วันพฤหัสบดี ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
บทความพิเศษ : การยกเว้นวีซ่าแก่จีนที่ไม่คุ้มค่าและอันตราย

บทความพิเศษ : การยกเว้นวีซ่าแก่จีนที่ไม่คุ้มค่าและอันตราย

วันอาทิตย์ ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2568, 07.15 น.
Tag : บทความพิเศษ
  •  

สืบเนื่องจากรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ประกาศยกเว้นการตรวจลงตราหรือวีซ่าแก่จีนให้ฝ่ายเดียวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2566 และประเทศต่างๆ อีกมากเป็นการชั่วคราว และต่อมาทำความตกลงทวิภาคีไทย-จีน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 ด้วยเหตุผลเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศไทย หลังจากที่ไทยประกาศยกเว้นวีซ่าแก่สหรัฐฯแคนาดา ประเทศตะวันตกจำนวนมาก ที่เรียกว่า ผ่อนผัน30 วัน (ผ. 30) ตั้งแต่ช่วงสงครามเย็นมาช้านาน

ไทยมีความคุ้นเคยเป็นมิตรกับต่างชาติเพราะมีอัธยาศัยที่ดี มิเคยเป็นอาณานิคมของตะวันตก รอดพ้นจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนามแม้ว่า
จะเป็นฝ่ายผู้แพ้ ส่งผลให้มีอุปนิสัยใจคอและลักษณะประจำชาติที่เป็นเอกลักษณ์


ไทยคาดหมายมากจากการท่องเที่ยวของคนต่างชาติ เพื่อเป็นเครื่องจักรหลัก คือ ต่ำกว่าร้อยละ 9 ของจีดีพี ขึ้นอยู่กับจำนวนคนและรายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาการเจริญเติบโตของจีดีพีลดลงต่ำกว่าร้อยละ 3 คือต่ำสุดในอาเซียน ขณะที่การส่งออก เครื่องจักรอีกตัวหนึ่ง คือร้อยละ 65 การเจริญเติบโตอยู่ในระดับต่ำเกือบจะติดลบ อาการไม่น่าไว้ใจ ส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำ อย่างไรก็ดี ไทยมีโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจที่เข้มแข็งเป็นทุนอยู่แล้ว แต่น่าจะต้องปฏิวัติวิธีการจัดการและประยุกต์ใช้วิทยาการที่ทันสมัยยิ่ง อนึ่ง ระบบการเมืองที่เป็นเสรีนิยมในระดับหนึ่งยังเป็นปัจจัยบวก

เป็นที่น่าสังเกตว่า รัฐบาลปัจจุบัน นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งถนัดกับการแจกเงินโอนเงินแก่ผู้มีความเปราะบาง ผู้สูงอายุ ในแนวทางป๊อปปูลิสม์เพื่อเบนความสนใจ เมื่อไม่นานนี้ นำเสนอข้อดำริที่จะทำ “เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์” ในด้านต่างๆ ขณะที่ผู้วิจารณ์เตือนถึงการมีกาสิโนเสรีแอบแฝง นัยว่า เพื่อดึงดูดให้เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยจำนวนมากขึ้นได้เล่นได้มีความบันเทิง ซึ่งนั่นเป็นข้อกล่าวหาที่น่ากลัว เพราะว่ามีคนห่วงกังวลว่าประชาชนชาวไทยจำนวนหนึ่งนิยมเล่นการพนัน แต่ยิ่งเล่นยิ่งจน การพนันขันต่อพัฒนาขึ้นจากกัดปลา ตีไก่ เล่นหวย ลอตเตอรี่ พนันออนไลน์จากกีฬาสารพัดประเภท รัฐบาลเหมือนไม่ทราบนิสัยก็ออกลอตเตอรี่รูปแบบใหม่ขึ้นมาเนืองๆ

การที่รัฐบาลชุดก่อนถึงชุดปัจจุบัน ซึ่งก็มาจากโครงสร้างพรรคกลุ่มเดียวๆ กัน ส่งเสริมการยกเว้นวีซ่าแก่คนจีน เพื่อให้มาท่องเที่ยวในไทย เป็นการตัดสินใจที่
ไม่รอบคอบ ผิดพลาด อันตรายต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยเหตุผลต่างๆ ดังนี้

1.ตลาดและทรัพยากรการท่องเที่ยว ศักยภาพยังไม่พร้อม ทัวร์ศูนย์เหรียญเป็นผลลัพธ์มิใช่รายได้ของประชาชนและอุตสาหกรรมในไทย ขณะเดียวกัน รัฐขาดรายได้จากค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราและอื่นๆ ที่พึงมีพึงได้ ซึ่งแท้จริงควรปรับปรุงให้สูงขึ้นตามยุคสมัยได้

2.ความไม่รอบคอบ คือ ยังมิได้วางระบบหรือมาตรการบันทึกการเข้าเมืองที่เป็นมาตรฐานชัดเจนและสมบูรณ์ ดังเช่นกล่าวกันว่า ซอฟต์แวร์ข้อมูลเต็มในที่ประชุม
ของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร กับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมื่อเร็วๆ นี้ ดังนั้น จึงมีคนเข้าเมืองอยู่นอกระบบการจัดเก็บข้อมูลนับ 17 ล้านคนเหล่านี้ชวนให้สงสัยว่า เราเก็บข้อมูลบรรดาแรงงานต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านได้ครบถ้วนเพียงไรหรือไม่ด้วย เพราะทุกวันนี้ เรามีทั้งนักท่องเที่ยว ผู้รับจ้างทำงานผู้แอบลักลอบทำงานทั้งถูกกฎหมาย ผิดกฎหมาย ยาเสพติดอาชญากรรมข้ามชาติมหาศาล แต่เรามีความตั้งใจมั่นไหมมีงบประมาณ ทรัพยากร กำลังพลบังคับใช้กฎหมายเพียงพอไหม

3.ความผิดพลาดและมิได้วางแผนไว้ก่อน กล่าวคือ ประเทศที่พัฒนาแล้ว จะวางแผนไว้ล่วงหน้าว่า จะยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศใด ประเทศนั้นจะยกเว้นเป็นการตอบแทนไหม หรือว่า คนไทยนิยมหรือประสงค์เดินทางไปประเทศนั้นๆ หรือไม่ เช่น เมื่อไทยทำความตกลงยกเว้นวีซ่ากับรัสเซีย เมื่อสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร (ขณะนั้น) ปี ก็ไม่ทราบว่ารัฐบาลนั้นต้องการอะไรแท้จริง เพราะคนรัสเซียเข้าประเทศไทยจำนวนถึง 1.47 ล้านคน ขณะที่คนไทยไปรัสเซียมีจำนวนเพียง 71,095 คน จากสถิติเมื่อปี 2561 หรืออีกตัวอย่าง คือ ขณะที่ไทยยกเว้นวีซ่าแก่คนจีนเมื่อปี 2566 นั้น ไทยก็มิได้ขอยกเว้นฯ ต่างตอบแทน หรือถึงจะขอไป จะมีคนไทยเดินทางไปจีนจำนวนมากไหม ดูเหมือนว่าคนไทยนิยมเดินทางไปอเมริกาและยุโรปมากกว่า ซึ่งเขามิได้ยกเว้นวีซ่าให้คนไทยแต่อย่างใด

4.หนักที่สุดคือ ความมั่นคงแห่งชาติ เพราะหมายถึงเสถียรภาพและความปลอดภัยภายในประเทศ แม้จะดูเป็นมิตรแต่เราต้องระลึกว่า เราและจีน ต่างมีลัทธิอุดมการณ์ต่างกันสิ้นเชิง เขามีประชากร ณ ครั้งหนึ่งมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก เศรษฐกิจใหญ่อันดับสอง มีอิทธิพลทางการเมืองเศรษฐกิจการค้าเหนือประเทศเพื่อนบ้านของเราเหมือนเป็นมณฑลหนึ่งของจีน ขณะนี้ การยกเว้นวีซ่าระหว่างกันทำให้เราและเขาแทบจะควบคุมการไปมาหาสู่กันหรือปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติมิได้ หรือทำได้แต่ไม่ดีเท่าที่ควร

ช่วงที่ผ่านไป มีการระบาดของปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เพราะเทคโนโลยีทำให้อาชญากรรมข้ามไปสู่ชาติต่างๆ ง่ายขึ้นรวดเร็วขึ้น รัฐบาลจีนก็คุมไม่อยู่ รัฐบาลไทยก็คุมไม่อยู่ สังเกตได้จากการวิ่งตามจับกุมในคดีต่างๆ ระงับกระแสไฟฟ้าการส่งสัญญาณเครือข่ายตามแนวชายแดนและการระบาดของภัยจากอาชญากรรมไซเบอร์

ข้าพเจ้าเป็นนักการทูตมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เรียนหนังสือและทำงาน บัดนี้ พ้นวัยทำงานเต็มเวลา แต่ก็ใคร่ขอเสนอแนะต่อผู้มีอำนาจหน้าที่พิจารณา ดังนี้

ประการแรกที่สุด ถึงเวลาที่เราต้องขอทบทวนและเหยียบเบรกต่อการบังคับใช้ความตกลงยกเว้นวีซ่ากับจีนและประเทศต่างๆ ที่มีปัญหาการเข้าเมือง การลักลอบประกอบอาชีพโดยผิดกฎหมาย การตั้งแก๊งอิทธิพล อาชญากรรมข้ามชาติ หรือกับประเทศที่ไม่ได้มีการปฏิบัติต่างตอบแทน (คือ ไทยให้แต่ฝ่ายเดียวมาตลอด) หรือ กับประเทศที่คนไทยมิได้เดินทางไปเลย คือไทยเสียเปรียบ แล้วมาเริ่มต้นใหม่ เพราะการพิจารณาตรวจลงตราระหว่างกันเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยควบคุมขอบเขตการติดต่อ
กลั่นกรอง บันทึกการเดินทางและผู้เดินทางเข้า-ออก ดูเผินๆอาจเหมือนอำนาจนิยม แต่ในเมื่อการเดินทางเสรีได้สร้างปัญหาขึ้นมาก ก็ต้องกลับมานับหนึ่งกันใหม่ อัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรามิใช่ประเด็นสำคัญ ผู้เดินทางชำระได้ไม่ยาก เพราะไม่สูงนัก เราไม่ต้องไปคิดแทนเขา นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทย เพราะเศรษฐกิจอาชีพมั่นคง ความปลอดภัย ไม่ถูกทำร้ายหรือถูกลักพาโดยพวกคอลเซ็นเตอร์ เรื่องค่าวีซ่ามิใช่ประเด็นใหญ่การพิจารณาตรวจลงตราของประเทศสำคัญๆ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา ตะวันตกทั้งหลายกลั่นกรองละเอียดยิ่งนัก คนไทยยังอยากเดินทางไปคนจีนก็อยากไป แม้มีค่าใช้จ่ายสูง การยุติการให้การยกเว้นวีซ่าแก่ประเทศใหญ่ๆ เช่น จีน รัสเซีย น่าจะช่วยการปราบปรามปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติต่างๆ รวมทั้งคอลเซ็นเตอร์ การตั้งแก๊งอิทธิพลที่กำลังระบาดหนักในไทย

ประการที่สอง การเสนอให้กลับมาใช้วีซ่าอนุมัติการเข้าประเทศเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการไหลบ่าหลั่งไหลของคนจีนและคนต่างด้าวบางสัญชาติเป็นบ่อเกิดแห่งปัญหาและเป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลและราชการจำต้องมีสมาธิและวางแผนที่ดีรับมือกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาตินานับประเภท เราสามารถยุติบังคับใช้กฎหมาย ข้อตกลงและนโยบายที่มีจุดโหว่บกพร่องได้

ประการที่สาม ไทยและทุกประเทศที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องเข้าใจว่า นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเมื่อเศรษฐกิจธุรกิจบ้านเมืองของตนมั่นคงรุ่งเรืองอยู่ดีกินดีเพียงพอ แหล่งท่องเที่ยวมีเสถียรภาพ ปลอดภัยจากการก่อการร้าย การถูกจับจ้องเรียกค่าไถ่ ภัยพิบัติ การต่อต้านชาวต่างชาติ หรือการรุมโทรมนักท่องเที่ยวหญิงมีความสะดวกสบายน่าท่องเที่ยว อาจไม่จำเป็นที่ต้องยกเว้นวีซ่าเพราะทุกคนมีที่ต้องชำระค่าธรรมเนียมอยู่แล้ว อีกทั้งระยะเวลาการอนุญาตเข้าประเทศก็ไม่จำเป็นต้องเปิดกว้างถึง 60 หรือ 90 วัน เพราะเขาต้องประกอบอาชีพ มีกิจธุระต้องทำ มีประเทศอื่นๆ ต้องไปท่องเที่ยว ดังจะเห็นได้ว่า บัดนี้ หลังจากมีการยกเว้นฯ มาเพียง 1 ปีเศษ มีเสียงทักท้วงร้องเรียนปัญหามามากมายเพียงแต่ผู้มีอำนาจหน้าที่ต้องเปิดใจให้กว้างรับฟัง

ปัญหาที่สี่และสำคัญยิ่งขณะนี้ รัฐบาลต้องรวบรวมสมาธิจากปัญหาสัพเพเหระ เพื่อมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องเร่งด่วน ปัญหาการส่งออก ปัญหาการจะถูกตอบโต้จากประเทศมหามิตรที่มุ่งกีดกันปกป้องทางการค้าก็ดี การทุ่มตลาดสินค้าสำคัญ สินค้าราคาถูกที่จะทำลายการผลิตและธุรกิจภายในประเทศ การเข้ากว้านซื้อธุรกิจสำคัญและทุกอย่างในประเทศ การถอนฐานการผลิตและการลงทุนจากต่างประเทศออกจากประเทศไทย เป็นต้น

โดยสรุป บัดนี้รัฐบาลต้องแสดงความกล้าหาญทบทวนแก้ไขข้อผิดพลาด รวบรวมปัญญาสมาธิวางแผนแก้ไขปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ
หากทำได้และทำได้ดี ก็จะได้ชื่อว่าเป็นรัฐบาลของประชาชนนำพารัฐนาวาหลบเลี่ยงออกจากกรงเล็บมังกรที่กำลังผลักเข้าเป็น “มณฑลใหม่” ของมหามิตรในภูมิรัฐศาสตร์ใหม่

*คมกริช วรคามิน นักการทูตและผู้ประพันธ์หนังสือ Déjà vu : A Diplomat’s Memoir (2024)

คมกริช วรคามิน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • บทความพิเศษ : ถาม-ตอบ ทุกประเด็นคาใจ  ไขข้อสงสัยกรณี ทรูไอดี VS อ.พิรงรอง บทความพิเศษ : ถาม-ตอบ ทุกประเด็นคาใจ ไขข้อสงสัยกรณี ทรูไอดี VS อ.พิรงรอง
  • บทความพิเศษ : ประชาธิปไตย แบบไทยคิด บทความพิเศษ : ประชาธิปไตย แบบไทยคิด
  • บทความพิเศษ : เรามาคิดวิธีสรรหานายกรัฐมนตรี  กันใหม่ จะดีไหม (4) บทความพิเศษ : เรามาคิดวิธีสรรหานายกรัฐมนตรี กันใหม่ จะดีไหม (4)
  • บทความพิเศษ : เรามาคิดวิธีสรรหานายกรัฐมนตรี  กันใหม่ จะดีไหม (3) บทความพิเศษ : เรามาคิดวิธีสรรหานายกรัฐมนตรี กันใหม่ จะดีไหม (3)
  • บทความพิเศษ : เมื่อผมถูกน้ำท่วม อยู่ถึง 2 เดือน บทความพิเศษ : เมื่อผมถูกน้ำท่วม อยู่ถึง 2 เดือน
  • บทความพิเศษ : ก่อนที่งานจะปิดฉาก  แต่ชีวิตจะคงเดินต่อไป บทความพิเศษ : ก่อนที่งานจะปิดฉาก แต่ชีวิตจะคงเดินต่อไป
  •  

Breaking News

'ม็อบภูเก็ต'มาแล้ว! นัด 19 มิ.ย.รวมตัวไล่'คนขายชาติ'

พปชร.สวดยับ! ‘เทคนิคการเจรจา’หรือว่า‘ขายชาติ’ ประชาชนเป็นคนตัดสินเอง

‘กลุ่มราษฎรรักชาติ’ไม่ทน! นัดรวมพล 20 มิ.ย.ไล่‘อิ๊งค์’พ้นนายกฯ-จี้พรรคร่วมฯถอนตัว

หนุน‘รทสช.’ถอนตัวรัฐบาล ‘น้าเดช’ย้ำเคารพการตัดสินใจ‘พีระพันธุ์-เอกนัฏ’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved