“ธรรมนัส” ควง “ปธ.ยุทธศาสตร์” ประชุมพรรค พปชร. ด้าน “บิ๊กน้อย” รับโจทย์ใหญ่คือสร้างความปรองดองภายในพรรค – นอกพรรค เป้าหมายบ้านเมืองสงบสุข ย้ำไม่มีใครคิดย้ายออกแน่นอน
เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 ที่รัฐสภา เวลา 14.00 น. ที่ชั้น 6 รัฐสภา มีการประชุม ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ โดยมี ส.ส.พรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพปชร. นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม พร้อมด้วยพล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสตร์พรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ร่วมในการประชุม โดยมีวาระสำคัญพิจารณาถึงความชัดเจนแนวทางการเลือกตั้งท้องถิ่นระดับองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ว่าพรรคจะวางแนวทางในการส่งผู้สมัครอย่างไร ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ไม่ได้เดินทางมาร่วมประชุม
อย่างไรก็ตามก่อนการประชุม พล.อ. วิชญ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมพรรคพลังประชารัฐถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งท้องถิ่นว่า ขณะเรายังไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ สำหรับคณะทำงานพรรคพลังประชารัฐพยายามที่จะหาคนที่มีความสามารถจริงๆ ตนเพิ่งเข้ามาดูในเรื่องนี้ เพราะยุทธศาสตร์เดิมของพรรคพลังประชารัฐนั้นก็ยังไม่ได้มีเรื่องนี้ตั้งแต่ที่ตั้งพรรคมาวันนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องมาเริ่มต้นกันใหม่ว่า จะทำอย่างไร
“พรรคพลังประชารัฐพร้อมที่จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นอย่างแน่นอน ซึ่งเริ่มจากการเลือกตั้ง อบต.ที่จะเกิดขึ้นในเดือนพ.ย.นี้ ซึ่งอาจจะไม่ได้ส่งในนามของพรรคต้องดูคนที่ทำงานเพื่อประเทศจริงๆ สำหรับเหตุผลที่พรรคพลังประชารัฐไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครนั้น เมื่อถึงเวลาก็จะรู้เองว่าจะส่งหรือไม่ส่ง อย่าเพิ่งรีบตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดพรรคพลังประชารัฐจึงไม่ส่งผู้ลงสมัครเป็นผู้ว่า กทม.” พล.อ. วิชญ์ ระบุ
พล.อ.วิชญ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้ามาเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐของตนถือเป็นคนใหม่ในการเมืองถือว่ามีความท้าทายแต่สิ่งที่สำคัญคือจะต้องเรียนรู้ให้มากที่สุด ตนไม่ใช่นักการเมืองเข้ามาทำงานเพื่อช่วยหัวหน้าพรรคก็จะเข้ามาช่วยงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในส่วนของเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองตนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่แล้วตนเป็นคนทำตรงๆมีอะไรก็พูดกันตรงๆ ตนพยายามที่จะทำงานในหน้าที่นี้เพื่อประชาชนและประเทศให้มากที่สุดพยายามไม่ให้มีการแบ่งกลุ่มก้อนภายในพรรค สิ่งนี้ต้องพยายามให้ได้
“หนึ่งในหน้าที่ที่พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่งตั้งให้ผมดำรงตำแหน่งเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เพื่อเข้ามาสร้างความรักและความสามัคคีภายในพรรคนั้น ต้องชี้แจงว่า จุดหลักของพรรคพลังประชารัฐก็คือ ความปรองดองอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงพยายามที่จะทำให้ทั้งภายในพรรคและนอกพรรค หรือภายในประเทศให้เกิดการปรองดองให้มีความเข้าใจต่อการเดินหน้าของประเทศ ไม่มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก หรือ ไม่มีสีอะไรทั้งนั้น คิดว่า หลังจากนี้ต้องดีขึ้นบ้านเมืองต่อจากนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งประเทศเป็นหลัก ไม่อยากให้แบ่งนู่นแบ่งนี่ สำหรับการสร้างความสามัคคี ปรองดอง พล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ท่านทำได้อยู่แล้วซึ่งตอนนี้ทุกอย่างก็ปรองดอง ผมยืนยันว่าไม่มีคลื่นใต้น้ำอย่างแน่นอน” พล.อ.วิชญ์ กล่าว
พล.อ.วิชญ์ กล่าวยืนยันว่า การเข้ามารับตำแหน่งเป็นประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เข้ามาเพื่อคานอำนาจของนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า เข้ามาช่วยทำงานให้กับหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น
เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งทั้งคณะกรรมการบริหารพรรคหรือในกรรมการยุทธศาสตร์พรรคหรือไม่ พล.อ. วิชญ์ กล่าวว่า “ไม่มี” นอกจากนั้นพล.อ. วิชญ์ ยังได้ปฏิเสธกรณีกระแสข่าวว่า มีสมาชิกพรรคพลังประชารัฐลาออกเพื่อไปตั้งพรรคใหม่ด้วย
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 22ก.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.วิชญ์ กล่าวว่า ท่านก็ลงพื้นที่ทั่วทุกพื้นที่อยู่แล้ว ไม่ได้เฉพาะเจาะจงว่า จะไปที่ไหนไปก็ไปทุกที่ พื้นที่ไหนที่มีความเดือดร้อนหรือต้องการความช่วยเหลือก็ต้องไป สำหรับกำหนดการลงพื้นที่ก็ให้ฝ่ายที่ดูแลเรื่องนี้อยู่เป็นผู้จัดการกันไป
- 004
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี