เหล่าทัพปรับตัวใช้งบฯ 65 ทบ.แถลง 1 ปี เลิก-ลดซื้ออาวุธตปท.เน้นซ่อมบำรุง ขณะที่ ทร. เตรียมโละเรือรบร่วม 10 ลำ ยืดอายุใช้งานของเก่า ด้านทอ. ควบรวมฝูงบิน เอฟ-16
เมื่อวันที่ 1 ต.ค.64 พล.อ. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ เสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบก แถลงผลการปฏิบัติงานกองทัพบกประจำปี 2564 และแนวทางการพัฒนากองทัพบกตามห้วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 63 – 30 ก.ย. 66 ว่า กองทัพบกสนับสนุนรัฐบาลและช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด19 โดยท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติที่เกิดขึ้นนั้นกองทัพบกยังคงดำเนินการพัฒนาองค์กรตามแผนพัฒนากองทัพบกเพื่อให้เป็นหน่วยรูปแบบเบา ประหยัด มีความคล่องตัวสูง และมีประสิทธิภาพ โดยในปีงบประมาณ 2564 มีการดำเนินการและมีการปฎิบัติที่สำคัญ เช่น การพัฒนาหน่วยงานแพทย์ทหารของกองทัพบกให้มีความพร้อมทั้งด้าน บุคลากรทางการแพทย์ สถานพยาบาล เครื่องมือ เวชภัณฑ์ ตลอดจนกำลังพลทุกระดับให้มีความรู้ มีความสามารถสนับสนุนรัฐบาล และศบค.ได้อย่างเต็มที่ การนำยุทโธปกรณ์ เครื่องมือ ยานพาหนะ ทุกประเภทของกองทัพบก ตลอดจนกำหนดบทบาทหน้าที่ให้หน่วยทหาร ทุกหน่วยสนับสนุนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยทุกรูปแบบช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุดโดยไม่ต้องรอคำสั่ง
“และมีแนวทางยกเลิกหรือลดจำนวนโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ราคาสูงจากต่างประเทศให้มากที่สุด และสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศมาใช้มากขึ้น ภาพรวมคือเราจะพยายามรักษาสภาพยุทโธปกรณ์ให้ใช้งานได้ดีที่สุด โดยเน้นการซ่อมบำรุงรักษาสิ่งอุปกรณ์นั้นเพื่อใช้งานได้ดีที่สุดและนานที่สุดเพื่อให้ใช้งานได้ แต่หากเราไม่สามารถรักษาได้ก็ซื้อจากต่างประเทศ แต่เป็นจำนวนน้อย “
นอกจากนั้น ยังคงให้ความสำคัญต่อทหารประจำการ และกำลังพลชั้นผู้น้อย ป้องกันการไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้ได้รับสิทธิตามที่พึงจะได้ และให้โอกาสความก้าวหน้าในการรับ ราชการทหารต่อ การพัฒนาระบบการตรวจเลือกทหาร โดยส่งเสริมการสมัครใจให้มากขึ้น เพื่อลดจำนวนการเกณฑ์ทหารลง และเร่งรัดการนำข้าราชการพลเรือนกลาโหมมาบรรจุทดแทนทหารประจำการ
พล.อ. สันติพงศ์ กล่าวต่อว่า กองทัพบกได้ดำเนินการสนับสนุนรัฐบาลและช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มขีดความสามารถฃ โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ภัยพิบัติและในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 และกองทัพบกไม่หยุดยั้งการพัฒนาองค์กรให้เป็นไปตามแผนการพัฒนากองทัพบกตามห้วงระยะเวลา และยังมุ่งมั่นในการพิทักษ์รักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา และสถาบัน พระมหากษัติย์ โดยเฉพาะการรักษาอธิปไตยของชาติ เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่เกิด ความสงบสุข ขอยืนยันว่ากองทัพบกภายใต้การนำของพล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก จะอยู่เคียงข้างประชาชนและใช้ศักยภาพที่มีของกองทัพบกในการดูแล ช่วยเหลือประชาชนบรรเทาความเดือดร้อน เป็นที่พึ่งได้ในทุกโอกาส และผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน เพื่อปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยอย่างเต็มประสิทธิภาพตามเจตนารมณ์ที่กำลังพลของกองทัพบกทุกนายยึดถือ คือพิทักษ์ราชัน ปกป้องประชา รักษาแผ่นดิน
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ตลอดปีงบประมาณ 2564 ที่ประเทศไทยเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 กองทัพบกได้ให้หน่วยปรับการบริหารจัดการงบประมาณเพื่อใช้ในการสนับสนุนการป้องกันโรค ส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก และการใช้งบประมาณในภารกิจบรรเทาความเดือดร้อนและดูแลช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะในด้านการเพิ่มศักยภาพด้านการรักษาพยาบาลและการดูแลผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ได้พิจารณาจัดสรรเงินรายรับสถานพยาบาลของโรงพยาบาลกองทัพบกเอง เพื่อใช้แก้ไขปัญหาโดยนำไปใช้ในการจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ ทางการแพทย์ เป็นต้น
ในปีที่ผ่านมา กองทัพบกได้บริหารงบประมาณตรงตามวัตถุประสงค์ อย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อหน่วยงานและประชาชน ให้ความสำคัญต่อผลผลิต และผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้จ่ายงปประมาณกับการพัฒนาหน่วย การสร้างสวัสดิการให้กับ กำลังพลโดยเฉพาะอย่างยิ่งนายทหารชั้นประทวนและทหารกองประจำการ ตามเจตนารมณ์ที่วางไว้ ภายใต้กรอบแนวทางการบริหารจัดการงปประมาณภาครัฐและกฎระเบียบของทางราชการ
สำหรับในปีงบประมาณ 2565 กองทัพบกได้จัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปี จำนวน 112,723,556,800 บาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาเห็นชอบจำนวน 97,883,773,800 บาท ลดลงจากปีงบประมาณ 2564 จำนวน 8,096,003,800 บาท หรือลดลงร้อยละ 7.64 และปัจจุบัน พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.2564 เรียบร้อยแล้ว โดยในการจัดสรรงบประมาณในปี 2565 กองทัพบกได้ให้ความสำคัญกับงาน สวัสดิการกำลังพลและงานซ่อมปรับปรุงอาคาร สิ่งก่อสร้าง เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของกำลังพล และขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งการซ่อมปรับปรุงยุทโธปกรณ์เพื่อยืดอายุ การใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน ตามนโยบายและแผนการปฏิบัติงานที่ได้ กำหนดไว้ ขอเรียนว่ากองทัพบกจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ ขีดความสามารถของกำลังพล การบริหารจัดการองค์กร ร่วมกับการใช้งบประมาณที่ได้รับจัดสรรให้ เกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ต่างประสบปัญหางบประมาณเพื่อเดินหน้าตามแผนพัฒนากองทัพเช่นกันหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ถูกตัดงบฯ ไปเยียวยาประชาชนจำนวนมาก ทำให้การจัดหาเรือรบ- เครื่องบินรบ รวมไปถึงอากาศยานแบบต่างๆ ในโครงการใหญ่ต้องชะลอออกไป และใช้แนวทางในการซ่อมบำรุงเพื่อยืดอายุการใช้งาน โดยกองทัพเรือ กำลังจะปลดระวางประจำการเรือรบประมาณ 10 ลำและเตรียมส่งมอบให้กับหน่วยงานหรือเอกชนที่ต้องการเนื่องจากยังมีงบประมาณในการดูแลรักษาในแต่ละเดือนประมาณ 3 แสนบาท และเลื่อนแผนการจัดหาเรือลำใหม่มาทดแทนไปก่อน ขณะที่กองทัพอากาศ มีการควบรวมฝูงบิน 102 ไปอยู่กับฝูงบิน 103 เนื่องจากเครื่องบิน F-16 ADF ถูกปลดประจำการหลายเครื่อง และเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ทอ.จึงได้บริหารใหม่ โดยนำเครื่องที่เหลือมาประจำการที่ฝูงบิน103 ซึ่งมีเครื่องบิน F- 16 AB ประจำการอยู่ด้วยเช่นกัน
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี