เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2564 เวลา 12.30 น. ที่พล.ม.2 รอ.เขตพญาไท กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.สิงห์บุรี เพื่อติดตามสถานการณ์และการบริหารจัดการน้ำลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัย โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)
โดยทันทีที่เดินทางมาถึงนายกรัฐมนตรีทักทายประชาชนที่มารอต้อนรับ โดยมีประชาชนส่วนหนึ่งมอบดอกกุหลาบและถือป้ายให้กำลังใจ พร้อมตะโกนว่า "เรารักลุงตู่" โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดีพร้อมชูมือเป็นสัญลักษณ์ "ไอเลิฟยู"
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นกำลังใจในการทำงานเพื่อประชาชน และวันนี้นำความห่วงใยมามอบให้ นายกฯมีหน้าที่แก้ไขปัญหาและทำทุกอย่างให้ดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าในอนาคตสถานการณ์จะค่อยๆดีขึ้น โดยวันนี้ได้แก้ปัญหาตามสถานการณ์ เนื่องจากเป็นฤดูฝน น้ำจึงท่วม ยืนยันรัฐบาลติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะปรับแก้หลายๆอย่าง ให้ดีขึ้นในอนาคต ตราบใดที่ตนเองยังเป็นนายกรัฐมนตรี
จากนั้นนายกรัฐมนตรี มอบถุงยังชีพให้กับตัวแทนผู้ประสบภัย ก่อนลงเรือตรวจสถานการณ์น้ำและเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยชุมชนบางแค จ.สิงห์บุรี โดยพล.อ.ประยุทธ์ ทุบที่อกข้างซ้ายและกล่าวว่า เสียใจที่เห็นชาวบ้านเดือดร้อนจากน้ำท่วม ไม่มีใครมีความสุข ถ้าประชาชนยังเดือดร้อน นายกฯมีความสุขไม่ได้ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีหันไปโบกมือให้กับประชาชนและเด็กนักเรียนที่มาต้อนรับและกล่าวว่า ขอให้เป็นเด็กดีเรียนหนังสือให้จบและต้องระมัดระวัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างลงเรือเพื่อตรวจเยี่ยมพร้อมมอบสิ่งของและให้กำลังใจกับประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากอุทกภัย พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวให้กำลังใจ และระบุว่าอีกไม่นานน้ำก็จะลดลง ขณะนี้รัฐบาลพยายามดูแลเร่งช่วยเหลือและให้การเยียวยากับประชาชนทุกคน ทั้งนี้การอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำเมื่อน้ำมามากก็ย่อมเป็นธรรมดาที่จะเกิดน้ำท่วม เห็นใจทุกคน ตนเองไม่เคยมีความสุขเมื่อยังเห็นประชาชนเดือดร้อน นายกฯมีความสุขไม่ได้ พร้อมขอให้ทุกคนยิ้มไว้เมื่อภัยมาและขอให้สู้ไปด้วยกัน วันนี้เราต้องสู้ คนไทยต้องสู้ไม่ว่าภัยอะไรมาถึงก็ต้องสู้ รัฐบาลและนายกฯห่วงใยทุกคนเป็นที่สุดเพราะเป็นภัยธรรมชาติ แต่รัฐบาลก็จะพยายามแก้ไขเป็นลำดับและอนาคตก็จะมีการสร้างเขื่อน โดยในปี 2565 ก็จะมีงบประมาณลงมา ปัญหาน้ำท่วมก็จะลดลง ยืนยันว่าปีหน้ามีเขื่อนกั้นน้ำแน่นอน ยืนยัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลเห็นใจและไม่อยากเห็นประชาชนเดือดร้อนเช่นนี้ ยอมรับว่ามันทรมาน ขอให้ทุกคนอดทนอีกสักนิด ยืนยันว่าการมาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมมอบสิ่งของให้กับประชาชนในวันนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของการสร้างภาพ รัฐบาลมีความเป็นห่วงประชาชนทุกคน ขอให้ทุกคนระวังสัตว์ร้ายที่จะมากับน้ำโดยเฉพาะงูด้วย
ภายหลังลงเรือเยี่ยมประชาชน นายกฯได้เป็นประธานมอบสุขาลอยน้ำและมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบอุทกภัย ท่ามกลางชาวสิงห์บุรีที่ตะโกนให้กำลังใจ “รักลุงตู่ อยู่กันนานๆอย่าไปไหน” พล.อ.ประยุทธ์จึงกล่าวว่า อยู่ที่พวกเรา ช่วงหนึ่งนายกฯยังกล่าวกับชาวบ้านว่า ระวังโควิดยังอยู่ และขอให้เห็นใจรัฐบาลมีปัญหาหลายอย่าง นายกฯก็เต็มที่ และขอให้ทุกคนใช้เงินให้เกิดประโยชน์ อย่าใช้อย่างอื่นหมด
ต่อจากนั้นนายกฯได้ช่วยทหารจากกองทัพบกตักทรายใส่ถุงกระสอบเพื่อนำไปทำคันกั้นน้ำ พร้อมกล่าวว่า สมัยเด็กๆเคยทำหมดแล้ว ทั้งตนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยทหารด้วยกัน พร้อมกล่าวกับกำลังพลด้วยว่า วันนี้ในนามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รู้จักหรือไม่ ก่อนกล่าวอีกว่า มีทหารไว้ทำอะไร ไว้ช่วยเหลือประชาชนไง
จากนั้นนายกฯเดินพบปะชาวบ้านที่ให้กำลังใจและมอบดอกไม้ให้ โดยนายกฯกล่าวว่า รักทุกคน ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ขอบคุณ ขอบคุณ และขอบคุณ ช่วงหนึ่งนายกฯถามชาวบ้านว่า สู้ไม่สู้ โดยชาวบ้านตอบว่า สู้ๆ นายกฯจึงกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “สิงห์บุรี สู้ๆ สู้ไปด้วยกัน สู้ไปกับนายกฯ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ได้ใช้รถตู้ Toyota Alphard สีดำ เลขทะเบียน กง 44 สิงห์บุรี
‘บิ๊กตู่’ ตรวจพนังกั้นน้ำวัดเฉลิมมาศ สั่งเร่งซ่อมหลังพบพังมาหลายปี เก็บแรงหนุนชาวสิงห์บุรี กลับไปเป็นแรงใจทำงาน ฝากพวกด้อยค่าศาลาไทยโชว์งานเอ็กซ์โปร 2020 แค่ไม่ชอบ’นายกฯ’ก็ด้อยค่าทุกเรื่อง
จากนั้น เมื่อเวลา 14.30 นายกฯและคณะเดินทางไปตรวจสภาพพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณวัดเฉลิมมาศ โดยนายกฯสักการะพระพุทธรูปหลวงพ่อขาว ก่อนจะร่วมสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสวัดเฉลิมมาศ โดยเจ้าอาวาสมอบพระพุทธหลวงพ่อขาวจำลอง ให้กับนายกฯและรัฐมนตรี จากนั้น นายกฯรับฟังรายงานสถานการณ์จากเจ้าหน้าที่ พร้อมกำชับว่า ขอให้ส่งให้ทันน้ำเข้า ไหวหรือไม่ ให้น้อยที่สุดอย่าให้ท่วมขังนาน ก่อนจะเดินไปตรวจพนังกั้นน้ำ
นายกฯ กล่าวว่า ตนได้ฟังการชี้แจงจากนายกเทศบาล และกรมโยธาและผังเมือง และรัฐมนตรี ว่าทุกอย่างเราอยู่ในกระบวนแก้ปัญหาโดยเฉพาะการรั่วซึม ระยะทาง 2 กิโลเมตร ซึ่งรัฐบาลก็มีงบประมาณให้ไปแล้ว จะเร่งรัดดำเนินการ เพราะรั่วตรงหัวเสาพนังกั้นน้ำ ที่ชำรุดมาตั้งแต่ปี 2552 นี่คือสิ่งทีเราต้องพัฒนา และเราก็มีจุดที่ได้รับความเดือดร้อนอยู่หลายที่ รัฐบาลจะเร่งรัดดำเนินการ ขอให้เข้าใจรัฐบาล ตรงไหนที่แก้ได้ก็แก้ก่อน ตรงไหนที่ต้องรองบประมาณ แผนงานก็ต้องงทยอยทำ วันนี้ตนเห็นระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาก็เริ่มนิ่ง หวังว่าจะลดความเดือดร้อนโดยเร็วที่สุด มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีรับเรื่องไป ต้องบูรณาการทุกหน่วยงานและข้ามจังหวัดด้วย เพราะพื้นที่ภาคกลางของเรา มีทั้งพระนครศรีอยุทยา และอ่างทอง ที่เป็นเครือเดียวกัน
“ก็เป็นห่วงเป็นใย วันนี้ดห็นสถานที่บางพื้นที่เคยน่ำท่วม ซึ่งพื้นที่เศรษฐกิจก็มีอยู่นอกพนังกั้นน้ำ ซึ่งรัฐบาลจัดงบประมาณให้แล้ว 400 กว่าล้านบาทเพื่ทำพนังกั้นน้ำเพิ่มเติม โดยมีสทนช.ทำแผนร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ต้องดูทั้งเศรษฐกิจ น้ำท่วม โควิด ปัญหาเราเยอะแยะ ก้ต้องแก้ไปนายกฯยืนยันว่าด้วยแรงสนับสนุนจากพวกเราวันนี้ นายกฯจะกลับไปและมีกำลังใจ ในการที่จะทำต่อไปให้ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆเป็นคำมั่นที่ให้ไว้ต่อกันระหว่างเราและภาคประชาชนทุกคน”นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ศาลาไทย ของประเทศไทย ที่ร่วมแสดงในงานเวิล์ดเอ็กซ์โปร 2020 ที่จัดขึ้นที่นครดูไบเป็นที่นิยมมาก มีนักท่องเที่ยวมากมาย นายกฯ กล่าวว่า” ผมทราบอยู่แล้ว และทราบดี แต่มีคนที่ไปด้อยค่าอยู่ ก็ไปตามดูละกันข้อเท็จจริงมันคืออะไร วันนี้คนเข้าคิวชมกันเท่าไหร่แล้ว วันนี้ก็มีออกข่าวไป ที่ผ่านมาได้รับความสนใจไปเท่าไหร่ คนรอเข้าคิวกันวันละเท่าไหร่ วันนี้เข้าไปชมกันกี่คนแล้ว คนที่อาจจะไม่ชอบนายกฯเป็นการสวนตัว เขาพยายามด้อยค่าทุกเรื่องแหละ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี