แต่ละอาชีพ มักมี “คำคม” แสดงความสำคัญของอาชีพของตน เพื่อเป็น “กำลังใจ” ให้ผู้ยึดถืออาชีพนั้นๆ เห็นความสำคัญในเส้นทางที่ตนเลือก
ในวงการสถาปัตยกรรม มีคำกล่าวแหลมคมชวนให้คิด
“อาชีพสถาปนิก นักออกแบบ มีความสำคัญกว่า “หมอ” เพราะหมอ คุณไปหาเมื่อป่วย แต่ “สถาปนิก” สามารถทำให้คุณป่วย (ทางใจ) ได้ทุกวัน จาก “ผลงานเลวๆ” ที่คุณพานพบทุกวัน..”
“ทรรศนะอุจาด” หรือ มลภาวะทางสายตา (Visual Pollution) เป็น “ศัพท์” ที่บัญญัติขึ้นโดย รองศาสตราจารย์ แสงอรุณ รัตกสิกร แห่งภาวิชา สถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (2465-2522) หรือที่ลูกศิษย์ลูกหานิยมเรียกกันว่า “อาจารย์แสง” และลูกศิษย์ลูกหาที่เก่งกาจ สามารถตั้ง “สถาบัน” ดีๆ เพื่อสังคมมักจะเลื่อมใสศรัทธาเอาชื่อ “แสงอรุณ” ไปผูกติดด้วย ให้เกียรติอาจารย์ว่าเป็นผู้ “จุดประกาย”
“อาจารย์แสง” เป็นอาจารย์คณะสถาปัตย์ จุฬาฯ ที่มีฝีมือทั้งการออกแบบ การสเก็ตช์ภาพ อย่างฉับไว สอนสนุก ฯลฯ
ยกย่องกันว่าอาจารย์เป็น “นักบรรยาย” ในเรื่องการอนุรักษ์ศิลปกรรม ต้นไม้ ลำธาร ป่าเขาลำเนาไพร และด้วยฝีมือทางการถ่ายภาพ การบรรยายประกอบภาพ (Slide Presentation) ของ “อาจารย์แสง”จึงน่าสนใจ ด้วยความรู้ ประสบการณ์ และ “ภาษา” ที่อาจารย์พรรณนาที่ลูกศิษย์ลูกหาติดใจ คือ “ความกล้าหาญ” ของอาจารย์
อาจารย์แสงอรุณ กล้าวิจารณ์ งานสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม สิ่งแวดล้อม ในบ้านเมืองเราอย่างตรงไปตรงมา เสียดสีอย่างแหลมคม
เรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การรักต้นไม้ใบหญ้า “อาจารย์แสง” ไม่เพียงแต่ “พูดไปตามบท” หากได้แสดงตัวอย่าง “ความรักและหวงแหนต้นไม้ให้ปรากฏในหลายที่ บ่อยครั้งที่ขับรถผ่านและเห็นต้นไม้ใหญ่เก่าแก่อายุร่วมร้อยปี อาจารย์จะหยุดรถและเจรจาขอซื้อที่ดินที่มีต้นไม้ดังกล่าวปลูกอยู่ เพียงเพื่อรักษา “ต้นไม้”ไม่ให้ถูกทำลาย
“อาจารย์แสงอรุณ” ทันเห็นการขยายตัวทางการค้าและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงในประเทศไทย การปลุกระดมในการสร้างฐานะทางเศรษฐกิจได้มีอย่างกว้างขวาง ทำให้เราส่วนใหญ่เห็นว่า ความดี สูงสุดของชีวิต คือความเป็นคนมีเงิน คนรวย เมืองทั้งหลายของเราดูจะมีจุดมุ่งหมายที่จะสร้างเพื่อเป็นแหล่งดึงดูดเงิน และมรรควิธีที่นักธุรกิจการเงินส่วนใหญ่ของเราคิดว่าจะได้ผลดี ได้นำมาใช้ ก็คือ มรรควิธีแบบการค้า การจับใจ “การชิงเด่น” ยิ่งเด่นดังเท่าไร จะทำให้ได้เงินมากเท่านั้น
เป้าหมายของบ้านเมืองในแบบที่กล่าวมานี้ ได้พิสูจน์ชัดเจนทุกขณะแล้วว่าเป็นทางที่ผิด
เมืองพัทยาคงจะพอเป็นตัวอย่างไว้ว่า “ล้มเหลว”สกปรกเพียงไร และนักทัศนาจรที่มีรสนิยมและสติปัญญา หลีกเลี่ยงเมืองนี้..”
พัทยาเป็นตัวอย่างเล็กๆ เมืองหนึ่งที่ คนมีฐานะต้องการสร้างความมั่งคั่งให้ตนเองโดย “วิธีของคนไร้รสนิยม” ทำลายสภาพแวดล้อมธรรมชาติของบ้านเมือง มรดกวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์สูญสลายไป
โชคดีที่ “อาจารย์แสงอรุณ” ถึงแก่อนิจกรรมไปก่อน(ตุลาคม พ.ศ.2522) เพราะวิธีของ “คนรวยที่ไร้รสนิยม”แพร่ไปทุกเมือง เกิดทรรศนะอุจาดไปทุกเมือง
อาจารย์สถาปนิกชื่อดังอีกท่านคือ อาจารย์ชัยยาพูนศิริวงศ์ เมื่อเห็นการก่อสร้างอาคารสูงทั่วกรุงเทพมหานคร เริ่มขึ้นโดยไม่มีการใช้ “กฎ กติกา มารยาท” อดออกปากไม่ได้ว่า...
“ตอนนี้ เหมือนเรากำลังปรุงแกงหม้อหนึ่ง หม้อแกงกำลังเดือด แต่คนแกงยังไม่รู้ว่าจะแกงอะไรในมือในครัวมีอะไรก็จับโยนเข้าไปในหม้อแกง...”
เป็นคำวิจารณ์ที่แหลมคมของสถาปนิก นักผังเมืองมือดี ( Liver Pool - Harvard) อดีตผู้ว่าฯเมืองเชียงใหม่ (2523-30) สร้างสรรค์ “ผลงาน” สร้าง “บ้านแปงเมือง” ด้วยความรู้ทาง “สถาปัตยกรรม” มากกว่า “พาณิชยกรรม” ด้วย
“อาจารย์แสง” ทำตัวเป็น “หมอ” ให้ความรู้ทางสุขภาพจิต
“ความสงบเป็นสิ่งสำคัญแก่ชีวิตมนุษย์ ความสงบทางสายตามีความสำคัญเท่าๆ ความสงบทางหูและทางกาย
ความสงบทำให้ชีพจรของเราสม่ำเสมอ มีความปกติ รูปแบบของบ้านเมืองทั้งหมด ควรวางเป้าหมายในทางไม่เร่งเร้าอารมณ์”
เราเป็นเมืองพุทธ ถ้าจะนำปรัชญาพุทธศาสนามาใช้ในการสร้างบ้านเมือง ควรต้องใช้ “ธรรมชาติ” เป็น “พระเอก” มิใช่ “มนุษย์” หรือ “อาคาร”
ความร่มเย็น ความสะอาดมัธยัสถ์ ความสงบ ทำให้ “บ้านเมือง” น่าอยู่ จะเป็นกรุงเทพมหานคร หรือ สุไหงโก-ลก หรือ แม่ฮ่องสอน
มิใช่เอะอะอะไรก็สร้าง “ศูนย์การค้า” รื้อทุบทิ้ง “ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์” รื้อทุบทิ้งโรงเรียนเตรียมทหาร รื้อทุบทิ้ง “หัวลำโพง” ฯลฯ
กฤษณ์ ศิรประภาศิริ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี