"ศรีสุวรรณ จรรยา" ขึ้นโรงพักรัตนาธิเบศร์แจ้งความ "อมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับพวกร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ 29 ส.ค.64 หน้าสถานีดาวเทียมไทยคม ถนนรัตนาธิเบศร์ เมืองนนทบุรี
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ก.ย.64 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษนางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กับพวกเข้าร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.64 ที่หน้าสถานีดาวเทียมไทยคม ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี ก่อนเข้าร่วมขบวนของนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ ไปยังจังหวัดปทุมธานี
ระหว่างที่นายศรีสุวรรณ กำลังให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวอยู่นั้น นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี ได้เดินเข้ามาพูดกับนายศรีสุวรรณว่าจะมาแจ้งความทำไม เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องเขามีหน้าที่จะต้องออกหมายเรียกพวกตนหรือแกนนำคนอื่นๆอยู่แล้ว ประเทศไทยตกอยู่แบบนี้มา 7 ปีแล้ว ยังมองไม่เห็น ตาไม่สว่างอีกหรือ หรือถ้าลุงหิวแสง วันนี้ผมนำไฟฉายกับยาฆ่าปลวกมามอบให้นายศรีสุวรรณ ก่อนจะเดินทางกลับไป
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การเข้ามาแจ้งความดำเนินคดีกับนางอมรรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล หลังเดินทางมาเข้ารวมชุมนุมในกิจกรรมคาร์ม็อบ หน้าสถานีดาวเทียมไทยคมเมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีการยืนถ่ายรูปกับกลุ่มเยาวชนที่มาร่วมชุมนุม ซึ่งการร่วมชุมนุมดังกล่าวแม้มิได้มีแกนนำแต่ในทางกฎหมายถือได้ว่าเป็นการร่วม ซึ่งมีความผิดหลายข้อหา เพระก่อให้เกิดผลกระทบกับการจราจร ความมั่นคง การแพร่กระจ่ายของโควิด-19 และขัดต่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ร่วมทั้งปรากฎโดยชัดแจ้งว่ามีการนำเด็กหรือเยาวชนมาร่วมในม็อบดังกล่าว อันเป็นการฝ่าฝืนพรบ.คุ้มครองเด็ก 2546
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า ได้รวบร่วมเอกสารหลักฐานภาพถ่ายทั้งหมดมาแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าว ในความผิดการฝ่าฝืนมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคงความผิดฐานฝ่าฝืนหรือฝ่าฝืนหรือกระทำการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ที่เป็นเหตุให้เกิดโรคร้ายแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ และความผิดฐานกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.ทางบก ความผิดตาม ม.83 ในฐานะเป็นตัวการที่ร่วมกระทำความผิดกับบุคคลอื่นๆที่มาร่วม คาร์ม็อบ
ซึ่งการเข้าแจ้งความในครั้งนี้ทางสมาคมต้องการให้ ส.ส.กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ถึงตอนนี้ยังอยู่ในสมัยประชุมสภาทำให้ได้สิทธิ์คุ้มครองอยู่แต่เมื่อปิดสภาเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถดำเนินคดีได้ตามกฎหมาย ตนมองว่า ส.ส.เป็นผู้แทนประชาชนย่อมต้องรู้ดีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดแต่ก็ยังฝ่าฝืน ตนจึงต้องเข้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อไม่ให้เป็นเยื่ยงอย่างกับคนอื่นต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี