"นายกฯ"ชูนโยบาย"30@30"ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไร้มลพิษ พร้อมเร่งมาตรการหนุน 4 แผน ร่วมเดินหน้า 4 เป้าหมาย ผลักดันห่วงโซ่ EV
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก "ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha" ระบุว่า พี่น้องประชาชนที่รักครับ เมื่อวานนี้ (29 มี.ค.65) ผมมีเรื่องที่น่ายินดี จากการได้พบปะพูดคุยกับคณะผู้บริหารธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) รวมทั้งบริษัท อมิตาเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีแนวความคิดสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในการสร้างความยั่งยืนด้านพลังงาน ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG) รวมทั้งสนับสนุนการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ ตามเป้าหมายของประชาคมโลก ซึ่งภารกิจดังกล่าวจะลุล่วงลงได้ ก็ด้วยความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและเหนียวแน่น ของภาครัฐและภาคเอกชน ที่ผ่านมา EXIM Bank ได้ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ธุรกิจ BCG ไปแล้ว ประมาณ 50,000 ล้านบาท และพร้อมที่จะขยายสินเชื่อที่ให้แก่ธุรกิจ BCG เป็น 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2570
โดยรัฐบาลได้มีนโยบายที่เรียกว่า "30@30" โดยตั้งเป้าการผลิต “ZEV” หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle) ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมด ในปี ค.ศ. 2030 หรือ พ.ศ. 2573 เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) และให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งชิ้นส่วนต่างๆ (EV Hub) ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาค และของโลก ผมและรัฐบาลชุดนี้ ได้มุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรม EV ของไทยอย่างเต็มที่ โดยได้จัดตั้ง “คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ” และได้บรรจุแผนการพัฒนา EV ไว้เป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ.2566-2570) แต่ในระหว่างนี้ ยังได้เร่งรัดให้มีมาตรการสนับสนุนที่จะมีผลบังคับใช้ในเดือน พ.ค.65 ดังต่อไปนี้
1. อุดหนุนเงิน : รถยนต์และรถกระบะ 70,000 - 150,000 บาทต่อคัน และรถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน
2. ลดภาษีสรรพสามิต : รถยนต์จาก 8% เป็น 2% และรถกระบะเป็น 0%
3. ลดอากรขาเข้า : รถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคัน (CBU) สูงสุด 40% สำหรับรถยนต์ ถึงปี 2566
4. ยกเว้นอากรขาเข้า : รถยนต์ที่ผลิตในประเทศ (CKD) จำนวน 9 รายการ
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการและผู้บริโภค รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบ ตลอดห่วงโซ่การผลิต EV ในหลายด้าน ดังนี้
1. ส่งเสริมให้มีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้น อย่างน้อย 5,000 หัวจ่าย ทั่วประเทศ ภายในปี 2570 (ปัจจุบันมี 827 หัวจ่าย) พร้อมทั้งสนับสนุนให้มีการพัฒนาแอปพลิเคชั่นบนมือถือแสดงตำแหน่งสถานีชาร์จฯ บนแผ่นที่ดิจิทัล
2. เตรียมแรงงานในอุตสาหกรรม EV ให้ได้ 30,000 คน
3. สร้างอุปสงค์ในประเทศ เช่น รถยนต์ดัดแปลงเป็น EV ประมาณ 40,000 คัน ภายในปี 2570 จากเป้าหมายการใช้ EV ในประเทศ 282,240 คัน หรือ 26% ของยานยนต์ทั้งหมด
ทั้งนี้ เป้าหมายระยะสั้น ที่เป็นรูปธรรม คือ ส่งเสริมให้มีการใช้ EV ทุกประเภท ให้มากกว่า 1 ล้านคัน ภายในปี 2568 และอีก 5 ปีจากนี้ จะมีการผลิต EV ในประเทศ ไม่น้อยกว่า 360,000 คัน โดยเป็นการใช้ในประเทศ 260,000 คัน และส่งออก 100,000 คัน ซึ่งเป้าหมายดังกล่าวไม่ได้ไกลเกินความจริง มีค่ายรถยนต์ชั้นนำของโลกนับ 10 ราย ทั้งจากยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ได้แสดงความสนใจ และตอบรับการเข้าร่วมในงานมอเตอร์โชว์ หรืองานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2022 ครั้งที่ 43 (Motor Show 2022) ที่จัดขึ้นที่เมืองทองธานี ในปีนี้ด้วย
ในการทำงานของผมในทุกๆ เรื่อง จะเริ่มจากการระดมความคิดจากผู้เชี่ยวชาญในประเทศ ในประเด็นที่ต้องการขับเคลื่อนประเทศ โดยดูตัวอย่างการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best practice) และกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จ (Success case studies) จากประเทศต่างๆ แล้วประยุกต์ให้ได้ไอเดียที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย แปลงออกมาเป็นนโยบายและแผนปฏิบัติการที่เหมาะสมกับบริบทของไทย จากนั้นผมจะอาศัยอำนาจจากตำแหน่งการบริหาร กำกับดูและและเร่งรัดการดำเนินการผ่านกลไก/คณะกรรมการต่างๆ อย่างใกล้ชิด และคอยติดตามประเมินผลผ่านการรายงาน ทั้งจากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและการรายงานความคืบหน้าผ่านการประชุม ครม. ให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อช่วงชิงความเป็น "ผู้นำ-ผู้ริเริ่ม" ในการพลิกโฉมให้ประเทศไทย ให้ก้าวสู่หนึ่งในประเทศชั้นนำของโลก ในด้านต่างๆ ที่ไม่เพียงแต่เรื่องของ EV และ BGC เท่านั้น ยังมี 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย และนโยบาย "ไทยแลนด์ 4.0" ที่ผมจะได้นำมาแจ้งความก้าวหน้าให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี