วันอังคาร ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
'ซูเปอร์โพล'ชี้คนสูงอายุเชื่อมั่นวัคซีนมากกว่าวัยรุ่น ชี้'เฟกนิวส์'ตัวการสร้างปัญหา

'ซูเปอร์โพล'ชี้คนสูงอายุเชื่อมั่นวัคซีนมากกว่าวัยรุ่น ชี้'เฟกนิวส์'ตัวการสร้างปัญหา

วันเสาร์ ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 18.35 น.
Tag : คนสูงอายุ โควิด ซูเปอร์โพล เฟกนิวส์ วัคซีนมากกว่า
  •  

วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง วัคซีน กับ ความต้องการของประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ โดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,268 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 9 – 14 พฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.5 ระบุจำเป็นและต้องการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดระดับค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 23.3 ระบุปานกลาง และร้อยละ 9.2 ระบุค่อนข้างน้อยถึงไม่เลย

ที่น่าพิจารณาคือ คนสูงอายุส่วนใหญ่กลับมีทัศนคติที่ดีต่อการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดมากกว่า คนอายุน้อย โดยพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.5 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไปและร้อยละ 64.4 ของคนอายุ 40 – 59 ปีและร้อยละ 48.5 ของคนอายุ 18 – 39 ปี เชื่อมั่นวางใจบุคลากรแพทย์ในชุมชนที่เป็น อสม. มาช่วยเรื่องฉีดวัคซีนป้องกันโควิด นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.9 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 78.6 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 65.0 ของคนอายุ 18 – 39 ปีเชื่อมั่นวางใจโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล/สถานพยาบาลใกล้ชุมชน มาฉีดวัคซีนโควิดให้


ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.5 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 70.3 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 66.4 ของคนอายุ 18 – 39 ปีเชื่อว่าถ้าได้รับวัคซีนโควิดจะช่วยลดอาการหนักเป็นเบา ในขณะที่ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.9 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 69.3 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 65.8 ของคนอายุ 18 – 39 ปีกลัวตายเพราะโควิดมากกว่า กลัวตายเพราะฉีดวัคซีน นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.0 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 76.6 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 71.6 ของคนอายุ 18 – 39 ปีรู้ว่าถ้าฉีดวัคซีนโควิด ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคได้มากขึ้น 

ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.3 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 74.8 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 66.5 ของคนอายุ 18 – 39 ปีวิกฤตชาติโควิดครั้งนี้จะแก้ได้ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.3 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 75.8 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 63.7 ของคนอายุ 18 – 39 ปีคนที่ติดโควิดมีโอกาสตาย มากกว่า คนที่ฉีดวัคซีนตาย ในขณะที่ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.9 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 77.0 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 65.5 ของคนอายุ 18 – 39 ปีคนที่ติดโควิดจะทรมาน มากกว่า การฉีดวัคซีน 

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 81.2 ของคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 76.9 ของคนอายุ 40 – 59 ปี และร้อยละ 69.4 ของคนอายุ 18 – 39 ปีระบุการฉีดวัคซีนจะช่วยทำให้เราเปิดประเทศได้เร็วขึ้น การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตปกติจะกลับมา

อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่เป็นอุปสรรคการฉีดวัคซีนของคนไทย พบว่า การสร้างข่าวปลอม ข่าวเท็จ เฟกนิวส์ สร้างความกลัวในคนที่ไม่รู้จริง ร้อยละ 93.2 รองลงมาคือ การปล่อยข้อมูลผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนที่ไม่เป็นจริง ร้อยละ 93.1 การปล่อยข้อมูลทำให้คนรอยี่ห้อวัคซีน ร้อยละ 91.0 และ การใช้ประเด็นวัคซีนการเมืองปั่นกระแสสร้างความสับสนในหมู่ประชาชน ร้อยละ 90.8 ตามลำดับ

ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลโพลชิ้นนี้ชี้ได้ชัดเจนอย่างน่าทึ่งว่า คนสูงอายุส่วนใหญ่กลับมีทัศนคติที่ดีต่อการฉีดวัคซีนสูงกว่าคนอายุน้อย แต่ปัญหาข้อมูลข่าวสารที่ไม่ชัดเจน ได้สร้างความสับสนและความกลัวต่อการฉีดวัคซีน ทำให้คนจำนวนมากไม่กล้าฉีดวัคซีนและต้องการวัคซีนที่ดีที่สุด ผลที่ตามมาคือ การเผยแพร่บอกต่อข้อมูลข่าวสารในทางลบต่อวัคซีน ได้ลดทอนความเชื่อมั่น ทำให้ชีวิตของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยงสูงและทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศโดยรวม การได้รับวัคซีนของประชาชนจำนวนมากที่มีผลต่อการเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะเป็นทางออกให้เราสามารถเปิดและฟื้นประเทศได้เร็วขึ้น เพื่อให้เราทุกคนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติและลดความเสี่ยงต่อชีวิตของทุกคนในครอบครัว 

ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าวต่อว่า ที่น่าห่วงคือคนประมาณร้อยละ 10 อาจจะกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อตัวเองและผู้อื่น  เพราะเห็นถึงความจำเป็นของวัคซีนน้อยถึงไม่เห็นความจำเป็นเลย  อย่างไรก็ตาม ตัวเลขของคนที่ตอบแบบสอบถามความคิดเห็นความต้องการความเชื่อมั่นวางใจของประชาชนต่อการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดออกมาสอดคล้องตรงกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์แก้วิกฤตโควิดของประเทศอย่างลงตัว ในทุกกลุ่มช่วงอายุเพราะเกินกว่าร้อยละ 60 ขึ้นไปที่ระบุความต้องการจำเป็นในการฉีดวัคซีนและยังตระหนักถึงความสำคัญของวัคซีนว่าจะช่วยแก้วิกฤตชาติได้ ถึงแม้จะมีความแตกต่างกันในแต่ละช่วงอายุบ้างแต่สัดส่วนของคนที่เห็นถึงความจำเป็นต้องฉีดและต้องการเป็นไปตามเป้าหมายของการรณรงค์ฉีดวัคซีน

“แต่ประเด็นท้าทายอยู่ที่การบริหารจัดการวัคซีนอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะยังไม่สามารถตอบสนองปริมาณและความต้องการของประชาชนที่ต้องการจะฉีดวัคซีนป้องกันโควิดซึ่งมีจำนวนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญคือ การนำประเด็นวัคซีนมาเล่นการเมือง ทั้งการสร้างความสับสนหวาดระแวงโกรธเกลียดกัน การสร้างความนิยมชมชอบกัน หรือเอาชนะคะคานกันทางการเมืองไม่คำนึงถึงความอยู่รอดของประเทศ จนประชาชนสับสนข้อมูล ต้องการสิ่งที่ดีกว่าจนเกิดเป็นวัคซีนทางเลือกในอนาคตที่ยังเลือนลาง อาจไม่ทันกับเวลาที่ทำให้เราต้องสูญเสียโอกาส ตามมาด้วยการสูญเสียคนที่เรารักและแม้กระทั่งตัวเองอย่างเดียวดายในภาวะโรคระบาดร้ายแรงที่กำลังเกิดขึ้น  ขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องสร้างความชัดเจน ความเข้าใจและเชื่อมั่นให้มากขึ้น เพื่อให้ “วัคซีน” ได้ทำหน้าที่ของ มันเพื่อปกป้องเราทุกคน” ผอ.ซูเปอร์โพลกล่าว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'เพื่อไทย\'โต้เฟกนิวส์!! ยัน\'รัฐบาล\'ไม่มีส่งวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา 'เพื่อไทย'โต้เฟกนิวส์!! ยัน'รัฐบาล'ไม่มีส่งวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กัมพูชา
  • \'อดีต ส.ว.สมชาย\'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!! 'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!
  • \'ซูเปอร์โพล\'เผยคนไทยหน่ายบีบเลือกข้างการเมือง เห็นใจครอบครัวนักเรียนยากจน-ผู้มีรายได้น้อย 'ซูเปอร์โพล'เผยคนไทยหน่ายบีบเลือกข้างการเมือง เห็นใจครอบครัวนักเรียนยากจน-ผู้มีรายได้น้อย
  • \'ซูเปอร์โพล\'ชี้ความสุขของคนไทยคือความสัมพันธ์ในครอบครัว ขณะที่\'ความแตกแยก\'ทำให้ทุกข์สุด 'ซูเปอร์โพล'ชี้ความสุขของคนไทยคือความสัมพันธ์ในครอบครัว ขณะที่'ความแตกแยก'ทำให้ทุกข์สุด
  • \'ซูเปอร์โพล\'เผยคนไทยสนใจปัญหาปากท้อง - ภัยพิบัติ และข้อพิพาทชายแดน 'ซูเปอร์โพล'เผยคนไทยสนใจปัญหาปากท้อง - ภัยพิบัติ และข้อพิพาทชายแดน
  • \'สมชาย\'รู้ทัน! \'แผนหลอกเด็ก\'อ้างป่วยโควิดเลี่ยงศาล ชี้ระวัง\'โดนหมายจับนะ\' 'สมชาย'รู้ทัน! 'แผนหลอกเด็ก'อ้างป่วยโควิดเลี่ยงศาล ชี้ระวัง'โดนหมายจับนะ'
  •  

Breaking News

ราชกิจจาฯ เผยแพร่ ประกาศ สธ. ให้ยาทรามาดอล (Tramadol) เป็นยาควบคุมพิเศษ

'ปราชญ์ สามสี' วิเคราะห์กำแพงภาษี 36% ทรัมป์ บททดสอบความ'ศิโรราบ'ไม่ใช่แค่เศรษฐกิจ

'กินเนสส์ฯ'ประกาศสุดยอดบลูชีสจากสเปน ขึ้นแท่น'ชีสที่แพงที่สุดในโลก'ด้วยราคา1.35ล้าน

(คลิป) เจรจาภาษีอย่าหวังได้อะไรจาก'ทรัมป์' อย่าเสีย 'ฐานทัพเรือพังงา' เป็นพอ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved