ซัดกันนัว! ‘โรม’ ตามสไตล์สับเละรธน.60 สารพัดเรื่อง ตะเพิด ‘วุฒิสภา’ ลาออก สำเหนียกตัวเองอย่าทำบาปไปมากกว่านี้ ทำ ‘ส.ว.กิตติศักดิ์’ ของขึ้นอัดส.ส.ปัดเศษ ขณะที่ ‘วิโรจน์’ ได้ทีเย้ยกลับเสียดสี ‘ไพบูลย์’ พวกเดียวกันเอง
23มิ.ย.2564 ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า รัฐธรรมนูญปี60 เป็นรัฐธรรมนูญที่ทำให้ประชาชนตัวหดลีบเล็กที่สุด ทำให้ประชาชนไม่มีศักดิ์ศรีทั้งทั้งที่พวกเขาคือเจ้าของอำนาจของประเทศนี้แท้ๆ โดยเริ่มตั้งแต่การทำรัฐประหารเมื่อปี 2549 ที่ได้มีการเปลี่ยนองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญการตั้งคนของตนเองเข้าไปใช้อำนาจกวาดล้าง และทำร้ายสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายตรงข้าม และสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่ร่างขึ้นเอง และผ่านการทำประชามติจอมปลอมทำให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่สามารถบริหารประเทศได้จึงทำให้พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกยุบ และเชื้อเชิญนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามเข้ามุ้งตนเอง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหารทำลายขบวนการประชาชนแม่มีรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยก็ค่อยๆใช้กฎหมายบั่นทอนให้อ่อนแอและสร้างสถานการณ์ที่จะนำไปสู่การทำรัฐประหารที่เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อปี 2557 และเมื่อยึดอำนาจในครั้งนั้นก็ได้มีการรวบหัวรวบหางข้าราชการและรวมแหล่งทุน
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า จากนั้นก็ได้ดูดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคตรงข้ามเข้ามาเป็นพวกตนเอง และเมื่อตนเองพร้อมก็ได้จัดตั้งการเลือกตั้งภายใต้รัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นมาใหม่โดยใช้เครือข่ายอำนาจและอิทธิพลต่างๆที่สั่งสมมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง และยังมีการแผ่กิ่งก้านสาขาในการดึงพวกพ้องน้องพี่เพื่อเป็นหลักประกันให้รัฐบาลนี้บริหารงาน และตีงานโดยให้ตนเองเป็นผู้ถูกเสมอโดยทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆเพื่อให้เกิดการสถาปนาระบอบประยุทธ์ได้อย่างใจปรารถนา จะได้ไม่มีใครตอบคำถามเรื่องตั๋วช้าง เรื่องวัคซีนและเรื่องไอโอรวมทั้งกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหารและกฎหมายยกเลิกมาตรา 112
“เพื่อให้เห็นแผนการใหญ่ของฝ่ายเผด็จการที่ดำเนินการมาตั้งแต่อดีตและดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาพยายามที่จะหยุดยั้งความชั่วร้ายเหล่านั้นผ่านการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่แต่สุดท้ายก็เกิดการลบกระดาน ซึ่งตัวการก็ไม่ใช่ใครอื่นก็คือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคพลังประชารัฐและวุฒิสภาอีก 250 คนที่นั่งอยู่ในสภาวันนี้บุคคลเหล่านี้ไม่ได้อยากให้เราทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เกิดขึ้น สิ่งที่พวกเขาต้องการจริงๆคือการแก้รัฐธรรมนูญเฉพาะบางมาตราที่หมดประโยชน์กับตนเองแล้วเท่านั้น แต่กับสิ่งที่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ตัวเองเข้ามามีอำนาจวาสนาก็เลือกที่จะกอดมันเอาไว้ ไม่สนว่ามันจะทำลายหลักการประชาธิปไตยทำร้ายเสียงของประชาชน ทำลายคุณค่าที่สังคมยึดถือเอาไว้ขนาดไหน” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ อภิปรายต่อว่า ภายหลังจากการคว่ำการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่สำเร็จ พรรคพลังประชารัฐก็เดินหน้าแผนต่อไปทันทีโดยการเสนอแก้ไขแบบรายมาตราคัดมาเฉพาะมาตราที่มาหลอกประชาชนได้ พรรคก้าวไกล เห็นว่าประเด็นที่สำคัญและจำเป็นที่สุดที่จะต้องแก้ให้ได้เด็ดขาดก็คือมีอยู่เพียงประเด็นเดียว คือการยกเลิกอำนาจของ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีตามมาตรา 272 ซึ่งพรรคก้าวไกลได้ลงชื่อในญัตติดังกล่าวร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นๆเพียงร่างเดียว ซึ่งเราต้องยอมรับความจริงว่า ส.ว.250 คนชุดนี้คือกลไกการสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยความชอบธรรมซึ่งเป็นความสำคัญที่สุดของบ้านเมือง ดังนั้นผู้ที่จะเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมานั้นจะต้องได้รับมอบอำนาจจากประชาชนซึ่งพวกท่านสมาชิกวุฒิสภาทั้งหมดหาได้มีความชอบธรรมนั้นเลย
จากนั้นนายรังสิมันต์ ได้กลับมาอภิปรายในประเด็นเดิมอีกครั้งคือที่มาของวุฒิสภาว่า มาจากการเลือกของ คสช.ยังคงเป็นอุปสรรคในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองถึงแม้ประชาชนจะอยากเห็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนอื่นแต่หาก ส.ว.ไม่ยอมประชาชนก็ต้องทนอยู่กับนายกรัฐมนตรีคนเดิมต่อไปมาตรา 272 นี้จึงเป็นการแช่แข็งประเทศไทยไม่ให้เดินไปข้างหน้า ส.ว.ชุดนี้ได้ใช้อำนาจที่ตนเองมีทำร้ายความรู้สึกและความหวังของคนรุ่นใหม่และพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงในทางการเมืองในหลายหลายครั้ง ทำไมเราต้องยอมเสียเงินภาษีของประชาชนเดือนละ 28 ล้านบาทเพื่อเข้ากระเป๋าคนกลุ่มนี้ขึ้นมาขี่คอประชาชนที่อวดดีว่าเลือกผู้นำได้เก่ง
“วันนี้ข้อเสนอของสังคมกำลังไปไกลมากกว่ายกเลิกมาตรา 272 แล้ว อาจจะเป็นการคิดไปถึงการยุบ ส.ว.และเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่สภาเดี่ยวก็เป็นไปได้จึงหวังว่าครั้งนี้ ส.ว.จะสำเหนียกตนเองโดยการสละอำนาจที่ไม่ชอบธรรมนี้เสียอย่าทำบาปกรรมให้กลับประเทศไทยไปมากกว่านี้เลยการยกเลิกมาตรา 272 จึงเป็นประตูแรกที่เราจะต้องออกจากเผด็จการ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า หากเปิดประตูบานแรกสำเร็จหนทางสู่การจัดตั้งรัฐธรรมนูญฉบับของประชาชนก็ไปต่อได้และที่ผ่านมาเมื่อประชาชนออกมาตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจสุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นก็จะยังคงถูกข่มขู่คุกคามถูกกว่าฟ้องสารพัดคดีถูกปฏิเสธสิทธิ์ในฐานะผู้บริสุทธิ์อย่างที่เคยเป็นมา โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบรายมาตราไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเป็นแค่การปรับแต่งรัฐธรรมนูญ 2560 ให้กลายพันธุ์และดูดีให้น่าคบหาเท่านั้น เราจะเล่นปาหี่แบบนี้ไปอีกนานหรือไหมพรรคก้าวไกล จึงเรียกร้องให้ทุกคนกลับมาสู่แนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้พรรคก้าวไกลขอเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาร่วมกันเห็นชอบกับการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่สุดเฉพาะหน้าในการหยุดสืบทอดอำนาจของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และหากปรากฏว่าท้ายที่สุดญัตติยกเลิกมาตรา 272 ถูกคว่ำลงอีกครั้งก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำว่าละครครั้งนี้ที่มีนักแสดงค่าตัวแพงเป็นแค่ละครปาหี่ต่อพี่น้องประชาชน เพื่อกินรวบอำนาจของประชาชนทั้งกระดานเท่านั้นเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการอภิปรายของนายรังสิมันต์ ที่ระบุว่าขอให้ ส.ว.สำเหนียกตัวเอง และสละอำนาจ ส่งผลให้นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. ลุกขึ้นประท้วง โดยระบุว่า ส.ว.ในบทเฉพาะกาลมีประชาชนลงมติ 16 ล้านคน แต่ ส.ส.ที่กำลังอภิปรายมีพื้นที่หรือไม่ คะแนนที่ได้มาก็มาจากการปัดเศษ ทำให้ ส.ส.ฝ่ายค้าน อาทิ นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย (พท.) ประท้วงประธานว่าปล่อยให้ ส.ว.ลุกขึ้นมาประท้วงโดยไม่ชี้แจงว่าผิดข้อบังคับข้อไหน ประธานต้องควบคุมการประชุมให้ดี จากนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นมาประท้วงนายกิตติศักดิ์ที่พูดถึง ส.ส.ปัดเศษ ว่า กำลังเสียดสีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อยู่ ขอให้ถอน ให้เกียรตินายไพบูลย์ด้วย
จากนั้นนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ขอให้นายกิตติศักดิ์ประท้วง และแจ้งข้อบังคับให้ชัดเจนก่อนการอภิปรายและอย่าไปเสียดสีคนอื่น และให้นายกิตติศักดิ์ นั่งลง โดยนายกิตติศักดิ์ระบุว่าหากพุดถึง ส.ว.อีกก็จะประท้วงอีก จากนั้นจึงยอมนั่งลง ก่อนเข้าสู่การอภิปรายต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี