เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคการเมือง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว "Suphachai Jaismut" ระบุว่า อนุทิน”กับการจัดหาวัคซีน แพะรับบาปของ ศบค.
“วันนี้มีข่าวออกมาว่า”"อนุทิน" ชง "ศบค." เคาะ จำกัดส่งออก แอสตร้าเซนเนก้า ไปต่างปท. หวังได้10ล้านโดส ฉีดให้คนไทยก่อน สัปดาห์หน้าคุยทุกบริษัท จัดหาวัคซีน mRNA ด้าน โมเดอร์นาตอบรับแล้ว พร้อมสั่งซื้อไฟเซอร์อีก50ล้านโดส”
ซึ่งข่าวนี้คงได้แพร่หลายไปแล้ว
ช่วงที่ผ่านมาผมพยายามอยู่อย่างสงบนิ่งแม้เห็นความไม่ชอบมาพากลความไม่ถูกต้องปรากฎออกมาให้เห็นเป็นข่าวคราวอยู่เสมอๆ เพราะคิดว่าตัวเองเป็นนักการเมืองต้องสงบเสงี่ยมเจียมตน อยู่เฉยๆไม่พูดอะไรคนก็เกลียดทั้งๆที่นักการเมืองส่วนใหญ่ในเวลานี้ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชนอยู่กับประชาชนทั่วประเทศในเวลานี้
แต่พอมีข่าวนี้ออกมาผมคิดว่าผมจำเป็นต้องออกมาพูด เป็นความจริงที่ต้องพูดเพื่อปกป้องคนทำงาน คนทำงานที่ชื่อ”อนุทิน ชาญวีรกูล”รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาเป็นคนไม่ดี คนไร้ประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการจัดหาวัคซีน เป็นคนที่ถูกกล่าวหาอย่างร้ายแรง โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงสำคัญที่ว่า”อนุทิน ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการจัดหาวัคซีน”มาตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564
ถามว่าทำไม? คำตอบคือในวันที่ 9 เมษายน 2564 นายกรัฐมนตรี ได้ออกคำสั่งที่ 5/2564”เรื่องแต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019(โควิด 19)” มี อ.ปิยะสกล เป็นประธาน ซึ่งผมเคยเสนอเรื่องนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว
การกำหนดวัคซีนหลัก วัคซีนทางเลือก มาจาก กก.ที่ อ.ปิยะสกล เป็นประธาน มีเจ้าของรพ.เอกชน เป็นกก. เบอร์9-16 เป็น เจ้าของรพ.เอกชน อ.ปิยะสกล คือ อดีตรมว.สธ. ที่มีอำนาจเหนือ รมว.สธ.ชื่ออนุทิน ในการจัดการทั้งปวงเกี่ยวกับการจัดหาวัคซีน
หน้าที่และอำนาจ
ข้อ 1 คือ เสนอแนวทาง มาตรการจัดหาวัคซีน มาใช้ทั้งในสถานพยาบาลของรัฐ และ เอกชน
ของรัฐ ก็คือ วัคซีนหลัก ของเอกชนก็คือ วันซีนทางเลือก
ข้อ 2 พิจารณาจัดหาวัคซีน
ข้อ 3 ดำเนินการตามนายกรัฐมนตรี มอบหมาย
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประชาชนไม่เคยทราบว่าคณะทำงานชุดนี้ทำอะไรบ้าง?นอกจากมีข่าวของหมอบุญ ว่าเป็นกรรมการ มีหน้าที่ กำหนดตัวไหนทางหลัก ทางเลือก ?
และที่ทราบคือการวางมาตรการจัดซื้อ จัดหา จำหน่าย อย่างไรเจ้าของรพ.เอกชน เป็นทั้งผู้กำหนดนโยบาย ผู้กำหนดแนวทางซื้อ และ ขาย ซึ่ง
นี่มันผลประโยชน์ทับซ้อน เห็นๆ?
นี่คือศบค. ได้มองเห็นหรือไม่?
และนี่คือเหตุที่มีการใช้สื่อตีวัคซีนของรัฐบาล ให้คนรอโมเดอนา ที่รพ.เอกชน ซื้อผ่าน อภ.มาทำธุรกิจ ?
ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ประกาศจัดหาวัคซีนให้ได้ 100-150 ล้านโดส ในปี 2564 คณะทำงานชุดนี้ ได้สนองนโยบายและคำสั่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่?
แต่ที่แน่ๆ คือ ในคณะทำงานชุดนี้ ไม่มี รมว.สาธารณสุข และมี ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เพียง 5คน จากทั้งหมด 18 คน
และถ้าได้อ่านคำสั่งนี้กี่ครั้งๆก็ไม่พบว่า”อนุทิน”
รมว.สธ. มีชื่ออยู่ในนี้และชัดเจนว่า
คนจัดการวัคซีน คืออ. ปิยะสกล กับ เจ้าของรพ.เอกชน ซึ่งผมคิดว่าท่านควรจะออกมาบอกให้ประชาชนได้รับรู้ว่าท่านได้ทำอะไรไปบ้าง และ ศบค ก็ต้องออกมาบอกประชาชนว่าความจริงเป็นเช่นไร ไม่ใช่ปล่อยให้”อนุทิน”เป็นแพะรับบาป
ไม่ว่าอย่างไร จนถึงวันนี้ คนสธ. ก็พร้อมรับปฏิบัติ ทั้งๆที่ไม่อยากทำ เพราะนี่คือ การเอาเปรียบรัฐ เอาเปรียบประชาชน หากินกับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนและเสียขวัญ
“อนุทิน”วันนี้ กลืนเลือด ไม่ท้อ ไม่ถอย
ยอมให้ด่าทุกเรื่อง แต่อดทน เพราะอาสามาทำงานเพื่อประชาชน เป็นหัวหน้าพรรคที่บอกลูกพรรคที่ห่วงใยว่ากลับไปหาประชาชน ไม่ต้องห่วงผม
และยังออกมาดำเนินการเรื่องวัคซีนตามข่าวนั้นทั้งๆที่ไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งนั้นก็ตาม เพราะทนเห็นความทุกข์ยากของประชาชนไม่ได้
ถ้าจำกันได้ตอนคำสั่งฉบับนี้ออกมา มีคนสะใจมากที่รมว.สธ.โดนยึดอำนาจ แต่คนกลุ่มนี้เองที่บิดเบือนความจริงกล่าวหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขว่าล้มเหลวการจัดหาวัคซีน
และสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน จิตใจพวกคุณทำด้วยอะไรถึงกระทำการอันเลวร้ายเช่นนี้?
แทนที่เราจะร่วมกันช่วยกันฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกัน เพื่อประเทศของเรา แต่กลับมีคนแบบนี้อยู่ จึงขอได้โปรดยุติการการกระทำเลวร้ายแบบนี้เสียเถิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี