พลันก๊วน3นิ้วหวนคืนชีพ ปลุกสมรภูมิม็อบ!ช่างสอดคล้องกับสถานการณ์ฝ่ายค้านเปิกเกมรุกคืบยึดสภาหินอ่อน ยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจใช้เดินเกมอุณหภูมิเดือดปุดรับกลยุทธ์ล้มล้างขั้วอำนาจเก่า
แง้มตำราเปิดซักฟอก! ปิดประตูล้อม “รัฐบาลบิ๊กตู่” ในสภา ขณะที่นอกสภาได้ลุยคู่ขนานกันเอาไว้หมดแล้ว
การหวนกลับมาอีกครั้งสำหรับ “ม็อบ3นิ้ว” หลังห่างหายไปจากหน้าสื่อ-คนข่าวสายม็อบ-สายโซเชียลออนไลน์ นานร่วมหลายเดือน นับตั้งแต่เปิด “สมรภูมิแยกสามเหลี่ยมดินแดง” กันตู้มต้ามๆ ช่วงปลายปี 2564 ยันรับต้นปีปัจจุบัน
บางมุมมองส่วนหนึ่ง ต้นเหตุโรคโควิด-19 สายพันธุ์ “โอมิครอน” ลามระบาดเข้าไทยอย่างหนักตั้งแต่ต้นๆศักราชปี 65 เป็นต้นมา “ดินแดงเดือด” จากที่ท้องถนนเคยอุดมสมบูรณ์ไปด้วย “ปะทัด-พลุไฟ-ระเบิดปิงปอง” ยันสิ่งเทียมแสวงเครื่องต่างๆจากฝั่งผู้ชุมนุมวัยโจ๋ สุดห้าว ค่อนไปทางแว๊นซิ่ง
กระทบกระทั่งกันกับ “แก๊สน้ำตา-กระสุนยาง” จากฟากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้ถือกฎหมาย รักษากบิลบ้านกบิลเมือง จนกลายเป็น “มิคสัญญี” ย่อมๆกลางกรุงที่แปรเปลี่ยนเป็น “ทุ่งสังหาร” บันเทิงป่วนชั่วคราวช่วงพลบค่ำของทุกวัน เลือดตกยางออกกันไปไม่น้อย ก็ค่อยๆจางหายเข้าไปในม่านหมอกโอมิครอน ต่างคนต่างถอยกลับเข้าที่ตั้งพักกาย พักใจ เซฟโควิด
กลับมาวันนี้ถ้ามองกันชัดๆ หลังการประกาศชัยชนะท่วมท้น “มหานครแห่งเมืองกรุง” ของ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” มานั่งเป็นพ่อเมือง “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” คนใหม่ อย่างเป็นทางการ ก็เทคแอกชั่นเป็นสื่อเป็นข่าวพรีเซ้นต์ตัวเองอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งแต่รับตำแหน่ง
ประเด็นสำคัญที่เกี่ยวโยงกับม็อบนั่นก็คือ หนึ่งในแนวทางของผู้ว่าฯชัชชาติ ที่จะจัดหาพื้นที่โซนนิ่งให้มีการชุมนุมการเมือง แล้วจะมีการอำนวยความสะดวกตามสิทธิขั้นพื้นฐาน แต่ก็ยังไม่ทันที่จะพอเป็นรูปธรรม ผนวกกับสถานการณ์ของเจ้าโควิดตัวร้ายบรรเทาเบาบางลง
บรรดาวัยรุ่นกลางม็อบ สายทำกิจกรรม หัวโจก หัวรุนแรง ไปจนกระทั่งนักรับจ้างม็อบต่างผสมโรงกันในนามเดิมคือพันธมิตร “3นิ้ว” เริ่มกรีฑาทัพออกมาชุมนุมเรียกร้องตามสถานที่ต่างๆ อย่างมีนัยยะสำคัญบางประการ แบบชนิดที่เรียกว่าบอกไม่ถูก
วีรกรรมแรกในรอบหลายเดือนก็ผุดปะทุขึ้นมาอีกครั้ง เสาร์ที่ “11 มิ.ย.2565” เป็นฤกษ์ของวัยรุ่น3นิ้ว จัดแคมเปญ “เดินไล่ตู่” หรือขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นัดรวมตัวที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในช่วงบ่าย2โมง ก่อนเคลื่อนที่ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ ในช่วงเย็นก่อนแยกย้าย
มิคสัญญีย่อมๆกลางกรุงฯก็บังเกิด เสมือนฉายเทปวนซ้ำกลับไปเมื่อช่วงรอยต่อปี64เข้าปี65 ตำรวจต้องจัดกำลังออกมารับแรงกระแทก ควบคุมสถานการณ์ ผลที่เกิดขึ้นหลักๆ มีรถตำรวจถูกทุบ-เผาทำลายเสียหาย 3 คัน ท่ามกลางความงุนงงสงสัยจากหลายฝ่ายในม่านการเมืองว่า “อยู่ๆทำไมถึงออกกันมาช่วงนี้” เพื่ออะไร?
ตลอดทั้งห้วงสัปดาห์ช่วงกลางเดือนมิ.ย. มาก็แทบจะเข้าสู่สภาวะตกเย็นไปม็อบ ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ไล่รัฐบาล-ยกเลิกมาตรา112 -ปล่อยเพื่อนเรา-ปล่อยนักโทษการเมือง ค่ำๆอีกพวกก็ออกมาปะทะเดือดกับตำรวจที่แยกดินแดง พอได้ที่แล้วก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน แม้ความรุนแรงจะลดลงเลยจุดพีคมาไกลแล้ว แต่บ้านเมืองยิ่งบอบช้ำลงไปมากขึ้นทุกที
เป็นที่น่าสังเกต!!ทำไมถึงออกกันมาช่วงนี้? ย้อนไปช่วงที่โควิดโอมิครอนระบาดหนักจนม็อบต้องกลับไปจำศีล สถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะในสภาฯ ก็ร้อนแรงไม้แพ้กัน ชนิดที่ว่า ห้ำหั่นกันอย่างไม่ปราณี ประกอบกับสถานการณ์ของรัฐบาลที่สารพัดปัญหารุมเร้า
ปัญหาปัจจัยภายนอก “สงครามรัสเซีย-ยูเครน”กระทบมายังภายในประเทศ ส่งผลให้ “น้ำมันแพงมหาโหด-สินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวพุ่งสูงขึ้น” ไม่แคร์คนหาเช้ากินค่ำ หรือมนุษย์เงินเดือนกันเลย ก็ทำเอารัฐบาลไปไม่เป็นเหมือนกัน
ซ้ำยังไปเข้าทางปืน “ฝ่ายค้าน” ที่สบช่องหาทางล้ม “รัฐบาลบิ๊กตู่” อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็เปิดช่องหาแผลยื่นอภิปรายไม่วางใจ เตรียมซักฟอก “นายกฯ-10รมต.” กลางสภาฯในเร็วๆนี้แล้ว นับเป็นศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายที่จะชี้ชะตารัฐบาล หรือจะเป็นฝ่ายค้านเองที่ล้มไม่ลงต้องซมซานกลับมาอีก
“คีย์แมน” คนคุมทิศทางการเดินของม็อบ3นิ้วเอง ก็คงจะเห็นเช่นกันว่า ในช่วงที่รัฐบาลกำลังเมาหมัดน้ำมันของแพงทั้งแผ่นดิน จึงอาศัยช่วงนี้กดปุ่มออกมาลุยล้มรัฐบาลอีกทาง เปรียบเสมือนวลีเด็ดที่บรรดาคนทำม็อบการเมืองมักพูดกันติดปากก็คือ “ร่วมกันเดิน แยกกันตี”
แต่เท่าที่ดูจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นว่า รู้ทางรู้เหลี่ยมกันไปเสียหมดเเล้ว ก็รบกันกลางแยกดินแดงมาแทบจะเหมือนกับ “มองตาก็รู้ใจ” ฝ่ายรัฐจึงไม่ไขว้เขว อาศัยหลักนิติรัฐเข้าดำเนินการเหมือนที่เคยปฏิบัติมา บวกกับไม่หุนหันพลันแล่น ประเมินสถานการณ์ตลอด ใช้ความใจเย็น แต่เข้มงวดทางกฎหมาย
ล่าสุดได้ดำเนินคดีถึง “13ผู้กระทำความผิด” ต้องนอนคุกทันที11ราย จากการชุมนุมในห้วงที่ผ่านมา รวม4คดี จากการชุมนุม3ครั้งที่ผ่านมา ภายหลังศาลฯไม่ให้ประกันตัว เพราะข้อหาถือว่าร้ายแรง โทษสูง ใช้ความรุนแรงในที่สาธารณะ หากให้ประกันไป อาจจะหลบหนีได้
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแผลลุกลามแพร่ไปยัง “ตัวพ่อ” ของวงการ3นิ้วอย่าง “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้า ที่ถูกมองเป็นหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังการเดินเกมก่อการ “พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน” ก็ถูกตำรวจออกหมายเรียกเสริฟไปยังหน้าบ้าน ในคดี “มาตรา112” เป็นครั้งแรก แต่เจ้าตัวก็ยังดึงดันจะเดินหน้า “ปฏิรูปสถาบัน”
ฟากฝังซีก “พรรคก้าวไกล” ก็เร่งเดินเกมอีกสาย ดิ้นออกมาแฉ มีการข่มขู่คุกคามจากแพทย์ในเรือนจำต่อ “2แกนนำหญิงใบปอ-ผักบุ้ง” แห่งกลุ่ม “ทะลุวัง” ที่ถูกจองจำอยู่ภายในเรือนจำ พร้อมเรียกร้องให้ “รมว.ยุติธรรม” ออกมาตรวจสอบในเรื่องนี้ด่วน
การอาศัยจังหวะช่วงนี้ออกมาของ “ม็อบ3นิ้วแอนด์คณะก่อการผู้อยู่เบื้องหลัง” หวังโหมกระแสติดสอยห้อยตามเกาะ “ผู้ว่าฯชัชชาติ” ที่กำลังฟีเวอร์ หวังจุดติดขึ้นมาอีกรอบ แต่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองรู้ทันกลเกมทั้งหมด เริ่มเดินเกมออกหมายเรียกแกนนำคนสำคัญอย่าง “ปิยบุตร” เจาะยางให้เห็นด้วยการเริ่มดำเนินการกับ “ท่อน้ำเลี้ยง” บ้างแล้ว ฝั่งเสียประโยชน์แน่นอนคงจะเป็นพรรค-คณะสีส้มๆแถวๆนี้
แถมเจอภาพบาดใจชาว3นิ้ว ที่ “นายกฯบิ๊กตู่” ไปยืนกุมมือ กับ “ชัชชาติ” กลางทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ฝั่งพรรคสีแดงๆ ก็รอเคลมอยู่ไกลๆ แถมบุกถิ่นเมืองดอกลำดวน “ศรีสะเกษ” หนีบเอาแกนนำคนสำคัญของคนเสื้อแดง ไปเอาคืนพรรคสีน้ำเงินกับยุทธการ “ไล่หนูตีงูเห่า” พรึ่บแดงฉานทั่วสนามบินกันแล้ว
สถานการณ์ต่อจากนี้คงเข้มข้นขึ้นไปอีก ฟากการเมืองในสภาฯที่ร้อนแรงสุมไฟรับกับศึก “อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” ภาคสุดท้าย ผนวกกับการเมืองบนท้องถนนของ 3 นิ้ว ที่พยายามโหมปลุกกระแสขึ้นมาอีกครั้ง แม้จะดูไม่เป็นเอกภาพไปในแนวทางเดียวกัน ซ้ำยังคอยเคลมผลงานกันเองอยู่เรื่อย
แต่ก็ยังเป็นงานหนักของ “รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์” ในภาวะเศรษฐกิจเจอผลกระทบน้ำมัน-ข้าวของแพงระยับ เรียกขานก้าวสู่ภาวะเงินเฟ้อ แถมยังต้องรับมือศึกใหญ่ทั้งใน-นอกสภาฯ คาดว่า เมื่อถึงช่วงวัน ว. เวลา น. ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ในสภาฯเจอฝ่ายค้านคอยทะลวง นอกสภาฯคงจะหนีไม่พ้นชาว3นิ้วบุกประชิดรัฐสภาอย่างแน่นอน เตรียมตัวบันเทิงกันได้เลย
ทว่าปฐมบทเกมการเมือง ที่แสดงภาพออกมา “รัฐบาลบิ๊กตู่” จะอยู่หรือไปหรือแค่แผลถลอกจากการรบกลศึก “ในสนามนอกสนาม” ในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “ฝ่ายใดพ่ายแพ้ ฝ่ายใดกุมชัยชนะ” ย่อมส่งผลต่อเส้นทางเข้าสู่อำนาจที่คืบคลานใกล้เข้ามาในการเลือกตั้งใหญ่ต่อจากนี้ไป..!!!
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี