เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 เวลา 08.40 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัว อุ๊งอิ๊ง หรือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัฒกรรม พรรคเพื่อไทย (พท.) คิดว่าจะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเกิดมิติใหม่ขึ้นหรือไม่ ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทุกอย่างต้องมีพลวัต ต้องมีคลื่นลูกใหม่มาทดแทนคลื่นลูกเก่า ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะที่พรรคพท.ปรับเปลี่ยนมาแต่ละคนนั้น ต่างก็มีคุณสมบัติที่ดี มีการศึกษาที่ดีจะได้มาทำงานช่วยกันเพื่อบ้านเมือง ตนไม่มีปัญหาเพราะมองเป็นบวก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าเป็นคู่แข่งของพรรคภท.ในการเจาะพื้นที่ต่างๆหรือไม่  นายอนุทิน กล่าวว่า ของภท.มีรัฐมนตรีถึง 6 คนก็อยู่แล้ว ไม่แข่งกับใครเราก็อยู่ของเราอย่างนี้

เมื่อถามว่า พรรคภท.จะต้องปรับยุทธศาสตร์ในภาคอีสานอย่างไรเมื่อพรรคพท.ปรับโครงสร้างเช่นนี้ นายอนุทิน กล่าวว่า ที่สำคัญที่สุดคือ พรรคจะต้องมีนโยบายที่จะทำให้ประชาชนเชื่อว่าเราเข้าไปดูแลปากท้องเขาได้ ดูแล สารทุกข์สุกดิบของเขาได้และผู้สมัครเองก็ต้องขยัน เข้าถึงใจประชาชนให้ได้ การเมืองก็อยู่ตรงนี้ คือต้องทำงานให้กับประชาชน ให้ประชาชนมั่นใจ และไม่ว่าอะไรก็ตามก็จบตรงนี้ เราได้รับความไว้วางใจจากประชาชนหรือป่าว เพราะนั้นคือคำตอบ

“พรรคภท.ก็ได้แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งในการปรับโครงสร้าง ตั้งแต่หัวหน้าพรรคร่วมไปถึงทุกๆพรรคทั้งผู้ที่เข้ามาใหม่และดำรงอยู่ก่อน เราก็แสดงความยินดี เพราะทำงานการเมืองด้วยกันคนละบทบาทเท่านั้นเอง ไม่ได้มีอะไรที่เกลียดชั่งกัน หรือเครียดแค้นกันเป็นการส่วนตัว เพราะทุกคนทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองทั้งนั้น คณะรัฐมนตรีก็ทำงานเพื่อประชาชน ฝ่ายค้านก็สามารถตรวจสอบและอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเราต้องรับฟังทุกคำอภิปรายและตอบชี้แจงให้ได้ นี้คือต่างคนต่างทำหน้าที่และมีบ้างที่ต้องดุเดือดกันในสภา ไม่เช่นนั้นก็จะดูเหมือนซูเอี๋ยกัน แต่อย่างไรก็ตามในเรื่อองของความเป็นมิตรเป็นคนรู้จักกัน เห็นใครได้ดีเราก็ ชื่นชมยินดีปรีดาปราโมทย์ไปด้วย” นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลานี้ภท.มองว่าพท.เป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งในพื้นที่ภาคอีสานหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “ผมไม่มีคู่แข่ง แข่งกับตัวเองเท่านั้น จริงๆเกิดมาในชีวิตนี้ก็ไม่เคยคิดว่าจะแข่งกับใคร ทำตัวเองให้ดีอยากได้อะไรอยากทำอะไรก็พยายามทำตัวเองให้สุดความสามารถให้มีศักยภาพที่จะไปประสบกับสิ่งนั้นๆ ซึ่งผมเป็นคนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่ได้มองเลยว่าเป็นการแข่งขันใดๆทั้งสิ้น” นายอนุทิน กล่าว

- 004