บาร์เซโลนา กับ เรอัล มาดริด จะเผชิญหน้ากันในเอล กลาซิโก้ (El Clásico) ครั้งที่ 261 ช่วงปลายฤดูกาลในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะส่งผลอย่างมากต่อการลุ้นแชมป์ลา ลีกา ในซีซั่นนี้
มาดริด มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องชนะ เพื่อเพิ่มความหวังในการป้องกันแชมป์ และมอบถ้วยรางวัลอำลาให้กับ “คาร์เล็ตโต้” คาร์โล อันเชล็อตติ ยอดกุนซือชาวอิตาเลี่ยน ที่ “กำลังจะ”ออกจากทีม
ขณะเดียวกัน บาร์ซ่า หวังว่า เอลกลาซิโก้ครั้งนี้จะเป็นเกมสุดท้ายที่สนามกีฬาโอลิมปิก สเตเดียมชั่วคราวของพวกเขา โดย คัมป์นู เตรียมกลับมาเปิดใช้อีกครั้งในฤดูกาลหน้า
ก่อนแข่งทั้งสองทีมเหมือนกันคือ อกหักตกรอบจากแชมเปี้ยนส์ลีก โดย บาร์ซ่า เพิ่งพลาดท่าตกรอบรองชนะเลิศเมื่อกลางสัปดาห์ ขณะที่ มาดริด ไปตั้งแต่รอบ 8 ทีม
บาร์เซโลนา เป็นผู้นำจ่าฝูง มีแต้มเหนือ เรอัล มาดริด 4 แต้ม โดยเหลือเกมอีก 4 นัด
หาก บาร์ซ่า ชนะก็จะทำให้พวกเขาเกือบคว้าแชมป์ได้ในทันที แต่ถ้าหากมันออกมาตรงกันข้าม
ถ้า มาดริด ชนะก็จะทำให้ประตูถูกเปิดอีกครั้ง
ใน 3 นัดสุดท้ายของบาร์เซโลนา พวกเขาต้องเจอกับทีมที่อยู่ในตำแหน่งแชมเปี้ยนส์ลีก 2 ทีม นั่นคือ บียาร์เรอัลเล่นในบ้าน และไปเยือน แอธเลติก บิลเบา โดยหนึ่งในนั้นเตะดาร์บี้แมทช์ กับ เอสปันญ่อล
ขณะที่ มาดริด ต้องเจอกับ มายอร์ก้า, ไปเยือน เซบีญ่า และปิดซีซั่นในบ้านกับ เรอัล โซเซียดัด ซึ่งทั้งหมดอยู่อันดับต่ำ 10 ทั้งหมด
๐ เกมระทึกที่ยูอิสกัมปัญส์
เกมจะคิกออฟเวลา 22.15น. ทีมของ ฮันซี่ ฟลิค เพิ่งกระเด็นตกรอบรองชนะเลิศยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พ่ายให้กับ “งูใหญ่” อินเตอร์ มิลาน แบบสุดมันส์ ด้วยผลสกอร์รวมสองนัด 6-7 เกมนี้ยังไม่มี มาร์ค เบร์นัล, ฌูลส์ คุนเด้ และดานี่ โรดริเกซ ที่บาดเจ็บ ส่วน มาร์ค คาซาโด้ เพิ่งจะกลับมาเรียกความฟิตยังไม่พร้อม ที่เหลือกลับมาหมดแล้ว ยึดระบบ 4-2-3-1 แฟรงกี้ เดอ ยองก์ คุมแดนกลางร่วมกับ เปดรี้ แนวรุกใช้ ลามีน ยามาล ประสานงานกับ ดานี่ โอลโม่, ราฟินญ่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
ฝั่งผู้มาเยือนรองจ่าฝูงได้พักมาเต็ม ๆ เพราะไม่มีโปรแกรมกลางสัปดาห์ ผลงาน 5 เกมหลังตกมาชนะ 3 แพ้ 2 เกมนี้ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ ยังเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บทั้ง ดานี่ การ์บาฆาล, เอแดร์ มิลิเตา, แฟร์กลองด์ เมนดี้, ดานี่ อลาบา, เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า รวมไปถึง อันโตนิโอ รือดิเกอร์ ที่โดนแบนยาว ทำให้ต้องถอย ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ลงมายืนเซนเตอร์ร่วมกับ ราอูล อเซนซิโอ้ พร้อมส่ง ดานี่ เซบาญอส สตาร์ทคุมแดนกลาง เกมรุกวาง จู๊ด เบลลิ่งแฮม ประสานงานกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และวินิซิอุส จูเนียร์
สถิติการเจอกันของทั้งสองทีมทุกรายการ 303 เกมในทุกรายการ บาร์เซโลน่า ชนะได้มากกว่า 128 เสมอ 64 ส่วนเรอัล มาดริด ชนะ 111
11 ผู้เล่นตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนามของทั้งสองทีม บาร์เซโลน่า (4-2-3-1) : วอยเซี๊ยค เชสนี่, เอริค การ์เซีย, เปา คูบาร์ซี่, อินญิโก้ มาร์ติเนซ, เกราร์ด มาร์ติน, เปดรี้, แฟรงกี้ เดอ ยองก์, ลามีน ยามาล, ดานี่ โอลโม่, ราฟินญ่า และโรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้
เรอัล มาดริด (4-3-1-2) : ตีโบต์ กูร์กตัวส์, ลูคัส บาซเกซ, มาร์โก อเซนซิโอ้, ออเรเลียง ชูอาเมนี่, ฟราน การ์เซีย, เฟเดริโก้ บัลเบร์เด้, ดานี่ เซบาญอส, อาร์ด้า กือแลร์, จู๊ด เบลลิ่งแฮม, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ และวินิซิอุส จูเนียร์
สกอร์ที่คาด: บาร์เซโลน่า 3-2 เรอัล มาดริด
๐ เด็กที่สุดคือหัวใจสำคัญสุดๆ
บาร์ซ่า เป็นทีมที่สร้างความบันเทิงในฤดูกาลนี้ด้วยการยิงประตูในลาลีกาไป 91 ประตู ในขณะที่เรอัล เพิ่งจะยิงไป 69 ประตู
คีย์เพลเยอร์ที่มีการพูดถึงมากที่สุดของทั้งสองทีมนี้ คงไม่พ้นไอ้หนุ่มน้อยอย่าง ลามีน ยามาล ยอดปีกขวาของบาร์ซ่า ที่สุกสะกาวเป็นดาวเด่นอย่างมาก
ปีกขวาทีมชาติสเปนวัยเพียง 17 ปีรายนี้สร้างผลงานให้กับบาร์ซ่าไปแล้ว 21 ประตูในทุกรายการในฤดูกาลนี้ และยิงได้เอง 14 ประตู
ในเอล กลาซิโก้ 3 นัดของเขาในฤดูกาลนี้ เขายิงได้ 2 ประตูและจ่ายบอลให้เพื่อนยิงได้อีก 2 ครั้ง ขณะที่ฝั่งตรงข้ามอย่าง คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งเคยเป็นนักเตะวัย 17 ปีที่โลกกำลังพูดถึง ก็มีผลงานที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลแรกของเขากับเรอัล มาดริดเช่นกัน
กัปตันทีมชาติฝรั่งเศส วัย 26 ปีรายนี้ยิงไปแล้ว 35 ประตูในทุกรายการ ในลาลีกา เขาตามหลัง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของบาร์เซโลน่าในการลุ้นรางวัลรองเท้าทองคำอยู่ 1 ประตู โดยยิงได้ 24 ประตูต่อ 25 ประตู แต่ผลงานรวมทั้งหมดต้องรอพิสูจน์ต่อไป
เพราะในมือยังไม่มีอะไรถือเลย
๐ วัดหัวใจกุนซือครั้งสุดท้าย
ถ้าเรามองกันที่สองกุนซือ กำลังอยู่บนเส้นทางที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
คนหนึ่งกำลังเริ่มต้น คนหนึ่งกำลังจะจากไป
ฮันซี่ ฟลิค ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจในฤดูกาลแรกในการคุมทีมบาร์เซโลนา รวมถึงคว้าถ้วยรางวัลมาได้ 2 รายการในเอล กลาซิโก้ ปีนี้ที่ปราบ มาดริด ได้ในนัดชิงซูเปอร์โกปา เดอ เอสปันญ่า และโกปา เดล เรย์
กุนซือชาวเยอรมันรายนี้ สามารถคว้าชัยชนะได้ทุกนัดในการดวลกับ มาดริด 3 เกมในเอล กลาซิโก้
ประเดิมด้วยเกมบันลือโลกที่ บาร์เซโลน่า บุกไปเอาชนะ4-0 ที่เบอร์นาเบวในการพบกันครั้งแรกในลีกของฤดูกาลเมื่อเดือนตุลาคม
พวกเขาพบกันอีกครั้งในเดือนมกราคมในรอบชิงชนะเลิศซูเปอร์คัพ สเปน หรือ ซูเปอร์โกปา เดอ เอสปันญ่า เมื่อเดือนมกราคม โดยบาร์ซ่าเป็นฝ่ายชนะ 5-2 แม้ว่าผู้รักษาประตู วอยเชียค เชสนี่ จะถูกไล่ออกจากสนามในนาทีที่ 56 ก็ตาม
จากนั้นในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็ยังเป็น บาร์ซ่า ที่ชนะไปอีก 3-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษที่สังเวียนในเซบีย่า และคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์มาครองได้
ขณะที่ผู้ที่มากมายด้วยความสำเร็จ กำลังจะลาจาก
งานเอลกลาซิโก้ที่ถูกมองว่า อาจจะเป็นนัดสุดท้ายของ อันเชล็อตติ อีกด้วย
กุนซือชาวอิตาลีวัย 65 ปี คุมทีมเรอัล มาดริด ตั้งแต่ปี 2013 ถึง 2015 ก่อนจะเข้ามาคุมทีมเป็นครั้งที่สองในปี 2021 เพื่อปิดมิชชั่นของตัวเองให้จบสิ้น
อันเชล็อตติ เป็นคนแรกที่พา มาดริด คว้าแชมป์ได้ 15 รายการ รวมถึงแชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัยและลาลีกา 2 สมัย
นี่คือโอกาสสุดท้ายของเขาที่จะคว้าแชมป์ 16 รายการ
ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเขาจะลาออกในช่วงท้ายฤดูกาล เพื่อเปิดทางตัวเองไปสู่ ฟุตบอลโลก 2018
๐ เก้าอี้ดนตรีกำลังเปิดทำนองเพลง
เรื่องนี้โลกลูกหนังจับตากันอย่างมาก เมื่อ ชาบี อลอนโซ่ ประกาศอำลาตำแหน่งผู้จัดการทีม “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น อย่างเป็นทางการ
เขาคุมทัพ “ห้างยา” คว้าแชมป์บุนเดสลีกา เป็นสมัยแรกตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร ปี 1904 และกลายเป็นแชมป์แห่งตำนานที่ไร้พ่ายตลอดทั้งซีซั่น 2023-24
เป็นซีซั่นสุดมหัศจรรย์ที่ทำทีม 3 รายการ 53 นัด แพ้นัดเดียวคือ นัดชิงยูโรป้า ลีก และเป็นดับเบิ้ลแชมป์ทั้งลีก ก้บ เดเอฟเบ โพคาล
อลอนโซ่ กลายเป็นตัวเต็งที่จะไปคุม “ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ที่เขาเคยค้าแข้งอยู่ระหว่างปี 2009-2015 ลงเล่นไป 236 นัด ครองแชมป์ลา ลีกา 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย, โกปา เดอ เรย์ 2 สมัย และซูเปอร์คัพ 1 สมัย
ฤดูกาลนี้ไม่สามารถเทียบได้กับฤดูกาลที่แล้ว แต่ เลเวอร์คูเซ่น ยังคงจบฤดูกาลในอันดับที่ 2 ตามหลังเพียงแค่ บาเยิร์น มิวนิค โดย เลเวอร์ฯ ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก ในขณะที่พวกเขาเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของถ้วยเดเอฟเบ โพคาล ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับอาร์มิเนีย บีเลเฟลด์
อลอนโซ่ ออกจากทีมไปพร้อมกับคะแนนเฉลี่ยต่อเกมสูงสุด (2.2) และเปอร์เซ็นต์การชนะสูงสุด (65 เปอร์เซ็นต์) ของหัวหน้าโค้ชในประวัติศาสตร์ของเลเวอร์คูเซน ขณะที่สถิติการไม่แพ้ใครในเกมเยือน 33 เกมติดต่อกันของเขา ซึ่งยังคงรักษาไว้ได้ถือเป็นสถิติบุนเดสลีกา และอาจขยายออกไปได้อีกในเกมสุดท้ายที่เขาคุมทีม
สถานีต่อไปคือ ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ค่อนข้างแน่
คาดกันว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ อันเชล็อตติ จะประกาศอำลา เรอัล มาดริด นั่นคือทุกอย่างจบ
อันเช่ วัย 65 ปี กำลังจะปิดตำนานคำรบ 2 กับ เรอัล มาดริด หลังจากคุมทัพ 2 รอบประสบความสำเร็จล้นหลาม
แชมป์ลา ลีกา 2 สมัย, โกปา เดอ เรย์ 2 สมัย, แชมเปี้ยนส์ลีก 3 สมัย, ซูเปอร์คัพ 3 สมัย, ฟีฟ่า คลับเวิลด์คัพ 2 สมัย และฟีฟ่า อินเตอร์คอนติเนตัล คัพ 1 สมัย
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด “คาร์เล็ตโต้” จะไปอเมริกาใต้ ด้วยการคุมทัพ “เซเลเซา” ทีมชาติบราซิล ปลุกผีแซมบ้าให้ลุกจากหลุม หวังลุ้นแชมป์โลกหนแรกตั้งแต่ปี 2002
ขณะที่ตำแหน่งกุนซือเลเวอร์คูเซ่น เวลานี้้ เต็ง 1 คือ ฟรานเชส ฟาเบรกาส ชาวสเปน เหมือนกัน จากสโมสรโคโม่
ทุกอย่างเสมือนถูกวางเอาไว้ตั้งแต่ซัมเมอร์ที่แล้ว
อันเช่ เฉลิมฉลองกับซิการ์แชมป์หรูหราระดับทวีปและอาชีพโลก ขณะที่ ชาบี ก็มีเวลาที่จะบอกว่า ทิ้งทีมที่สร้างเอาไว้ออกมาคงยังไม่ได้ หรือกระทั่งคนถูกพิงพาดว่า จะมาแทนอย่าง เชส ที่ต้องอาศัยชั่วโมงบินเช่นกัน
เพื่อรอให้อาทิตย์อัสดงในปีนี้
เก้าอี้ดนตรีอันแสนครื้นเครง
บี แหลมสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี