ศบค.คงพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จว. ยังเคอร์ฟิว 3 ทุ่มถึงตี 4 คลอดมาตรการสถานประกอบการ COVID - FREE Setting ฉีดวัคซีน-ตรวจ ATK ไฟเขียวข้ามจังหวัดได้ แต่ขอร้องให้ไปเฉพาะจำเป็น ขนส่งสาธารณะจำกัดที่นั่ง 75% ห้ามกินอาหารบนรถ ‘ห้าง-ร้านอาหาร-ร้านตัดผม’เฮ! เปิดได้แล้ว อนุญาตให้ใช้อาคารเรียนจัดสอบ-ประชุม แต่ยังไม่เปิดเรียน แข่งกีฬาได้แต่ไร้ผู้ชม
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิค-19) หรือ ศบค.เป็นประธานการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ครั้งที่ 13/2564 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อประเมินสถานการณ์และพิจารณาผ่อนคลายกิจการ/กิจกรรม มาตรการป้องกันโควิด-19 (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน!!!ศบค.ไฟเขียวเปิดห้าง-ร้านอาหาร คง29จว.แดงเข้ม-เวลาเคอร์ฟิว)
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการพิจารณาผ่อนคลายมาตรการตามข้อกำหนดที่ 29 ที่จะครบในวันที่ 31 ส.ค. โดยกระทรวงสาธารณสุขได้รายงานว่าการติดเชื้อในประเทศไทยยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ยังไม่ลดอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับทุกประเทศทั่วโลก เราจึงต้องพลิกมุมมองว่าโควิด-19 ยังไม่หายไปไหน แต่จะต้องปรับตัวให้อยู่กับโรคอย่างปลอดภัย โดยมีการปรับกลยุทธ์และสร้างความมั่นใจในการควบคุมโรค สอดคล้องไปกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นการควบคุมโรคแนวใหม่ที่สมดุลกับการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยที่ประชุม ศบค.จึงยังไม่มีการปรับระดับพื้นที่ โดยยังคงพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ใน 29 จังหวัดเหมือนเดิม รวมถึงยังคงมาตรการห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 – 04.00 น.ของวันรุ่งขึ้นเช่นเดิม เวิร์ก ฟรอม โฮม ต่อไปอย่างน้อยอีก 14 วัน
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ใช้มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล ที่ขอให้ทุกคนคิดเสมอว่าเราจะอาจจะติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่รู้ตัวและไม่มีอาการ ทุกคนที่อยู่รอบตัวอาจจะเป็นผู้ติดเชื้อแฝง ในการป้องกันตัวเองขั้นสูงสุดตลอดเวลา โดยมีแนวปฏิบัติของมาตรการองค์กร เช่น โรงเรียน โรงงาน เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่โรค เปิดกิจกรรม กิจการ ได้อย่างปลอดภัยอย่างยั่งยืนด้วย COVID - FREE Setting
สำหรับมาตรการองค์กรประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ ต้องมีระบบระบายอากาศ มีสุขอนามัย สะอาด ปลอดภัย และมีการเว้นระยะห่าง ผู้อยู่ในองค์กรต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ และตรวจ ATK ทุกสัปดาห์ ส่วนผู้รับบริการต้องได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ (บัตรเขียว) หรือเคยติดเชื้อ หรือมีผลตรวจ ATK เป็นลบภายใน 7 วัน (บัตรเหลือง) โดยหลังจากนี้จะเน้นให้ผู้ประกอบร้านอาหาร ร้านตัดผม ร้านนวด ได้รับการฉีดวัคซีนสองเข็มโดยเร็วที่สุด และเน้นให้เข้าถึงการตรวจ ATK โดยภาครัฐให้การสนับสนุน ขณะที่ผู้รับบริการจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนหรือมีการตรวจ ATK ก่อนเข้ารับบริการ มาตรการเหล่านี้จะทำให้การเปิดกิจกรรม กิจการต่างๆ สามารถเปิดดำเนินการได้มากขึ้น โดยจะต้องมีการกำกับติดตามอย่างเข้มงวดจากหน่วยงานของรัฐและสมาคมต่างๆ
“ที่ประชุมเห็นชอบให้มาตรการดังกล่าวเริ่มใช้ในวันที่ 1 ก.ย. เน้นย้ำว่าต้องเป็นการดำเนินการในพื้นที่นำร่อง เฉพาะสถานประกอบหรือสถานบริการที่มีความพร้อม มีการดำเนินการได้ โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด เช่น ร้านอาหาร เป็นต้น ทั้งนี้ มาตรการตรงนี้ยังไม่ได้มีผลบังคับใช้ในทุกๆ ร้าน ทุกๆ สถานประกอบการ แต่เป็นเพียงการนำร่อง หากสถานประกอบการใด ร้านอาหารใดยังไม่พร้อม ให้ศึกษารายละเอียดไปก่อน ค่อยๆ พัฒนาและปรึกษาจังหวัดและสมาคมภัตตาคารไทยที่จะคอยให้คำแนะแนะ หากพร้อมก็เริ่มใช้มาตรการดังกล่าวได้” พญ.อภิสมัย กล่าว
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะได้ผลดียิ่ง จะต้องมีการกำกับดูแล และเน้นย้ำการเร่งรัดนำเข้าวัคซีนและเครื่องตรวจ ATK อย่างต่อเนื่องให้ประชาชนเข้าถึงมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการรายงานต่อที่ประชุมว่า สถานการณ์เตียงค่อนข้างปรับตัวได้ดีขึ้น เพราะจะใช้วิธีโฮมไอโซเลชั่นเข้ามาช่วย ทำให้ได้รักษาแต่เนิ่นๆ สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ส่งผลให้สถานภาพเตียงผู้ป่วยระดับสีเหลืองและสีแดงมีสภาพคล่องขึ้น ขณะที่ในส่วนการเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ทางศูนย์บริหารสถานเศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) ก็มีมาตรการเยียวยาที่เหมาะสม บรรเทาความเดือดร้อนได้ระดับหนึ่ง
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า สำหรับข้อกำหนดที่ศปก ศบค.พิจารณาในวันนี้ เพิ่มเติม เรื่องการเปิดกิจกรรมกิจการในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด เรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด เดินทางได้แต่ขอความร่วมมือให้หลีกเลี่ยงการเดินทางหรือเดินทางเมื่อมีเหตุจำเป็นเท่านั้น และขอให้ผู้มีประวัติเสี่ยงติดเชื้อหรือผู้ติดเชื้อ ให้เข้าโครงการรับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาเท่านั้น ไม่อนุญาตให้เดินทางเอง ในส่วนขนส่งสาธารณะ สามารถเปิดดำเนินการได้โดนจำกัดผู้โดยสาร ไม่เกิน75% และเข้มงวดมาตรการสาธารณสุข สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทั้งผู้ให้บริการ ผู้ขับขี่ยานพาหนะ ผู้รับบริการ ผู้เก็บค่าโดยสารและห้ามรับประทานอาหารขณะที่โดยสารรถขนส่งสาธารณะ
2.ส่วนการเปิดให้บริการร้านอาการ หากเป็นร้านมีพื้นที่โล่ง มีการระบายอากาศอย่างดี อนุญาตให้นั่งรับประทานได้75% ของพื้นที่ แต่ถ้าเป็นร้านที่มีเครื่องปรับอากาศ สามารถนั่งได้ 50% ของพื้นที่และผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกันมีการติดตามโดยผู้ประกอบการสมาคมภัตตาคารไทย คณะกรรรมการโรคติดต่อจังหวัด คณะกรรรมการโรคติดต่อกทม.ด้วย
ในส่วนของห้างสรรรพสินค้า สมารถเปิดกิจการได้ โดยส่วนแรกเป็นการเปิดกิจการอย่างมีเงื่อนไข หมายถึงกลุ่มร้านเสริมสวย ร้านตัดผม แต่งผม เปิดได้เฉพาะตัดผมเท่านั้น ไม่เกิน1ชั่วโมง เน้นให้นัดหมายจองคิวล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงลูกค้าเข้าไปแออัดนั่งรอ ร้านนวดให้เปิดได้เฉพาะรวดเท่า คลินิกเสริมความงาม เปิดจำหน่ายเฉพาะสินค้าเท่านั้น และให้นัดหมายล่วงหน้าเช่นกัน
สำหรับร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า สามารถเปิดได้โดยมีเงื่อนไขของมาตรการร้านอาหารที่มีเครื่องปรับอากาศ ให้เปิดได้ถึงเวลา20.00 น.ส่วนที่เปิดไม่ได้ คือ สถาบันกวดวิชา โรงภาพยนตร์ สปา สวนสนุก สนน้ำ ฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยงในห้างฯ
ส่วนกิจการกิจกรรรมนอกห้างฯ ในส่วนที่เปิดได้คือร้านเสริมสวย ร้านตัดผม แต่งผม ร้านนวด โดยย้ำให้จองล่วงหน้าและใช้เวลาจำกัด
ในส่วนของสถานศึกษา ยังไม่เปิดเรียน แต่ให้ใช้อาคารสถานศึกษาได้ เช่นการจัดสอบ จัดสอบ จัดประชุม หรือจัดการเรียนการสอน แต่ต้องผ่านความเห็นของจากกระทรวงศึกษาฯ กระทรวง อว.ร่วมกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและกทม.และต้องเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรค
สนามกีฬา สามารถเปิดในส่วนเล่นกีฬาหรือแข่งขัน แต่เปิดแบบไม่มีผู้เข้าชม และต้องจำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรม เช่น นักกีฬา โค้ช ผู้ติดตาม ขอเน้นย้ำให้รวมกลุ่มกันน้อยที่สุด และจำเป็นต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กทม.ทั้งนี้สามารถเปิดได้ถึง 20.00 น. อย่างไรก็ตามกิจการกิจกรรมต่างๆที่ยังไม่เข้าข่ายของการผ่อนคลายให้เปิดได้ ขอให้ใจเย็นเพราะทุกครั้งหากมีการทบทวนมาตรการเพิ่มเติม ก็จะมีการพิจารณาเพิ่มขึ้น ในช่วงนี้กิจการกิจกรรมที่เปิดได้ก็ต้องทำให้ปลอดภัย ไม่มีการรายงานผู้ติดเชื้อสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ทิศทางผ่อนคลายมีมากขึ้น
ในส่วนของสถานประกอบการที่ได้ศึกษาเรื่องโควิดฟรี เซตติ้ง หรือ สถานประกอบการปลอดโควิด แล้วอาจยังกังวลว่าพนักงานของเราฉีดวัคซีนไม่ครบหรือยังไม่รู้ว่าจะจัดหาชุดATK ได้จากที่ไหน ขอเน้นย้ำว่า ค่อยๆเตรียมความพร้อมไปได้เพราะ 1ก.ย.นี้ เราประกาศเฉพาะในส่วนของสถานประกอบการที่มีความพร้อมจริงๆ เพียงแต่ขอให้เตรียมตัวว่าทิศทางเป็นแบบนี้ แล้วต่อไปสถานประกอบการจะมีการตรวจATK เพื่อคัดกรองพนักงานของสถานประกอบการเอง และอาจจะมีการคัดกรองหรือตรวจสอบหลักฐานการฉีดวัคซีนของลูกค้าที่มาใช้บริการ ก็จะทำให้เราสามารถอยู่ร่วมกับโควิด-19
“ศบค.ขอเน้นย้ำว่าขอให้ทุกคนเห็นความสำคัญของมาตรการเหล่านี้ และจะสำเร็จได้ คือ เราต้องช่วยกันลดยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิต โดยเป็นความร่วมมือของ3 ภาคส่วน ภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้กำหนดมาตรการอย่างเข้มงวดและจริงจัง ภาคเอกชน สถานประกอบการร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อลตัวเลขผู้ติดเชื้อลงไปเรื่อยๆ ภาคประชาชน ซึ่งร่วมไปถึงผู้ประกอบการร้านอาหาร ข้าราชการ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเน้นย้ำมาตรการป้องกันสูงสุดในลักษณะครอบจักรวาล โดยให้ระลึกเสมอว่าถ้าเดินเข้าร้านอาหารที่ไหน อาจมีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อได้ หรือแม้แต่บุคคลใกล้ชิด ดังนั้นต้องเฝ้าระวังมาตรการสูงสุดต่อเนื่อง”
พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุมได้พูดคุยกันอีกหลายเรื่อง แต่ขอมารายงานสรุปให้ทราบสัปดาห์หน้า เช่น การเปิดโรงเรียนกินนอน มีนักเรียนพักประจำ การจัดหาวัคซีน อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรี ชื่นชมและขอบคุณ ความคืบหน้าเรื่องวัคซีนผลิตโดยนักวิจัยไทย ซึ่งคืบหน้าว่าขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีน 4 ชนิด ที่อยู่ในขั้นตอนการวิจัยและเริ่มทดลองในมนุษย์ ของจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย องค์การเภสัชกรรม ภาคเอกชน โดยได้รับงบสนับสนุนจากรัฐบาล และนายกฯ ไปตรวจเยี่ยมความก้าวหน้าและให้กำลังใจ บุคลากรของศูนย์วิจัยแล้ว โดยย้ำว่าถือเป็นความสำคัญอย่างยิ่งและถือว่าเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ในการที่เราสามารถผลิตวัคซีนได้เอง ก็จะเป็นการป้องกันควบคุมโรค เป็นสิ่งที่ยั่งยืน ประเทศไทยจะสามารถพึ่งพาตนเองได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี