ล่าแก๊งดาวกระจาย
เผาป้อมจราจรกทม.วอด6จุด
‘ผบ.ตร.’ชี้ชัดโยงปมการเมือง
กลุ่มผู้ชุมนุมออกอาละวาดช่วงตี 2 เผาป้อมสัญญาณจราจรกลางกรุง 6 แห่ง ด้าน ผบ.ตร.ชี้หวังผลทางการเมือง ย้ำชัดต้องตามจับให้ได้
เมื่อวันที่ 23 กันยายน ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยว่า จากการชุมนุมในวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา ของกลุ่มทะลุแก๊ซ ที่แยกดินแดง เวลา 18.20 น. เริ่มมีการนำยางรถจักรยานยนต์มาเผาบริเวณบน ถ.วิภาวดี(ขาออก) และมีการนำป้าย มาผูกขวางถนนบริเวณใต้ทางด่วน เวลา 20.30 น. มีการนำแผงเหล็กปิดกั้นการจราจร และ จุดไฟเผาทรัพย์สินบริเวณใต้ทางด่วน ทำให้กีดขวางการจราจร และประชาชนในละแวกได้รับ ความเดือดร้อน เวลา 21.20 – 23.00 น. มีการขว้างปาประทัด ยิงหนังสติ๊ก พลุไฟ ระเบิดต่างๆเป็นระยะๆเพื่อยั่วยุเจ้าหน้าที่บริเวณฝั่งถนนมิตรไมตรีและหน้ากรมดุริยางค์ทหารเวลา 23.20 น. มีกลุ่มผู้ก่อความวุ่นวายดังกล่าวบางส่วนทาการฉีดสีสเปรย์ใส่เกาะกลางถนนวิภาวดี(ขาเข้า)เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณประโยชน์เสียหาย
นอกจากนั้นตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืน ตั้งแต่เวลา 00.30 – 02.40 น. มีกลุ่มฯ จำนวนหนึ่ง ตระเวนทุบทำลายและเผาป้อมจราจร อีกจำนวน 6 จุด ได้แก่ สน.บางซื่อ 3 จุด ที่แยกสะพานควาย ,แยกประดิพัทธิ์ และด่วนระนอง สน.ลุมพินี 1 จุด ที่แยก ราชประสงค์ และสน.พญาไท 1 แห่ง คือ แยกอุรุพงษ์ และ สน.มักกะสัน 1 จุด ที่แยกมิตรสัมพันธ์ ซึ่งจะได้สืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานหาตัวผู้กระทาผิดมาดำเนินคดีต่อไป
เบื้องต้นผู้ก่อเหตุใช้รถจักรยายนต์ประมาณ 15 คัน ผู้ก่อเหตุประมาณ 30 คนกรทำผิดดังกล่าว ทั้งนี้ ในส่วนการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมตั้งแต่เดือนกรกฎาคม2564 ที่ผ่านมาจนถึง ปัจจุบันรวมทั้งสิ้น 220 คดี มีผู้ต้องหาทั้งหมด 808 คน ติดตามจับกุมตัวได้แล้ว 563 คน
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่าส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ว่าตำรวจปล่อยให้ก่อเหตุสามารถดูแลได้หรือไม่นั้น ว่า มั่นใจว่าตำรวจเอาอยู่ทั้งมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับการกระทำผิดแต่ละกลุ่ม ทางตำรวจมีมาตรการตามปกติเพื่อวางมาตรการรักษาความสงบเรียบร้อย เมื่อสามเหลี่ยมดินแดงก่อเหตุได้น้อยลงจึงเปลี่ยนไปจุดอื่น เมื่อได้รับความร่วมมือจากประชาชนผู้ก่อเหตุไม่สามารถก่อเหตุจึงเปลี่ยนไปก่อเหตุที่อื่นจึงต้องมีมาตรการติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีเมื่อกลางดึกที่ผ่านมามีการก่อเหตุเผาป้อมจราจรหลายจุดในกรุงเทพมหานคร ว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ก็ต้องปรับยุทธวิธีกันไป ต้องประเมินสถานการณ์ให้แม่นยำกว่านี้ จะเห็นว่ามีการกระจายตัวยกระดับความรุนแรง ตำรวจต้องปรับยุทธวิธีการใช้กำลัง การบังคับใช้กฎหมาย และเรื่องการข่าว ตำรวจไม่ได้วิ่งตามม็อบแต่เป็นผู้ก่อเหตุ ซึ่งอาจจะเป็นเส้นเบลอๆ ระหว่างม็อบกับผู้ที่ก่อเหตุ เพราะเขาต้องการให้เป็นแบบนั้น
พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวอีกว่า การกระทำแบบนี้ไม่ใช่อาชญากรทั่วไป จะเห็นว่าตั้งแต่สิงหาคมที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมผู้ก่อเหตุกว่า 400 ราย ทุกครั้งที่จับผู้ถูกจับกุมจะมีความรู้เทคนิคข้อกฎหมายต่างๆ มากขึ้น เห็นจากมีฝ่ายกฎหมายที่พร้อมปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง พอมีคนโดนจับจะมาทันที ตอนนี้ได้พูดคุยกับฝ่ายสอบสวนว่าการบังคับใช้กฎหมายให้ดูเรื่องฐานความผิดอื่นๆ ถ้ามีองค์ประกอบความผิดอื่น เช่น อั้งยี่ ซ่องโจร ให้ไปรวบรวมพยานหลักฐานมา
ผู้สื่อข่าวเมื่อถามว่า กลุ่มที่ก่อเหตุเผาป้อมจราจรมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มเดิมๆ หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เขาลงมือกระทำเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวาย กระทบต่อภาพลักษณ์ในเรื่องรักษาความปลอดภัย ความมั่นคง กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกพี่น้องประชาชน และหวังผลทางการเมือง ส่วนจะมีพัฒนาการที่รุนแรงกว่านี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการจัดการของตำรวจ ซึ่งต้องจัดการให้ได้
ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคารB) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ถ.แจ้งวัฒนะ “อั่งอั๊ง” เยาวชน อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นหลานสาวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางมาพร้อม นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน บก.ปอท.ตามหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ม.112 กรณี ทั้งนี้ อั่งอั๊ง ได้โพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ บัญชี @AngAngOpilan เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ @AmaratJeab ว่า “เป็นผู้ต้องหาอีกครั้งข้อหาร่วมกันจัดคาร์ม็อบ ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหาครั้งที่ 2 หลังจากโทรคุยรองผกก.เมื่อรับหมายเรียกครั้งแรกว่าจะไม่ใช้เอกสิทธิ์สส. และจะไปรับทราบข้อกล่าวหาที่สน.พร้อมคุณณัฐวุฒิ บก.ลายจุด และคุณหมอทศพร ในวันที่ 1 ต.ค.นี้”
แฟ้มภาพ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี