"อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร"ขอบคุณหนุนนั่งที่ปรึกษา ยันไม่ใช่นักการเมือง ตั้งเป้าปฏิรูป ‘การศึกษา-เทคโนโลยี -ซอฟต์พาวเวอร์’ ตอบปมนั่งแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ขอฟังเสียงตอบรับของคนในพรรคก่อน และให้เป็นเรื่องอนาคต ยอมรับพ่อยังหวังได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง
28 ต.ค.64 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น พรรคเพื่อไทยจัดประชุมใหญ่สามันประจำปี 2564 ภายใต้แคมเปญ “พรุ่งนี้เพื่อไทย เพื่อชีวิตใหม่ของประชาชน” โดยมีวาระสำคัญ คือการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค และเลือกตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ชุดใหม่ โดยมีสมาชิกเข้าร่วมจำนวนมาก
โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นปราศรัยพร้อมประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค ระบุว่า เพื่อเปิดทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาทำหน้าที่ต่อ และจะนำประสบการณ์ไปช่วยสนับสนุนทิศทางและยุทธศาสตร์ของพรรคต่อไป และเชื่อว่า พรรคจะนำความหวังที่เป็นจริง อนาคตที่สดใส และความเชื่อมั่นของประชาชนมาสู่ประเทศไทยในอนาคตให้สมบูรณ์ มั่นคง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยต้องร่วมกันต่อสู้ประชาธิปไตยอีกครั้ง เพื่อมุ่งพัฒนาอนาคต พร้อมย้ำว่า ไม่ได้แย่งชิงอำนาจแต่จะคืนความยุติธรรมให้กับประชาชน เพื่อปลดทุกข์ให้กับประชาชน เชื่อมั่น พรรคพร้อมที่จะเอาชนะความท้าทายสิ่งต่างๆ เพราะพรรคยังได้รับความไว้วางใจตลอดมา พร้อมยืนยันว่า ไม่เคยมีใครกดดันหรือบังคับให้ลาออกจากตำแหน่ง แต่ตั้งใจไว้นานแล้วที่จะเปลี่ยนผ่านการทำหน้าที่ให้กับคนรุ่นใหม่ และการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่องานทั้งในและนอกสภาแน่นอน และถือเป็นการเตรียมความพร้อมรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในอนาคต
จากนั้นมีการเปิดตัวนางสาวแพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะเข้ามานั่งเป็นประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตรกรรม โดยนางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ตำแหน่งนี้มีหน้าที่เชื่อมต่อรุ่นสู่รุ่นให้เข้าใจกัน ทั้งความคิด วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม จึงอยากเข้ามามีส่วนร่วมผลักดันให้ทุกคนมีโอกาส มีความหวัง และทำให้ความฝันเป็นจริง พร้อมตั้งเป้าปฏิรูป 3 ด้าน คือ 1.การศึกษาเพราะมองไทยยังด้อยกว่าประเทศอื่น 2.ปฏิรูปเทคโนโลยี เพราะมองเป็นสิ่งจำเป็น 3.ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ เช่น สนับสนุนเสรีภาพทางความคิด ส่งเสริมศักยภาพ และสร้างกรอบความคิด ความเชื่อ หรือทัศนคติว่าโลกทั้งใบคือโอกาส เพื่อให้ตามทันเทคโนโลยีและสร้างศักยภาพให้เต็มที่
“ขอบคุณที่สนับสนุนให้เป็นที่ปรึกษา ถึงแม้ไม่ใช่นักการเมือง ในฐานะคนไทยและลูกของนายทักษิณ ที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านก็ปรารถนาอย่างมากที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ” น.ส.แพทองธาร กล่าว
ต่อมาน.ส.แพทองธาร ในฐานประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้ามานั่งเป็นที่ปรึกษาว่า ตั้งใจเข้ามานั่งปฎิรูป 3 เรื่อง 1. การศึกษา 2.เทคโนโลยีและส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นความคิดและไอเดียที่เสนอให้พรรค ได้ไปทำงานต่อเป็นกลุ่มเป็นทีม
เมื่อถามว่ามาทำงานในฐานะการเมืองใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่เป็นนักการเมืองแต่เป็นที่ปรึกษาพรรคและจะมาทำด้วยความตั้งใจอย่างเต็มที่มาด้วยหัวใจที่อยากจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่ได้มีโอกาสมากขึ้นกว่านี้
เมื่อถามย้ำว่ามีโอกาสที่จะทำงานการเมืองต่อหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอเป็นที่ปรึกษาพรรค และจะทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด พูดเลยว่านี่คือก้าวแรกที่ได้มาเป็นที่ปรึกษาก็ยังตื่นเต้น ก็กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ขอทำตรงนี้ให้ดีที่สุด อย่างอื่นไว้ว่ากันทีหลัง
เมื่อถามว่าสำหรับการเปิดตัวในวันนี้มีถูกมองว่าเหมือนเป็นตัวแทนของทักษิณที่กลับมาทำงานพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหน ก็แยกภาพตนเองกับนายทักษิณออกจากกันไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจากมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกกัน และการตัดสินใจครั้งนี้ได้พูดคุยกับนายทักษิณกันอยู่แล้ว และการมาในฐานะที่ไม่ใช่นักการเมืองรู้สึกสบายใจมากกว่าและคิดว่าสามารถทำได้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ยังไม่พร้อมที่จะทำงาน
เมื่อถามว่าอนาคตหากถูกเสนอชื่อให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคิดว่าสามารถทำได้หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “ยังค่ะ คิดว่าขอดูตรงนี้ก่อนและฟังเสียงตอบรับของคนในพรรค” เมื่อถามย้ำว่าหากเสียงตอบรับดีจะเป็นแคนดิเดตหรือไม่ กล่าวว่า ตอนนั้นให้มาสัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี