ในส่วนของงบประมาณเดิมที่คั่งค้างต้องเร่งเบิกจ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว
“การบริหารประเทศในภาวะวิกฤติ พลเอกประยุทธ์ จะต้องสามารถพัฒนาและคิดให้ได้ครบทุกกรอบ และต้องสามารถเรียงลำดับความสำคัญได้ อย่าทำได้แค่ทีละเรื่องเหมือนที่ผ่านมา เพราะจะแก้ปัญหาไม่ได้ และจะไม่สามารถฟื้นเศรษฐกิจได้ หากรู้ตัวว่า ไม่ไหวหรือรู้ตัวว่าสถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆเกินความสามารถตนเอง ขอให้อย่าฝืน เพราะประเทศจะยิ่งเสียหาย ประชาชนจะยิ่งลำบาก” นายไชยา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี