ปปช.ประสานตำรวจกองปราบฯ
ล่าพ่อรมช.ศึกษา
‘สุนทร วิลาวัลย์’ล่องหนคดีรุกป่า
ก่อนหมดอายุความ13มิ.ย.นี้
งัดแผน2ถอดพ้นนายกอบจ.
ฝ่ายค้านโวลั่นทุ่งศึกซักฟอก
ถึงขั้นรัฐมนตรีหลุดเก้าอี้แน่
ห่วงแจกกล้วยทำพรรคเล็กเป๋
ป.ป.ช.ประสาน ตำรวจ ปปป.-กองปราบฯ จัดกำลังตามจับ “สุนทร วิลาวัลย์” พ่อรมช.ศึกษาฯกับพวก คดีรุกป่าสงวนเขาใหญ่ก่อนหมดอายุความ 13 มิถุนายนนี้ พร้อมสำรองแผนสองยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งนายก อบจ.ปราจีนบุรี “ก้าวไกล” ลั่นศึกซักฟอกถึงขั้นรัฐมนตรี หลุดเก้าอี้ กลุ่มสวิงโหวต-พรรคเล็ก ตัวแปรชี้ชะตา ด้าน “เพื่อไทย” จับสัญญาณเชื่อ “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่ได้แล้ว
จากกรณีสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)มีมติชี้มูลความผิด นายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี และ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย กับพวก กรณีบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในเขต จ.ปราจีนบุรี พื้นที่กว่า 150 ไร่ ก่อนจะมีการส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ซึ่งต่อมานางกนกวรรณ ได้ไปรายงานตัวต่ออัยการเพื่อนำตัวไปยื่นฟ้อง คงเหลือนายสุนทร และพวกบางส่วน ที่ยังไม่สามารถติดต่อได้ และยังไม่ได้มีการไปรายงานตัวต่ออัยการแต่อย่างใด ตามที่ได้เคยนำเสนอไปแล้วนั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าล่าสุดว่าเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(ผบก.ปปป.) เปิดเผยว่าภายหลังมีการชี้มูลความผิด ทางสำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีการประสานมายังตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.)และตำรวจกองปราบปราม(บก.ป.)ให้ช่วยดำเนินการสืบสวนเร่งรัดติดตามจับกุมตัวนายสุนทรและพวก ที่ยังอยู่ระหว่างหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเร่งด่วน เนื่องจากคดีดังกล่าว กำลังจะขาดอายุความลงภายในวันจันทร์ที่ 13 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนแกะรอยติดตามตัว หากจับกุมได้ จะส่งดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป
สำหรับผู้กล่าวหา จำนวน 4 ราย ที่ถูกศาลฯออกหมายจับไปแล้ว คือ 1. นางสุรางค์คัณฑารมย์ เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการเดินสำรวจ 2.นายสมศักดิ์ หีบเงิน เมื่อครั้งปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการรังวัด 3. นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้นำเดินสำรวจ (ปัจจุบัน นายก อบจ. ปราจีนบุรีและยังเป็นผู้เป็นบิดาของนางกนกวรรณ) 4. นายคณิต เพชรประดับ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งช่างรังวัด 6 กรมป่าไม้
เบี้ยวรายงานตัว/ไม่รู้หายไปไหน
ขณะที่ ก่อนหน้านี้ทางสำนักข่าวอิศรา รายงานข่าวไปแล้วว่าในช่วงสายวันที่ 10 มิ.ย.2564 นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทยได้เดินทางเข้ารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต2จังหวัดระยอง เพื่อให้นำตัวยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค2 เป็นทางการแล้ว ขณะที่ นายสุนทร วิลาวัลย์ ไม่ได้เดินทางไปรายงานตัวด้วย โดยนางกนกวรรณได้แจ้งต่อพนักงานอัยการว่า มีอาการปวดขา
มีรายงานข่าวแจ้งว่าในช่วงวันที่ 8 มิ.ย.2565 เจ้าหน้าที่ป.ป.ช. ได้นำหมายเรียกตัว นายสุนทร ให้ไปรายงานต่อพนักงานอัยการในวันที่ 9 มิ.ย.2565 ไปส่งที่บ้านพักของนายสุนทร ซึ่งมีคนเซ็นรับหมายเรียกเรียบร้อย แต่ปรากฏว่าในวันที่ 9 มิ.ย.2565 นายสุนทร ก็ไม่ได้เดินทางมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ตามนัดหมายแต่อย่างใด
โดยความเคลื่อนไหวสุดท้ายของนายสุนทรคือการเดินทางไปพร้อมกับนายชาญชัย จินดาสถาพร รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ร่วมพิธีส่งมอบภารกิจถ่ายโอนสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษานวมินทราชินี(สอน.)และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)จำนวน 49 จังหวัดให้แก่องค์การบริหารส่วนจังหวัด โดยมี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและเป็นสักขีพยานในพิธีส่งมอบภารกิจ ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.2565ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากโรงแรมมิราเคิลฯแล้ว ก็ไม่มีใครทราบว่านายสุนทร เดินทางไปที่ไหนต่อ
ซึ่งในเวลานี้นายสุนทรยังไม่ได้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการเพื่อมอบตัวแต่อย่างใด
หน.ชุดจับกุมไม่ห่วงคดีรุกป่าฯ
พ.อ.พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานการปฏิบัติ(ศปป.)ที่ 4 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)ในฐานะชุดจับกุมดำเนินคดี นายสุนทรและนางกนกวรรณว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องเข้าใจว่า คดีแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ เรื่องของการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ ซึ่งมีการตรวจสอบเจอว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวนั้นออกเป็นโฉนดเมื่อปี 45 โดยเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เมื่อเข้าไปดูในรายละเอียดพบว่า การออกโฉนดดังกล่าวเป็นที่ดินมือแรกมีนายสุนทร และนางกนกวรรณ เป็นผู้เดินนำชี้พร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมที่ดินด้วย ซึ่งคดีการออกเอกสารสิทธิที่ดินโดยมิชอบนั้นเป็นคดีอาญา
สำหรับประเทศไทยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 95 เป็นบทกำหนดอายุ ความของความผิดอาญาทุกฐาน โดยกำหนดให้เริ่มนับอายุความในคดีอาญานับแต่วันที่กระทำความผิดและกำหนดอายุความสูงสุด20ปี เมื่อไปดูรายละเอียดอีกพบว่าการออกโฉนดดังกล่าวทำเมื่อปี45ถึงเวลานี้ปี 65ครบ20ปีแล้วพอดี
“ ถึงแม้คดีจะหมดอายุความในวันที่13 มิ.ย.นี้ แต่ไม่มีปัญหาเรื่องการเอาผิด เพราะเวลานี้ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีไปเรียบร้อยแล้วนอกจากเจ้าของที่ ผู้นำชี้การรังวัดที่ดิน รวมไปถึงเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ต้องมีความผิดด้วย”พ.อ.พงษ์เพชร กล่าว
สำรองแผน2ถอดพ้นนายกฯอบจ.
นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีเอาผิดนางกนกวรรณ วิลาวัย์ รมช.ศึกษาธิ การ และนายสุนทร วิลาวัลย์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี กรณีการบุกรุกที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ช่วงปี 2545 ที่คดีจะหมดอายุความวันที่ 13 มิ.ย.ว่า ในส่วนคดีนางกนกวรรณ จะหมดอายุความเดือน ก.ค.นี้ ถือว่าไม่มีปัญหา เพราะสามารถนำตัวส่งอัยการฟ้องดำเนินคดีต่อศาลได้แล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องอายุความ
“แต่กรณีนายสุนทร คดีจะหมดอายุความวันที่ 13 มิ.ย.นี้ หากยังไม่ได้ตัวส่งให้อัยการดำเนินคดีก่อนที่คดีหมดอายุความ ถือว่าคดีสิ้นสุด ทำอะไรต่อไปไม่ได้ คดีนี้นี้มีอายุความ 20 ปี นับจากวันที่กระทำผิดในปี 2545 แต่ป.ป.ช. เพิ่งได้รับสำนวนคดีจากตำรวจมาปี 2563 ก็เร่งพิจารณามาโดยตลอด จนสรุปสำนวนชี้มูลความผิดได้ ขณะนี้พยายามประสานกับทางตำรวจเต็มที่เพื่อหาทางนำตัวนายสุนทรมารายงานตัวต่ออัยการให้ทันวันที่ 13 มิ.ย.นี้ก่อนคดีหมดอายุความ หากกรณีนายสุนทรหมดอายุความไปจริง ป.ป.ช.จะไปพิจารณาดำเนินการถอดถอนนายสุนทรออกจากตำแหน่งนายกอบจ.ปราจีนบุรีต่อไป”นายนิวัติไชย กล่าว
“ดำรง”ชี้คดีในปปช.ไม่มีอายุความ
ด้านนายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่าตนไม่แน่ใจว่าตำรวจหมายถึงคดีอื่น หรือเปล่าที่จะหมดอายุความ แต่สำหรับคดีนักการเมืองที่ป.ป.ช.รับเรื่องและดำเนินการ คดีจะไม่มีอายุความ
ส่วนนายนิพนธ์ จันทเวช เลขาธิการสภาทนายความ ในฐานะโฆษกสภาทนายความฯเปิดเผยว่า ตามกฎหมายการดำเนินคดี ต้องได้ตัวผู้ต้องหามาก่อนอายุความจะหมดสิ้นซึ่งการที่ผู้ต้องหาจะมอบตัวเองหลังจบหมดสิ้นอายุความก็ไม่สามารถดำเนินขั้นตอนสอบสวนว่าได้กระทำผิดจริงหรือไม่ คือ ไม่ได้เป็นผู้ต้องหาแล้ว ไม่อาจไปจับกุม หรือนำตัวส่งฟ้องได้ ทางเดียวที่จะทำได้คือให้ตำรวจ หรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมาย รีบหาตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องก่อนคดีหมดอายุความ
‘ก้าวไกล’ลั่นศึกซักฟอกถล่มเข้มข้น
สำหรับความคืบหน้าการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีแบบรายบุคคลของพรรคร่วมฝ่ายค้านจำนวน10รัฐมนตรีนั้น นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล(ก.ก.)กล่าวว่าในส่วนพรรคอยู่ขั้นการเตรียมความพร้อมอย่างละเอียด ตามมาตรฐานของพรรคโดยมีการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดและถี่ถ้วน ซึ่งเป็นการคัดเลือกข้อมูลต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างดีที่สุดยืนยันว่าเราทำได้ดีกว่าเดิมแน่นอนเนื่องจากทุกครั้งเราจะมีข้อมูลโยงถึงคณะรัฐมนตรีและจะเป็นประเด็นที่ฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถตอบได้อีกทั้งยังได้รับข้อมูลเข้ามาเรื่อยๆแต่ต้องมีการตรวจสอบหาความเชื่อถือ ส่วนไหนสามารถโยงถึงรัฐมนตรีอีกครั้ง
ส่วนการอภิปรายรัฐมนตรีและประเด็นนั้นอยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อม ส่วนประเด็นการอภิปราย จะรวมกันแต่ข้อมูลของแต่ละพรรคจะแยกกัน ในส่วนรายละเอียดจะเปิดเผยในวันอภิปรายจริง
“ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว อยากให้ทุกพรรค อย่าคิดว่าเป็นฝักเป็นฝ่าย ถ้ารัฐมนตรีคนไหนที่ไม่สามารถตอบได้ หรือนายกฯไม่สามารถตอบได้ ก็ควรจะลงคะแนนอย่างตรงไหนตรงมาอย่าไปล็อบบี้หรือทำอะไรอย่างที่เคยมีมาในอดีต หากทำแบบนี้ จะทำให้สภาเสียหาย ถ้าครั้งนี้ทุกฝ่ายได้ฟังข้อมูลอย่างละเอียดและขอให้ตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศมาก”นายธีรัจชัย กล่าว
ชี้กลุ่มสะวิงโหวต-พรรคเล็กตัวแปร
เมื่อถามอีกว่าจะเกิดการต่อรอง แจกกล้วย หรือ ต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกันเข้มข้นหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ที่เมื่อตำแหน่งว่าง จะเกิดการต่อรองขึ้น เพื่อเป็นเสียงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่จะเป็นอย่างไรไม่สามารถก้าวล่วงได้ ทั้งนี้ ยังไม่มีเรื่องพรรคฝ่ายค้านหารือกับกลุ่มสะวิงโหวตเพื่อโหวตไม่ไว้วางใจและเชื่อว่าพรรคเศรษฐกิจไทยและพรรคเล็กถือเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งฝ่ายรับบาลก็ต้องการล็อกเสียง เป็นธรรมดา
ขู่ศึกซักฟอกถึงขั้นรมต.หลุดเก้าอี้
เมื่อถามว่า รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลเริ่มถูกดำเนินคดี เช่น นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)หรือนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า อาจเป็นเรื่องจังหวะพอดี แต่ทำให้ความน่าเชื่อถือของฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายรัฐมนตรีที่มีจะลดลงไป ซึ่งนั่นอาจเป็นประเด็นหนึ่งที่เป็นตัวเสริมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเท่านั้น แต่ไม่ใช่ประเด็นหลักในการอภิปราย และไม่ใช่การเมืองที่ทำให้เกิดเรื่องดังกล่าว
“ช่วงสมัยสุดท้ายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนี้ รัฐมนตรีต้องเสียหายอย่างมาก อาจจะถึงขั้นหลุด ถ้าไม่สามารถตอบได้จริง อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ”นายธีรัจชัย กล่าว
ย้ำจุดยืนศท.เน้นประโยชน์ปชช.
นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.)กล่าวถึงแนวทางและจุดยืนของพรรคเศรษฐกิจไทยหลังร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ว่าทิศทางและจุดยืนของพรรคมีความชัดเจนมาตลอด พรรคยืนในหลักไม่ว่าจะเรื่องของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน หากเป็นประโยชน์ของประชาชน เราโอเคและสนับสนุน แต่หากไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน หรือ เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการบริหารประเทศเราไม่เห็นด้วย แม้วันนี้เราจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่ไม่มีรัฐมนตรีอยู่ในคณะรัฐมนตรีและยังมีส.ส.ของพรรค เป็นวิปร่วมรัฐบาลอยู่แต่หากเรื่องนั้นขัดต่อแนวทางของพรรค เราจะไม่ตามทุกเรื่อง
ชี้รอฟังข้อมูลฝ่ายค้านซักฟอกก่อนลงมติ
ส่วนที่ร.อ.ธรรมนัสระบุว่ามีเพียง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนเดียวที่ไม่น่าเป็นห่วงแต่ยังไม่ระบุแน่ชัดจะลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไรจุดยืนของพรรคในการลงมติรัฐมนตรีแต่ละคนจะเป็นอย่างไรนายบุญสิงห์ กล่าวว่า เนื่องจากพรรคเศรษฐกิจไทย ยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราคงไม่ร่วมลงชื่ออภิปราย จึงจะขอฟังข้อมูลการอภิปรายก่อน
เมื่อถามว่ามองว่าพรรคฝ่ายค้านมีจุดมุ่งหมายในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของการทำงานทั้งสภาผู้แทนฯชุดนี้และรัฐบาล นายบุญสิงห์ กล่าวว่าคิดว่าฝ่ายค้านคงจะถือโอกาสนี้ที่จะเอาสิ่งที่ฝ่ายค้านยังค้างคาใจอยู่ ที่อาจจะเป็นข้อมูลเด็ดตามที่ปรากฏเป็นข่าว หากเป็นข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง เป็นสิ่งที่พิสูจน์ชัดเจนได้ว่าสังคมสนใจ
“ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะมีผลอย่างไรต่อรัฐบาลหรือนั้น ก็อยู่ที่ข้อมูลของฝ่ายค้าน ที่จะนำเสนอและสามารถชี้เรื่องจุดบกพร่องของรัฐบาลออกมาได้ คิดว่าจะมีผลกระทบ แต่หากข้อมูลไม่มีน้ำหนัก อาจจะไม่สามารถไปกระเทือนรัฐบาลได้เท่าไร”นายบุญสิงห์ ย้ำทิ้งท้าย
พท.จับสัญญาณบิ๊กตู่ไม่มั่นใจ3สมรภูมิ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมระบุไม่อยู่จนตายคารัง อาจเป็นนายกฯนานหน่อย แต่ขึ้นอยู่กับประชาชนว่า พล.อ.ประยุทธ์ อาจกำลังส่งสัญญาณ แสดงถึงความไม่มั่นใจในการก้าวเข้าสู่ 3 สมรภูมิสุดท้ายที่กลายเป็นอุปสรรคขวากหนามสำคัญคือ 1.การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลตามมาตรา 151 2.การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กับร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 3.การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมกันแล้วไม่เกิน 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในเดือนส.ค.2565
นายอนุสรณ์กล่าวว่าถ้าไม่เข้าตาจน พล.อ.ประยุทธ์ อาจไม่นึกถึงประชาชน ก่อนหน้านี้ บอกว่าไม่ออก “มึงมาไล่ดูสิ”มาวันนี้ บอกว่าอยู่หรือไปขึ้นกับประชาชน สวนทางในสิ่งที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐ บอกตั้งแต่แรกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มา เพื่อพวกเรา การให้ ส.ว.250คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจากประชาชน เห็นชอบให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เป็นหลักฐาน ยืนยันชัดว่า การกระทำของพล.อ.ประยุทธ์สวนทางกับคำพูดหรือไม่
ม็อบ‘เดินไล่ตู่’เสื้อแดงร่วมไล่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา14.00น.ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มคนแดงเราเพื่อนกันและกลุ่มแนวร่วมมารวมตัวเพื่อทำกิจกรรม“เดินไล่ตู่”ซึ่งจะเดินขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยผู้จัดกิจกรรมได้เตรียมใช้เส้นทางจากถนนราชดำเนินกลาง ถนนพิษณุโลก ถนนเพชรบุรี และถนนพญาไทเพื่อประกาศจุดยืน ไม่ต้องการรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีกลุ่มมวลชนทยอยเดินทางมาเข้าร่วมกิจกรรม โดยบรรยากาศได้มีการเปิดเพลงจากรถเครื่องเสียงบริเวณหน้าร้านแม็คโดนัลด์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี