แก้ยับ 2 ร่างกฎหมายเลือกตั้ง “กฤษฎีกา” กำหนดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบต้องแตกต่าง บัตรบัญชีมีชื่อ-โลโก้พรรค แก้บัตรเขย่งไม่ต้องนับหรือลงคะแนนใหม่ พร้อมเสนอสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีช่วยพรรคเล็ก แจ้ง กกต.เปิดรับฟังความเห็น ก่อนยืนยันกลับไปสำนักเลขาครม.ภายใน 5 วัน
18 มกราคม 2565 มีรายงานว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.(ฉบับที่..) พ.ศ. ... และร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง(ฉบับที่..) พ.ศ. .... ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสร็จสิ้นแล้ว และนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือลงวันที่ 17 มกราคม 2565 แจ้งมายังเลขาธิการกกต. ว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะพิเศษมีการแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ สมควรที่ กกต.จะได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็น วิเคราะห์ผลกระทบเพิ่มเติม และขอให้ กกต.แจ้งยืนยันความเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมายทั้ง 2 ฉบับที่ตรวจพิจารณาแล้วไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน 5 วันนับจากวันที่ได้รับร่างกฎหมาย พร้อมจัดทำรายงานผลการรับฟังความคิดเห็น รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากกฎหมายและแผนการจัดทำกฎหมายลำดับรองให้สอดคล้องด้วย
สำหรับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. (ฉบับที่..)พ.ศ. .... ที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจและยกร่างขึ้นใหม่นั้น มีทั้งสิ้น 32 มาตรา สาระสำคัญกำหนดให้มีส.ส.แบบแบ่งเขตจำนวน 400 คน ซึ่งเป็นการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งผู้สมัครเป็นรายบุคคลตามการแบ่งเขตเลือกตั้งที่กำหนดเขตละ 1 คน และมีส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 100 คนซึ่งเป็นการออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งบัญชีรายชื่อผู้สมัครที่พรรคการเมืองจัดทำขึ้นโดยเลือกเพียงพรรคการเมืองเดียวทั้งประเทศ
ทั้งนี้ ให้ กกต. ประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครแบบแบ่งเขต และของพรรคการเมืองที่จะใช้จ่ายในการเลือกตั้ง ในกรณีที่ผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองได้ใช้จ่ายไปเพื่อการเลือกตั้งเป็นจำนวนเท่าใดให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองด้วย และให้ กกต. หารือหัวหน้าพรรคและให้มีการทบทวนการกำหนดจำนวนเงินดังกล่าวให้สอดคล้องกับความจำเป็นสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างน้อยทุก 4 ปี
แก้ไขมาตรา 73 ให้การกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งครอบคลุมถึงผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง
การกำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบโดยการออกเสียงลงคะแนนให้ใช้บัตรเลือกตั้งส.ส. แบบละ 1 ใบ ซึ่งต้องมีลักษณะแตกต่างที่สามารถจำแนกออกจากกันได้อย่างชัดเจน บัตรเลือกตั้งแบบแบ่งเขตต้องมีช่องทำเครื่องหมายและหมายเลขไม่น้อยกว่าจำนวนผู้สมัครในเขตเลือกตั้งนั้น
ส่วนบัตรเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อต้องมีการทำช่องเครื่องหมายและหมายเลขของบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองและชื่อพรรคการเมืองพร้อมภาพเครื่องหมายพรรคการเมืองครบทุกพรรคที่ส่งสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
การแก้ไขปัญหาบัตรเขย่ง มีการกำหนดให้ในกรณีที่ผลการนับคะแนนปรากฏว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ออกเสียงลงคะแนน เมื่อกกต. ได้รับรายงานจากคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งให้สั่งให้มีการนับคะแนนใหม่หรือออกเสียงลงคะแนนใหม่ในหน่วยเลือกตั้งนั้น เว้นแต่ กกต.จะมีความเห็นว่าความไม่ถูกต้องตรงกันนั้นไม่ได้เกิดจากการทุจริตและไม่ได้ทำให้ผลการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้นเปลี่ยนแปลงไป จะสั่งให้ยุติก็ได้
การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กำหนดไว้ 4 ขั้นตอน
1. ให้นำคะแนนที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งทั้งประเทศมารวมกัน
2.หารด้วย 100 เพื่อให้ได้คะแนนต่อส.ส.บัญชี 1คน
3.นำคะแนนรวมจากการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ หารด้วยคะแนนเฉลี่ยต่อส.ส. 1 คน โดยให้ถือผลลัพธ์ที่ได้เฉพาะส่วนที่เป็นจำนวนเต็ม คือจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนั้นได้รับ
4.หากจัดสรรแล้วยังได้ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ครบ100คน ให้พรรคการเมืองที่มีผลลัพธ์ที่เป็นเศษโดยไม่มีจำนวนเต็มและพรรคการเมืองที่มีเศษหลังจากคำนวณในขั้นตอนที่ 3 พรรคใดมีเศษจำนวนมากที่สุดให้ได้รับจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออีก 1 คนเรียงตามลำดับจนกว่าจะมีจำนวนส.ส.แบบบัญชีรายชื่อครบ 100 คน
5.กรณีถ้าในลำดับใดมีเศษเท่ากันแล้วจะทำให้จำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อเกินจำนวน 100 คนให้ตัวแทนพรรคการเมืองที่มีเศษเท่ากันจับสลากเพื่อให้ได้ส.ส. บัญชีรายชื่อครบจำนวน และเมื่อกกต. ตรวจสอบแล้วมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งนั้นเป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรมให้ประกาศผลผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส. บัญชีรายชื่อให้แล้วเสร็จโดยเร็วแต่ต้องไม่ช้ากว่า 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง
ยกเลิกมาตรา 131ในพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.เดิม ที่กำหนดว่าภายใน 1 ปีหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป ถ้ามีการเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตใหม่เพราะเหตุการเลือกตั้งในเขตนั้นไม่สุจริตเที่ยงธรรมให้คำนวณจำนวนส.ส. บัญชีรายชื่อใหม่
นอกจากนี้ยังกำหนดในลักษณะของบทเฉพาะกาลว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส. 2561 ซึ่งมีอยู่ในวันก่อนวันที่พ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส.แก้ไขเพิ่มเติมนี้ใช้บังคับ ถ้ายังคงมีผลใช้บังคับต่อไปสำหรับการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปและการดำเนินการใดๆตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 ให้มีผลใช้บังคับได้กับการดำเนินการเพื่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นภายหลังวันที่พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.แก้ไขเพิ่มเติมนี้ใช้บังคับ
อย่างไรก็ตามการตรวจแก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวของคณะกรรมการกฤษฎีกามีการตัดหลายประเด็นที่ กกต.เสนอ อาทิ การลดเวลาการเลือกตั้งเหลือ 08.00-16.00 น. ระยะเวลาในการแบ่งเขตเลือกตั้ง 90 วัน วิธีการรับสมัครและการได้หมายเลขของผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
ส่วนร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีการตรวจและยกร่างใหม่รวม 5 มาตรา สาระสำคัญเป็นการแก้ไขมาตรา 51 เกี่ยวกับการสรรหาผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมือง โดยกำหนดให้คณะกรรมการสรรหากำหนดวันเวลาสถานที่ในการเสนอรายชื่อบุคคลเป็นผู้สมัครและมีหนังสือแจ้งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด แล้วประกาศให้สมาชิกทราบโดยผู้มีสิทธิ์เสนอรายชื่อได้แก่คณะกรรมการบริหารพรรคหัวหน้าสาขาพรรคการเมืองและตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด
ส่วนการคัดเลือกผู้สมัคร กำหนดให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดจัดประชุมเพื่อให้สมาชิกลงคะแนนเลือกบุคคลในบัญชีรายชื่อโดยให้สมาชิกลงคะแนนเลือกได้คนละไม่เกิน 10 รายชื่อซึ่งการประชุมสาขาพรรคการเมืองต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 100 คนหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 15 คนเมื่อลงคะแนนเสร็จแล้วให้หัวหน้าสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดประกาศผลการนับคะแนนของสาขาพรรคการเมืองหรือตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดนั้นแล้วรายงานไปยังคณะกรรมการสรรหาโดยเร็ว
แล้วยังมีการกำหนดให้ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ ไม่มีผลกระทบต่อการสรรหาสมาชิกผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่มีอยู่แล้ว หรือส.ส.บัญชีรายชื่อซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่แล้วในวันที่พ.ร.ป.แก้ไขเพิ่มเติมนี้ใช้บังคับ
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี