‘ชัชชาติ’ โผล่สภาฯผนึก‘กมธ.คมนาคม’คุยกรุยทางแก้ระบบสัญจรเมืองกรุงฯ-ปริมณฑล เผยแนวคิดเตรียมโอน ‘ตร.จราจร’ ขึ้นตรงกทม. รับหนักอกแก้ปม ‘รถไฟฟ้าสายสีเขียว’ มาพร้อมกับหนี้แสนล้าน แจงเก็บ 59 บาทตลอดสาย หวังสางส่วนต่อขยายที่ 2ทันทีหักอกตั๋วร่วม ไม่ช่วยแก้โครงสร้าง แค่ช่วยอำนวยความสะดวกชำระเงิน จ่อคุย‘ปธ.กรุงเทพธนาคม’เคาะคืบหน้า 2 ก.ค.นี้
30 มิ.ย.2565 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานกมธ.ฯ เป็นประธานการประชุม มีวาระที่สำคัญคือการพิจารณาแนวนโยบายการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยกมธ.ฯ ได้เชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้ามาชี้แจงรายละเอียดในประเด็นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกรณีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ข้อเสนอแนวคิดเก็บค่าโดยสารเพดานไม่เกิน 59 บาท เป็นต้น
นายโสภณ กล่าวว่า ที่เชิญนายชัชชาติมาวันนี้ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงการจัดการการคมนาคมทั้งระบบ ในช่วงวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปีของผู้ว่าฯกทม. เราอยากฟังว่านายชัชชาติจะทำอะไรบ้าง ทางกมธ.ฯจะได้ช่วยสนับสนุนหากติดขัดเกี่ยวกับกฎหมายประการใด เพื่อให้การทำงานเดินไปได้ ถ้าความเห็นตรงกัน ผู้ว่าฯกทม.สามารถตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาทำงานร่วมกับกมธ.ฯ ในการศึกษาการคมนาคมของกทม.
ด้านนายชัชชาติ กล่าวว่า ถ้าเราดูการทำงานในนโยบายด้านคมนาคม ก็เป็นนโยบาย 1 ใน 9 ด้านของกทม. เกี่ยวกับการสัญจร ซึ่งเราเตรียมจะทำระบบสัญญาณไฟจราจรอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีร่วมกับตำรวจ จะมีกล้องควบคุมสภาพการจราจรเชื่อมโยงไปถึงการจ่ายใบสั่งหรือค่าปรับ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงสภาพถนนจะดึงเทศกิจมาช่วยการจราจรใน กทม. ในอนาคตอาจมีแนวคิดโอนตำรวจจราจรมาขึ้นตรงกับกทม. แต่ยังมีภารกิจที่ยังเกี่ยวพันกันอยู่ ต้องดูว่าจะพร้อมแค่ไหนหากโอนมาแล้ว กทม.ได้มีการโอนย้ายเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาแล้ว ส่วนระบบขนส่งมวลชน กทม.มีแนวคิดเดินรถเมล์เองในบางจุดเสริม ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) โดยกทม.จะขอใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อเดินรถเสริมในบางเส้นทางร่วมกับขสมก. ขณะเดียวกันจะเตรียมเพิ่มจำนวนรถเมล์สำหรับผู้พิการด้วย
นายชัชชาติ กล่าวว่า ปัญหาที่หนักอกที่สุดคือเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว กทม.จะมีรถไฟฟ้าในการดูแล 2 สายคือ 1.รถไฟฟ้าสายสีเทา ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ และช่วงพระโขนง-พระราม3 เลียบทางด่วนรวมอินทราอาจณรงค์-พระราม 3 และ 2.สายสีเงิน ช่วงบางนา-สุวรรณภูมิ ขณะนี้มีแนวคิดว่าการก่อสร้างโครงการใหญ่ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุน เพราะกทม.ไม่ได้มีผู้เชี่ยวชาญ หากกทม.เป็นเจ้าของรถไฟฟ้าเพิ่ม ก็จะกลายเป็นว่าแยกจากระบบขนส่งรวมจากรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) ถ้าเกิดว่าสามารถรวมให้เกิดตั๋วราคาเดียวกัน หรือตั๋วร่วม และมีเจ้าของเพียงผู้เดียว เหมือนอย่างฮ่องกง หรืออังกฤษ ดังนั้นรถไฟฟ้า2สายที่กทม.ดูแล จะเจรจาว่าสามารถให้รัฐบาลดูแลเพียงผู้เดียวได้หรือไม่
ผู้ว่าฯกทม. กล่าวต่อว่า สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเขียว กำลังคลี่คลายปัญหาอยู่ เนื่องจากสัญญาจะหมดในปี 2572 แต่บังเอิญมีการต่อสัญญาล่วงหน้าออกไปอีกจากปี 2572-2585 ในการจ้างเอกชนเดินรถ เมื่อมีสัญญาผูกพันกับเอกชนแล้ว ต้องไปดูเงื่อนไขว่า เราจะทำอะไรเกินจำเป็นไม่ได้ รวมทั้งมีภาระเรื่องหนี้ที่รัฐบาลลงทุนไป แล้วโอนมาให้กทม. รวมกับหนี้ที่จ้างเดินรถประมาณ 100,000 ล้านบาทที่ยังค้างชำระ แต่ต้องมาพิจารณาอีกทีว่าจะแบ่งจ่ายอย่างไร นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมาแล้ว เราก็คงต้องดูแลต่อไป
นายชัชชาติ กล่าวถึงข้อเสนอของให้เก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าในเพดานไม่เกิน 59 บาทว่า รถไฟฟ้าแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนขยายที่ 1 เราเก็บค่าโดยสาร 15 บาท ส่วนไข่แดงเก็บค่าโดยสาร44บาท แต่ส่วนขยายที่ 2 ไม่เคยเก็บเลย แต่ไม่ได้ฟรีเนื่องจากกทม.จ้างเอกชนเดินรถ ซึ่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย TDRI จึงเสนอให้ขยายเพดานเป็นไม่เกิน 59 บาทในทั้ง 3 ส่วน ขณะที่สภาองค์กรของผู้บริโภค ออกมาระบุ มีประชาชนเพีย 3 เปอร์เซ็นต์ที่ใช้บริการรถไฟฟ้า ซึ่งหากเอาภาษีประชาชนไปใช้จ่ายในส่วนนี้อาจจะไม่ค่อยแฟร์นั้น ยืนยันว่าแนวคิดการเก็บค่าโดยสารเพดานไม่เกิน 59 บาท เป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นในส่วนขยายที่ 2 เท่านั้น
สำหรับข้อเสนอของสภาองค์กรของผู้บริโภค ที่ให้เก็บค่าโดยสารเพดานไม่เกิน 44 บาท จึงเป็นไปได้ยาก เพราะแค่ในส่วนไข่แดงเก็บ 44 บาทก็ขาดทุนแล้ว นอกจากนี้แนวคิดตั๋วร่วม อย่าเข้าใจผิดว่าจะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาราคารถไฟฟ้าได้ เพราะตั๋วร่วมเป็นเพียงการอำนวยความสะดวกในการชำระเงิน แต่ไม่ได้เปลี่ยนโครงสร้างราคา ปัจจุบันมีการใช้ระบบเทคโนโลยีต่างๆ เพียงใช้บัตรเครดิตก็สามารถใช้บริการได้ทุกที่
ต่อมาภายหลังหารือแล้วเสร็จ ในเวลา12.00น. นายโสภณ ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะที่เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เราอยากทำงานร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. คือมาเอ็กซเรย์ปัญหาและกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานใน กทม. โดยทางกมธ.จะตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาและแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยทางผู้ว่าฯ กทม. จะส่งคนมาร่วมเป็นอนุกรรมาธิการด้วย
ขณะที่นายชัชชาติ กล่าวว่า การทำงานของ กทม.ต้องประสานกับหลายหน่วยงานรวมทั้งรัฐบาลด้วย เพราะหลายอย่างไม่ได้อยู่ในอำนาจของเรา รวมทั้งกฎหมายต่างๆ บางครั้งอาจจะต้องมีการปรับแก้เพื่อให้กฎหมายที่ทันสมัย สามารถตอบโจทย์คน กทม.ได้ จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ กมธ.เชิญมาเพราะสุดท้ายแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์ และการตั้งอนุกรรมาธิการฯ เพื่อที่จะได้เห็นปัญหาและแก้ปัญหาได้เลย ส่วนเรื่องปัญหาค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว สัปดาห์หน้าน่าจะมีความคืบหน้า โดยตนจะพบนายธงทอง จันทรางศุ ประธานบริษัทกรุงเทพธนาคมจำกัด (เคที) ในวันที่ 2 ก.ค.นี้
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี