ศอ.บต.เตรียมจัดเวทีระดมสมองจากทุกภาคส่วน “โอกาสและศักยภาพของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังไทย-ซาอุฯฟื้นความสัมพันธ์” ก.พ.นี้ ข้อมูลเสนอต่อรัฐบาลเพื่อจัดทำนโยบายและแนวทางการพัฒนาร่วมกับซาอุดีอาระเบีย ด้าน “โฆษกรัฐบาล" เผยนายกฯตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน พร้อมเดินหน้าทั้งด้านการค้า การลงทุน แรงงาน ท่องเที่ยว
30 มกราคม 2565 น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา นำไปสู่การเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียอย่างสมบูรณ์ และการส่งเสริมความร่วมมือในมิติต่างๆอันจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน ในการนี้ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รายงานต่อนายกรัฐมนตรีว่า ได้กำหนดแนวทางต่อยอดโอกาสจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ดังกล่าว เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้อย่างเป็นรูปธรรม และผ่านการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ทั้งนี้ จะมีการจัดประชุมสัมมนา หัวข้อ “โอกาสและศักยภาพของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ภายหลังไทย-ซาอุฯฟื้นความสัมพันธ์” ประมาณกลางเดือน ก.พ.นี้ เพื่อระดมความคิดเห็นและรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ ข้าราชการ แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานที่ซาอุฯ และประชาชนทุกสาขาอาชีพ กว่า 500 คนที่มีประสบการณ์ทั้งการเรียน การทำงานและการใช้ชีวิตในราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งศอ.บต. จะรวบรวมข้อมูลที่ได้เสนอต่อรัฐบาล เพื่อใช้ประกอบการจัดทำนโยบายและแนวทางการพัฒนาร่วมกับซาอุดีอาระเบียต่อไป อีกทั้ง จะได้นำเสนอต่อการประชุมเอกอัครราชทูตและทูตานุทูตโลกอิสลามประจำประเทศไทยและเครือข่ายองค์กรนานาชาติด้านโลกอิสลาม ที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน มี.ค. ด้วย
น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า การจัดประชุมเอกอัครราชทูตโลกอิสลามและเครือข่ายองค์กรนานาชาติด้านโลกอิสลามดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามแผนการทำงานของศอ.บต ปี 2565 ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยฟาตอนี และสมาคม ชมรมและกลุ่มนักเรียน นักศึกษาเก่าจากโลกมุสลิม ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยจะมีการนำเสนอและแลกเปลี่ยนข้อมูลการพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในทุกมิติ ครอบคุลมด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข การมีส่วนร่วมของประชาชนและอื่น ๆ รวมทั้ง การเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปในพื้นที่ทั้งที่สำเร็จการศึกษาจากโลกมุสลิมแล้ว ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยและสานสัมพันธ์กับผู้นำประเทศที่ตนเองสำเร็จการศึกษา การนำชมพื้นที่การทำงานที่ประสบความสำเร็จจากการสร้างทรัพยากรบุคคลในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
“จากการเปิดศักราชใหม่ความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯครั้งนี้ นำไปสู่ความร่วมมือและประโยชน์ในด้านต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและพลังงานหมุนเวียน การศึกษาและวิจัย ความมั่นคง การท่องเที่ยวและกีฬา และยังส่งผลบวกต่อความรู้สึกของชุมชนมุสลิมในประเทศที่มองซาอุดีอาระเบียเป็นศูนย์กลางศาสนาอิสลาม ขณะเดียวกันจะทำให้การประสานงานและการขับเคลื่อนงานพัฒนาระหว่างจังหวัดชายแดนใต้กับซาอุดีอาระเบียที่มีมาอย่างต่อเนื่อง สามารถขยายขอบเขตและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ เพราะจะเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความร่วมมือในทุกๆด้าน” น.ส.รัชดาฯ กล่าว
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มีส่วนกับผลสำเร็จจากการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการ นายกรัฐมนตรีเดินทางในครั้งนี้ ถือเป็นผู้แทนคนไทยทุกคนทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และคนไทยที่อยู่ที่ซาอุดีอาระเบีย ภูมิใจแทนคนไทยทุกคน ที่ฝ่ายซาอุดีอาระเบียให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ สมเกียรติ ซึ่งได้นำไปสู่การปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียให้เป็นปกติ และเริ่มการวางแนวทางความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ในอนาคต ทั้งด้านแรงงาน การค้าและการลงทุน และการท่องเที่ยว สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจและมุ่งมั่นของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เพื่อเอื้อประโยชน์ให้พี่น้องคนไทยและประเทศชาติ นำความร่วมมือ ซึ่งจะเป็นการพัฒนามหาศาลกลับมาสู่ประชาชนอย่างแท้จริง
โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า เป็นผลสำเร็จจากความพยายามของรัฐบาล ที่สามารถทำให้ประเทศไทยได้รับประโยชน์อย่างหลากหลายจากการปรับระดับความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะผลประโยชน์ทางการค้าและการลงทุน เพราะตลาดซาอุดีอาระเบียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่มประเทศอาหรับ และเป็นตลาดการลงทุนสำคัญของไทย จะทำให้ผู้ประกอบการไทยส่งออกสินค้ามากขึ้น โดยข้อมูลจากหอการค้าไทย ในปี 2564 ไทยมีการทำการส่งออกไปซาอุดีอาระเบียประมาณ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 45,000 ล้านบาท) คิดเป็นเพียง 0.6% ของการส่งออกทั้งหมดจากประเทศไทย หากไทยสามารถทำการค้ากับซาอุดีอาระเบียได้เพิ่มขึ้น จะทำให้สัดส่วนทางการค้า และการส่งออกไปประเทศซาอุดีอาระเบียอยู่ที่ประมาณ 2.2% ของการส่งออกทั้งหมด ได้เหมือนปี 2532 ซึ่งหมายถึงปริมาณการค้าจะเพิ่มขึ้นไปถึงประมาณ 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 150,000 ล้านบาท)
นอกจากนี้ ยังจะเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจไทยในตลาดสินค้ารถยนต์และส่วนประกอบ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับพลังงาน พลังงานสะอาด อุตสาหกรรมอาหาร สินค้าอาหาร และอาหารแปรรูป อาหารฮาลาล สินค้าเกษตร เครื่องจักรกล เครื่องประดับ อุปกรณ์ไฟฟ้า Medical Hub และวัสดุก่อสร้าง รวมถึงสินค้าที่มีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มเติม คือสินค้าในกลุ่มเครื่องจักรอุตสาหกรรม รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ คิดเป็นร้อยละ 27.5 ของการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งล้วนเป็นสินค้านำเข้าสำคัญของซาอุดีอาระเบีย และสอดคล้องกับสินค้าส่งออกสำคัญของไทยด้วยเช่นกัน
สำหรับผลประโยชน์ด้านแรงงาน จะทำให้ทั้งแรงงานมีฝีมือและแรงงานกึ่งฝีมือได้กลับไปทำงานในซาอุดีอาระเบีย โดยเฉพาะในอนาคตอันใกล้ ช่วงที่ซาอุดีอาระเบียมีโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่จำนวนมากเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ซึ่งในอดีตเคยมีแรงงานไทยในซาอุดีอาระเบียกว่า 3 แสนคน สามารถสร้างรายได้ส่งกลับไทยมากกว่า 9 พันล้านบาทต่อปี
ส่วนด้านการท่องเที่ยว กระทรวงการต่างประเทศ คาดว่าจะมีชาวซาอุดีอาระเบียเดินทางมาท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าหลังการปรับความสัมพันธ์ ประเมินรายได้จากการท่องเที่ยวของชาวซาอุดิอาระเบียในไทย น่าจะอยู่ประมาณไม่ต่ำกว่าปีละ 5 พันล้านบาท ซึ่งชาวซาอุดีอาระเบียมีศักยภาพสูงในแง่การจับจ่ายใช้สอย เป็นกลุ่มเป้าหมายสำคัญที่จะส่งเสริมไทยในด้าน medical hub และ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Thailand Wellness
“ผลประโยชน์ของประเทศไทยและต่อพี่น้องชาวไทยที่เกิดจากการเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีล้วนมาจากความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีต่อประเทศชาติ นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกเสียงที่ชื่นชมผลสำเร็จของการทำงานในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นกำลังใจสำคัญในการทำงานต่อไปของนายกรัฐมนตรี พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนรองรับโอกาสที่ทั้งทางด้านการค้า การลงทุน แรงงาน และการท่องเที่ยว ที่เข้ามาพร้อมกับการเปิดความสัมพันธ์ครั้งนี้ เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมถึงประชาชนโดยเร็ว” นายธนกร กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี