โหวตแก้รธน.บัตร2ใบวาระ3

ผ่านฉลุย472เสียง

149สว.ผนึกพปชร.-ปชป.-พท.

จุรินทร์ขอบคุณทุกฝ่ายยกมือ

พรรคเล็กดิ้นยื่นศาลตีความ

‘บิ๊กตู่’ปัดเคลียร์ใจ‘บิ๊กป้อม’

ย้ำปลด‘ธรรมนัส’ตามม.171

มติรัฐสภาโหวตวาระ 3 ดันร่างแก้รธน.ผ่านฉลุย 472 เสียง ผ่านด่านสว. 84 เสียงยกมือ พักไว้ 15 วัน ก่อนส่งนายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดย “ปชป.-พปชร.-พท.” ผนึก 149 สว.โหวตผ่านส่วนใหญ่ “สายอดีตทหาร” ส่วน ผบ.เหล่าทัพ ไร้เงาลงคะแนนขอวางตัวเป็นกลาง “พรรคเล็ก” ไม่รับ หวั่นสูญพันธุ์ 10 สว.จุดยืนชัดยี้ กลับไปสู่ระบบพรรคใหญ่กินรวบ “66 สว.-ภูมิใจไทย-ก้าวไกล งดออกเสียง “จุรินทร์” ขอบคุณทุกฝ่ายยกมือโหวตผ่านวาระสาม เล็งตั้งคกก.ทำกฎหมายลูกพรรคเล็กดิ้นพล่านคว่ำ เลือกตั้งบัตร 2 ใบ“หมอระวี” เดินเกมดีล “ภท.-ก้าวไกล” ขอเสียงหนุนยื่นศาลตีความ

เมื่อเวลา 09.20น.วันที่ 10กันยายน ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ได้เริ่มขึ้นหลังองค์ประชุมมาครบ475คน โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุมเพื่อพิจารณาลงมติร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับที่…) พ.ศ…. (แก้ไขมาตรา83และมาตรา 91 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง) ในวาระ 3 โดยจะเป็นการลงมติแบบขานรายชื่ออย่างเปิดเผย

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะต้องได้รับความเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ โดยสมาชิกรัฐสภาที่ลงมติเห็นชอบจะต้องมีสัดส่วนของ สว.จำนวน1ใน3 หรือ 84คนและสส.ที่ไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายบริหารอีก20% หรือ 49คน ปัจจุบันมีสมาชิกรัฐสภาปฏิบัติหน้าที่อยู่ 730คน แยกเป็น สส.480คนและ สว.250คน โดยประธานรัฐสภาได้มอบหมายให้ นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เริ่มขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเพื่อลงมติเมื่อเวลา 09.40น.

รัฐสภาโหวตผ่านฉลุยรธน.วาระ3

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีการขานชื่อเพื่อลงมติได้ประมาณ 1ชั่วโมง ซึ่งขานชื่อไปประมาณ 480 คน เวลา10.45น.ผลปรากฏว่า สว.ลงมติเห็นชอบเกิน 84เสียง หรือเกินจำนวน1ใน3ของสว.ทั้งหมดตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดเป็นที่เรียบร้อย ต่อมา เวลา11.30น.นายชวน ได้ปิดรับลงคะแนนและให้เจ้าหน้าที่รวบรวมคะแนนประมาณ20นาที จากนั้น เวลา11.51น.นายชวน แจ้งผลลงมติวาระ3ว่า มติเห็นชอบทั้งหมด 472คะแนน แบ่งเป็น สส.322 คะแนน สว.149คะแนน ไม่เห็นชอบ 33คะแนน แบ่งเป็น สส.23คะแนน สว.10คะแนน งดออกเสียง187 คะแนน แบ่งเป็น สส.121คะแนนและสว.66คะแนน

ประธานรัฐสภา แจ้งผลเงื่อนไขแรก คือ ที่ประชุมเห็นชอบ 472คะแนน มากกว่ากึ่งของสมาชิกที่มีอยู่ในสภาคือ375เสียง เงื่อนไขที่2.จำนวนนี้มี สส.ที่ไม่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ประธาน หรือรองประธานรัฐสภา เห็นชอบ 142คะแนน ซึ่งมากกว่าร้อยละ20 คือเกิน49เสียงและเงื่อนไขที่3 คะแนนของ สว.149 คะแนนซึ่งมากกว่ากว่า1ใน3 คือไม่น้อยกว่า 84คน ถือว่าผ่านเกณฑ์ทั้ง3เงื่อนไข มีมติเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมฯ สำหรับกระบวนต่อจากนี้จะเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา256 (7) คือพักไว้15วัน เพื่อนำร่างฯเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป ซึ่งเป็นภารกิจของนายกรัฐทนตรี

‘ปชป.-พปชร.-พท.’ไม่วอกแวก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อลงมติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา83และ 91 ในวาระที่3 มีมติดังนี้ เห็นด้วย 472เสียง แบ่งเป็นเสียงจากสส.323 คะแนนและจากสว.149คะแนน ไม่เห็นด้วย 33คะแนน แบ่งเป็นของ สส.23เสียง และสว.10เสียง งดออกเสียง 187คะแนน แบ่งเป็นของ สส.121เสียง และสว.66คะแนน

โดยเสียงเห็นชอบร่างฯ ทั้งหมด 472คะแนน แบ่งเป็น ฝั่งสส ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะเจ้าของร่างฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรคเพื่อไทย(พท.) ฝั่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) 149 คะแนน พบว่าส่วนใหญ่เป็นทั้ง สว.สายอดีตนายทหารและสายอดีตนักวิชาการ เป็นต้น ขณะที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดปัจจุบันพร้อมใจไม่แสดงตัวลงคะแนน เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า วางตัวเป็นกลางทางการเมือง

ส่วนเสียงไม่เห็นชอบต่อร่างฯ ทั้งหมด 33คะแนน แบ่งเป็นฝั่งของสส.23คะแนน ได้แก่ พรรครวมพลังประชาชาติไทยทั้งพรรค ที่แสดงจุดยืนชัดเจนมาตั้งแต่วาระแรก รวมถึงพรรคเล็กบางส่วน ได้แก่ พล.ต.ทรงกลด ทิพย์รัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังชาติไทย นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยประชาธรรมไทย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ นายพีรวิทย์ เลื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักธรรม นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ นายวิรัตน์ วรศสิริน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย น.ส.นภาพร เพชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นายวัชรา ณ วังขนาย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย

ขณะที่ฝั่ง สว.10เสียง พบมีทั้ง สว.สายอดีตนายทหาร อดีตนายตำรวจ สายอดีตนักวิชาการได้แก่ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร,นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, นายพลเดช ปิ่นประทีป, พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร, พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม,นายเสรี สุวรรณภานนท์,พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์, นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล, นายออน อาจกระโทก,นายอำพล จินดาวัฒนะ

‘ภท.-ก.ก.’งดออกเสียงทั้งพรรค

สำหรับเสียงที่มีการงดออกเสียง 187คะแนน แบ่งเป็นฝั่งสส.121เสียง ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกลทั้งพรรค ที่แสดงจุดยืนชัดว่า มีมติงดออกเสียงโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่แสดงจุดยืนชัดมาตั้งแต่วาระ2 จะไม่ร่วมสังฆกรรม เนื่องจากมองว่าประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมือง รวมถึงพรรคเล็กบางส่วน ส่วนฝั่งสว.66เสียง พบว่าส่วนใหญ่เป็นสายนักวิชาการ อดีตสนช. นักธุรกิจ กลุ่ม40สว.เอ็นจีโอและสายองค์กรต่อต้านการทุจริต อาทิ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ นายสมชาย แสวงการ นายเจด็จ อินสว่าง นายประมนต์ สุธีวงศ์ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจน์สุนันท์ นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย นายตวง อันทะไชย นายคำนูณ สิทธิสมาน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ เป็นต้น

‘จุรินทร์’ขอบคุณทุกฝ่ายให้โหวตผ่าน

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมแกนนำพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรค นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ นายประกอบ รัตนพันธ์ สส.นครศรีธรรมราช ร่วมแถลงข่าวหลังประชุมร่วมฐสภาลงมติผ่านร่างรัฐธรรมนูญ วาระ3

โดยนายจุรินทร์กล่าวว่า พรรคปชป.ในฐานะเจ้าของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านที่ประชุมรัฐสภา ขอบคุณทุกฝ่ายทั้งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล พรรคฝ่ายค้านและสว.ที่ให้ความร่วมมือในการทำให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านความเห็นชอบด้วยดี อย่างน้อยที่สุดก็สะท้อนให้เห็นว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้แม้จะแก้ยาก แต่สามารถแก้ได้ ถ้าทุกฝ่ายให้ความร่วมมือร่วมใจกัน ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มั่นใจว่าจะนำไปสู่ความเข้มแข็งของระบบพรรคการเมืองและระบอบประชาธิปไตยในอนาคตมากขึ้น เชื่อว่าเป็นสิ่งที่พวกเราทุกคนอยากเห็น ขั้นต่อไปจะต้องยกร่างกฎหมายลูก หรือพิจารณากฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส.ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญที่แก้ไขต่อไป ในส่วนพรรคปชป.จะตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องกฎหมายลูกต่อไป

หมอวรงค์ชี้ทรยศปชช.จดชื่อประจาน

ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กดังนี้“#จดชื่อไว้ สรุปแล้วรัฐสภาผ่านวาระ3แก้รัฐธรรมนูญไปสู่บัตร2ใบ อนาคตของชาติสุดจะคาดเดา เพราะนำไปสู่กติกาทุนสามานย์ครองเมือง เข้าสู่ระบบมุ้งเป็นใหญ่ ต้องซื้อขายสส.แบบจริงจังและต้องแบ่งกันกินแบ่งกันโกง ใครทรยศต่อประชาชน ใครอ่อนหัดทางการเมือง ให้คาดเดาครับ พวกนี้สมควรเอาไปตัดหัวเสียบประจาน แบบนี้ฝากประเทศให้ดูแลไม่ได้แล้วครับ ดึงกติกาประเทศย้อนกลับไป 20ปี ทั้งๆที่ระบบนี้เคยสร้างปัญหาให้ชาติ ให้ช่วยกันจดชื่อคนพวกนี้ไว้ ในวันที่ชาติมีวิกฤติ ต้องเอาชื่อคนพวกนี้มาประจาน”

พรรคเล็กดิ้นดีลภท.-ก.ก.ยื่นตีความ

นพ.ระวี มาศฉมาดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวถึงกรณีร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ผ่านการพิจารณาของที่ประชุมรัฐสภาในวาระสามว่า ในส่วนของตนและพรรคเล็กเราลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อมติเสียงสมาชิกรัฐสภาส่วนใหญ่ออกมาแบบนี้ การดำเนินการต่อไปของพรรคเล็กมีแนวความคิดว่า จะยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเสียงของพรรคเล็กนั้นไม่เพียงพอในการยื่นให้ศาลตีความ เพราะต้องใช้เสียง1ใน10ของสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด หรือประมาณ 72เสียงและมีกรอบระยะเวลาตามกฎหมายที่สามารถดำเนินการยื่นได้ภายใน 15วัน หากพรรคเล็กจะยื่นได้จำเป็นต้องอาศัยเสียงพรรคภูมิใจไทยและพรรคก้าวไกลที่ลงมติงดออกเสียงไว้ว่า ทั้งสองพรรคจะร่วมยื่นด้วยหรือไม่ ซึ่งต้องรอเขาตัดสินใจและภายใน15วัน ตนจะไปพูดคุยเจรจาประสานกัน

ภท.เมินยื่นตีความ/ชี้ทุกอย่างจบแล้ว

ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณี นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ เตรียมเจรจาขอเสียงพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนพรรคเล็กยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ว่า พรรคภูมิใจไทย คงไม่ยื่นรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าทุกอย่างจบแล้ว

‘บิ๊กป้อม’หลบสื่อปลด’ธรรมนัส-นฤมล’

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า เวลา 10.00น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มีวาระเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 3/2564 ผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ทั้งนี้ ก่อนเวลาประชุมประมาณ 1ชั่วโมงปรากฏว่า ทีมงานของ พล.อ.ประวิตร ได้แจ้งเปลี่ยนสถานที่ประชุมกะทันหันโดยแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เข้ามาที่ทำเนียบแล้ว แต่จะไปประชุมที่มูลนิธิป่ารอยต่อ ถนนวิภาวดีรังสิตแทน โดยมีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร คิดไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมาแล้วว่า จะไม่เดินทางมาประชุมฯที่ทำเนียบฯ เพราะไม่อยากตอบคำถามสื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการเปลี่ยนสถานที่ประชุมดังกล่าว เกิดขึ้นอย่างกะทันหันซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเพราะ พล.อ.ประวิตร ต้องการหลีกเลี่ยงพบสื่อ เพราะไม่ต้องการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังจากมีการปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่าอดีต รมช.เกษตรฯและนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีต รมช.แรงงาน ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี รวมถึงประเด็นการเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)จะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค ที่มองกันว่า นายสันติ พร้อมพัฒน์ น่าจะเป็นตัวเต็ง หากมีการเปลี่ยนแปลงในพรรค

‘บิ๊กตู่’ปัดเคลียร์ใจไล่ดูรธน.มาตรา171

ที่บริษัท เอส.บี.อุตสาหกรรมเครื่องเรือน จำกัด ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตรวจเยี่ยมโรงงานตามโครงการ “Factory Sandbox” จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้พูดคุยหรือเคลียร์กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า“เคลียร์เรื่องอะไร ไปดูมาตรา171”เมื่อถามว่า นายกฯ สบายใจขึ้นแล้วใช่หรือไม่ในเรื่องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สบายใจมาตลอด แต่เป็นเรื่องที่นายกฯต้องปรับเปลี่ยนอะไรบ้างเพื่อให้เกิดผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดิน

‘สุชาติ’เชื่อไม่มีก๊วนตาม’ธรรมนัส’ออก

ด้านนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานและกรรมการบริหาร(กก.บห.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาภายในพรรค พปชร.จนมีกระแสข่าวว่า จะปรับโครงสร้างพรรค ว่า ในเรื่องของการเมืองไม่ว่าจะการประชุมพรรค หรือตำแหน่งต่างๆในพรรคต้องให้เป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ในพรรคตัดสินใจ ตนเป็นเพียงแค่สมาชิก ทั้งนี้เราในฐานะนักการเมืองก็ทำหน้าที่เพื่อประเทศไทย จุดยืนอยู่ตรงไหนก็ทำงานตรงนั้นให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

เมื่อถามว่ามองผลต่อเนื่องทางการเมืองหลัง ร.อ.ธรรมนัส ลาออก จะมีการลาออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค พปชร.รวมทั้งตำแหน่งอื่นๆด้วยหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า เราคิดแทนคนอื่นไม่ได้ ในทางการเมืองสส.ทุกคนมีพื้นที่มาจากเสียงของประชาชน ทุกคนรู้ว่าเข้ามาเพื่อทำงานและทุกคนที่มากับพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือว่าเป็นพรรคพลังประชารัฐ มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี และมีหัวหน้าพรรค ณ วันนี้คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของทุกคนอยู่แล้ว สำหรับตนคิดว่าทุกคนไม่มีประเด็นปัญหาอะไร เพราะเรามีศูนย์รวมจิตใจอยู่แล้ว คือ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค ส่วนการทำงานในภาพรวมของพรรค ก็ต้องมีการหารือกัน ซึ่งหัวหน้าพรรคก็คงจะได้พิจารณา ซึ่งวันนี้ถือว่าไม่มีประเด็นอะไร

เมื่อถามว่า การที่ ร.อ.ธรรมนัส ลาออกคิดว่า จะมีกลุ่มก๊วนใดตามออกไปบ้างหรือไม่ นายสุชาติกล่าวว่า นักการเมืองไม่มีอย่างนั้นแน่นอน เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าในพรรคจะไม่มีใครตาม ร.อ.ธรรมนัส ไป นายสุชาติกล่าวว่า”วันนี้ท่านก็ยังอยู่ในพรรคพปชร.และผมคิดว่าผู้แทนทุกคนที่มาอยู่กับพรรค มาอยู่เพราะเลือกนายกฯและหัวหน้าพรรคลุงป้อม ไม่ได้มาเพราะร.อ.ธรรมนัส เป็นหัวหน้าพรรค จึงอย่าไปกังวลเพราะเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่มีความกังวลและคิดว่าไม่มีประเด็นในเรื่องนี้ เพียงแต่รอเวลาหน่อย”

พท.ยันไม่เคยพูดคุยกับ’ธรรมนัส’

ส่วนที่ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรฯระบุ อนาคตอาจหาบ้านหลังใหม่ บ้านใหม่ที่ว่าจะเป็นบ้านเก่าอย่างพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรคเพื่อไทย พูดถึงเรื่องนี้ว่าตอนนี้ร.อ.ธรรมนัส ยังเป็นเลขาธิการพรรค พปชร.อยู่ ส่วนอนาคตข้างหน้า เขาจะตัดสินใจอย่างไร เป็นเรื่องของร.อ.ธรรมนัสที่ผ่านมา ยังไม่เคยพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย