ประชุมสภานัดแรกคุมเข้ม
ห้ามสส.ถอดแมส
มติฉลุยพรก.ปรับดอกเบี้ย
‘คลัง’แจงล้าหลังกว่า95ปี
“ชวน”เผยพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้าน ยังไม่ถึงสภา ถ้ามาถึงพร้อมบรรจุทันที พิจารณาหลังถกงบประมาณปี’65 ย้ำคุมเข้มมาตรการป้องโควิด “วิษณุ”คาดถก พ.ร.ก. 5 แสนล้าน
4 มิ.ย.ชี้โดนตีตก ต้องยุบสภาสถานเดียว สภาถก4ชม.ก่อนโหวตผ่าน พรก.กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ฯปรับแก้อัตราดอกเบี้ยฉลุย‘รมว.คลัง’แจงปรับแก้ กม.ล้าหลังกว่า95ปี ยันปรับดอกเบี้ยเป็นธรรมช่วยอุ้มลูกหนี้ สอดคล้องสถานการณ์โควิด ขณะที่‘ส.ส.รัฐบาล-ฝ่ายค้าน’รุมสับให้ประโยชน์กระจุกเฉพาะกลุ่ม จี้ปรับเนื้อหา-ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2564 ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติมวงเงินไม่เกิน500,000 ล้านบาทว่าสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยังส่งพระราชกำหนดดังกล่าวไม่ถึงสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องพิจารณาทั้ง 2 วาระที่กำหนดมาแล้วก่อน ตามที่วิป 3 ฝ่ายตกลงคือพิจารณาวันที่ 27-28 พ.ค. ทั้งนี้ หากส่งมาถึงเมื่อไหร่ ก็บรรจุทันที แต่ต้องพิจารณาหลังจากพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณแล้วเสร็จก่อน
‘ชวน’กำชับส.ส.ใส่แมสตลอดเวลา
นายชวนกล่าวถึงมาตรการดูแลป้องกันโควิดในการประชุมระยะยาวว่าได้เน้นย้ำให้ทุกคนสวมหน้ากากอนามัย แต่หากสมาชิกใด ต้องใช้เวลาอภิปรายนานแล้ว ทำให้อึดอัดในการสวมหน้ากากก็ได้จัดเตรียมพื้นที่เฉพาะสำหรับการอภิปราย เพื่อความสะดวกและปลอดภัย ส่วนสมาชิกที่ไม่ได้อภิปราย สามารถรับฟังการถ่ายทอดการอภิปรายอยู่ที่ห้องพักได้และห้องพักส.ส.วันนี้ถือว่ามีความพร้อม ยกเว้นเวลาลงมติ ที่จะต้องเข้ามาภายในห้องประชุม แต่ก็ได้ให้เวลาในการลงมติเพิ่มมากขึ้น ที่หลายฝ่ายกังวลว่า การอภิปราย จะเกิดละอองฝอยนั้นกรมควบคุมโรคได้ตรวจสอบแล้วอยู่ในระดับที่พอใจ เนื่องจากมีโดมสูงและมีการระบายอากาศที่ดี แต่ขอให้สวมหน้ากากอนามัยตลอด
นอกจากนี้ ประธานสภาผู้แทนฯยืนยันว่า อย่าให้วิกฤติเป็นปัญหาตัวถ่วงการทำงาน จะรอให้โรคนี้หายไปแล้วค่อยทำงานไม่ได้ เราก็ต้องปรับตัวเองในการทำงานช่วงสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยพยายามป้องกันตัวเองอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์
วิษณุคาดถกพรก.กู้เงิน5แสนล้าน4มิย.
ที่ทำเนียบรัฐบาลนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายให้สัมภาษณ์ถึงพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการแพร่ระบาดของโรค โควิด-19 เพิ่มเติม วงเงิน5แสนล้านบาทว่าจะสามารถส่งให้สภาผู้แทนราษฎรได้ใน1-2 วัน เพื่อเตรียมบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระของการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรับทราบว่าจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565ก่อนในวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย.หากเห็นว่าพระราชกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการเงิน มีความเร่งด่วน ก็สามารถที่จะประชุมกันในวันที่ 4 มิ.ย.แต่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทางสภาผู้แทนราษฎร
รับโดนตีตกต้องยุบสภาสถานเดียว
นายวิษณุกล่าวอีกว่า พระราชกำหนดกู้เงินดังกล่าว เป็นเรื่องที่สำคัญ กว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 แต่ถ้าสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการบรรจุระเบียบวาระเพื่อพิจารณาร่างงบประมาณ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ร่างพระราชกำหนดต้องถูกบรรจุในลำดับถัดไป โดยนายอาคม เพิมพิทยาไพสิษฐ์ รมว.คลัง จะเป็นผู้ชี้แจงหลักและนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เป็นผู้ชี้แจงเสริม ทั้งนี้ หากพระราชกำหนดดังกล่าว ไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร ก็ไม่เกิดปัญหา เพราะพระราชกำหนดดังกล่าว มีผลบังคับใช้แล้ว
เมื่อถามอีกว่าพระราชกำหนดดังกล่าว ถือเป็นกฎหมายการเงินหากไม่ผ่านเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรแล้วนายกรัฐมนตรี จะต้องยุบสภา หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า”ใช่ ถูกต้อง ถือเป็นธรรมเนียม”
เมื่อย้ำอีกว่าแต่ขณะนี้เสียงของสภาผู้แทนราษฎรในส่วนรัฐบาลยังมีความเหนียวแน่นไม่น่าจะส่งผลต่อการโหวตใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าว จะต้องไปสอบถามฝ่ายการเมืองและฝ่ายค้านดู.
‘ขุนคลัง’แจงพรก.แก้กม.ล้าหลัง95ปี
ที่รัฐสภา ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมได้พิจารณาพระราชกำหนด(พ.ร.ก.)แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 ที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบและมีผลบังคับไปแล้ว
โดย นายอาคม เติมวิทยาไพสิฐ รมว.คลังชี้แจงเหตุผลและความจำเป็นของการออก พ.ร.ก.ดังกล่าวว่า มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดแนวนโยบายแห่งรัฐให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิต หรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้า เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนซึ่งคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สำนักคณะกรรมการกฤษฎีกาได้เสนอต่อครม.ว่าอัตราดอกเบี้ยในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ได้ใช้บังคับมาเป็นเวลานานกว่า95 ปี โดยมิได้มีการปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ และสภาพเศรษฐกิจ และอัตราดอกเบี้ยคงที่ที่กำหนดไว้ ร้อยละ7.5 ต่อปี เป็นอัตราที่สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ในปัจจุบันที่มีอัตราเฉลี่ยร้อยละ 0.5 ต่อปี จึงทำให้ลูกหนี้ได้รับความเดือดร้อนจากภาระดอกเบี้ยตามกฎหมายที่กำหนดไว้สูงเกินสมควร ส่งผลให้เกิดการประวิงเวลาฟ้องร้องดำเนินคดีของเจ้าหนี้เพื่อหาประโยชน์จากความไม่เหมาะสมของอัตราดอกเบี้ยในกฎหมาย
“ข้อเท็จจริงว่าในสัญญามีการเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมต่อลูกหนี้อย่างมาก เจ้าหนี้จำนวนหนึ่งได้กำหนดวิธีการคำนวณดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้ลักษณะที่เป็นการเอาเปรียบและไม่เป็นธรรมต่อลูกหนี้อย่างมาก เมื่อผิดนัดหลายงวดติดต่อกันดอกเบี้ยผิดนัดก็สะสมเป็นจำนวนมากให้ทำให้ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว เกิดเป็นหนี้เสีย ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม และขณะนี้ประเทศไทยกำลังประสบปัญหากับการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนและผู้ประกอบวิสาหกิจขนาดกลางจำนวนมากไม่สามารถชำระหนี้ได้เช่นเวลาปกติ กระทรวงการคลัง จึงมีความเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องมีการแก้ไข และเป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ เพื่อประโยชน์ที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงจำเป็นต้องตรา พ.ร.ก.ฉบับนี้ ยืนยันว่าประชาชนจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยในกฎหมายที่มีความสอดคล้องกับสภาพการณ์และสภาพเศรษฐกิจ”รมว.คลัง กล่าว
สส.ปชป.รุมสับประโยชน์เฉพาะกลุ่ม
จากนั้น ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลได้ลุกขึ้นอภิปรายพ.ร.ก.ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่สนับสนุนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยค่าปรับแต่ท้วงติงว่ารายละเอียดนั้น ไม่ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม อาทินายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายเสนอว่าขอให้รัฐบาลออก พ.ร.ก. อีกฉบับเพื่อปรับรายละเอียดให้ครอบคลุมการแก้ปัญหาหนี้ของลูกหนี้ทุกกลุ่มเพราะจากรายละเอียดของ พ.ร.ก.ที่เสนอ ไม่ครอบคลุมกับลูกหนี้4ประเภท คือ กรณีมีสัญญาเงินกู้ แต่ไม่ระบุอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระคืน กรณีไม่มีสัญญา กรณีละเมิดทางแพ่ง และกรณีมีดอกเบี้ยผิดนัด ทั้งคำนวณจากเงินต้นเฉพาะงวดผิดนัด และการใช้ดุลยพินิจของศาลรวมถึงลูกหนี้รายใหม่ที่คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลงตามพ.ร.ก.เนื่องจากเงื่อนไขของการแก้ไข พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว ยังมีเงื่อนไขที่ผูกติดกับประกาศของกระทรวงการคลังจำนวน4ฉบับ ซึ่งไม่ลดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน
‘ก้าวไกล’จี้ให้ส่งศาลรธน.ตีความ
ขณะที่ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายเรียกร้องให้ประธานสภาฯ ส่งพ.ร.ก.ฉบับนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตีความว่าการให้อำนาจกระทรวงการคลังเพื่อขึ้นดอกเบี้ยโดยไม่ผ่านกระทรวงนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 หรือไม่ซึ่งกรณีที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพระราชกฤษฎีกา ปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้นั้นประชาชนได้รับผลกระทบ และอาจเป็นการช่วยเหลือนายทุน พ.ร.ก.ฉบับนี้เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ เหมือนจะดีแต่ไม่ดี ให้อำนาจกระทรวงการคลังพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยว่า จะลดลง หรือเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจประเทศ เป็นพระราชกฤษฎีกา ทุกๆ3ปี ขึ้นดอกเบี้ยได้ตามอำเภอใจ เหมือนเขียนเช็คเปล่าให้กระทรวงการคลัง ไปดำเนินการ ประชาชนมีแต่ได้รับโทษ
ภท.จี้ปรับปรุงเนื้อหาให้สอดรับกม.
ด้าน นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่าเรื่องที่เสนอเข้ามานี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีดำริคิดที่จะปรับปรุงแนวทางในการคิดดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระหนี้และลำดับการตัดชำระหนี้เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการทางการเงินในระบบการเงินไทยและส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการทางการเงินได้ดำเนินธุรกิจไปอย่างยั่งยืน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยคิดมาตั้งแต่ปี63 และออกประกาศ ธปท.เรื่องการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้และการตัดชำระหนี้ที่มีผลบังคับใช้กับสถานบันการเงินต่างๆทุกแห่งซึ่งได้กำหนดกำกับดูแลการคิดดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย ซึ่งไม่ครอบคลุมลูกหนี้รายใหญ่ พ.ร.ก.ฉบับนี้ขึ้นมา ที่ไม่ได้เป็นประโยชน์ และไม่เป็นการดำเนินการตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ จึงไม่สอดรับกับประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะพ.ร.ก.นี้ครอบคลุมและผูกพันไปถึงลูกหนี้รายใหญ่ ทำให้สถาบันการเงินต่างๆปวดหัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะต้องปรับปรุงระบบการคิดคำนวณดอกเบี้ย และสัญญาให้สอดรับกฎหมายต่างๆ
“เรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องการตีความกฎหมาย รวมทั้งเกิดผลกระทบต่อภาคธุรกิจการลงทุนและการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน หากพ.ร.ก.นี้มีผลบังคับใช้ก็จะเกิดส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและธนาคาร เป็นอุปสรรคในการปรับปรุงระบบทำให้ลูกหนี้รายใหญ่มีอำนาจการต่อรองกับสถาบันการเงินสูง ดังนั้น การปรับวิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัด ช่วยให้ลูกหนี้ขนาดใหญ่ มีอำนาจต่อรองมากขึ้น จะทำให้ประเทศเกิดผลกระทบและภาพรวมทางเศรษฐกิจ พ.ร.ก.นี้หลักการดี แต่ไม่ได้เอื้อให้กับนายแบงค์ แต่เอื้อให้กับลูกหนี้ของนายแบงค์และลูกหนี้รายใหญ่ได้รับผลประโยชน์อย่างมาก จึงขอให้ รมว.คลัง อย่าส่งที่ไม่ชัดเจนมาให้พวกผมรับรองให้”นายศุภชัย กล่าว
มติสภาอนุมัติพรก.ด้วยเสียง403 ต่อ1
ทั้งนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงอีกครั้ง ยืนยันว่าในส่วนข้อท้วงติงของ ส.ส.อาทิ การคุ้มครองทุกกลุ่มเป้าหมาย จะรับไปพิจารณา ทั้งนี้ การปรับรายละเอียด จะมีคณะกรรมการพิจารณาอีกครั้งโดยคำนึงถึงความเป็นธรรมและประโยชน์ของประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการอภิปรายนานกว่า 4 ชั่วโมง จนเวลา13.08นที่ประชุมลงมติอนุมัติต่อการแก้ไข พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564ด้วยเสียง 403 เสียง ไม่เห็นด้วย1เสียงและงดออกเสียง 2 เสียง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี