ยอมรับ‘มิก29’บินรุกล้ำน่านฟ้าไทย

‘เมียนมา’ขอโทษ

ผบ.ทอ.เดือดเตือนอย่าลํ้าเส้นอีก

ไทยพร้อมตอบโต้อย่างเด็ดขาด

ยันระบบป้องกันทางอากาศยังดี

โต้คำวิจารณ์‘F16’ขึ้นบินรักษาแดนช้า

“นายกฯบิ๊กตู่” เผยเมียนมาขอโทษแล้ว หลังส่งเครื่องบินรบ MIG 29ยิงถล่มกะเหรี่ยงชนกลุ่มน้อยแล้วตีวงเลี้ยวล้ำน่านฟ้าไทย อ้างไม่มีเจตนา ผบ.ทอ.เปรียบเปรย พม่าคือเพื่อน เขาพลาดเดินตัดสนามหญ้า จะยิงเขาตายเลยหรือ ยันทัพไทยมีสมรรถนะเพียงพอในการปกป้องอธิปไตย ยันระบบป้องกันทางอากาศดีการตัดสินใจไม่ได้วัดที่ความเร็วแต่ต้องสุขุม รอบคอบเหมาะกับสถานการณ์ รับเดือดยิ่งกว่าคนไทย เตือนพม่าอย่าล้ำเส้นอีก พร้อมตอบโต้อย่างเด็ดขาด เผยการสู้รบ “เมียนมา-กะเหรียง” ยังดุเดือดเสียงปืนลั่นสนั่นชายแดน มีผู้หลบภัยเข้าชายแดนไทยเกือบพัน

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีกองทัพอากาศเมียนมาส่งเครื่องบินรบMIG29 บินล้ำเข้ามาในเขตน่านฟ้าไทยบริเวณบ้านวาเล่ย์ใต้ อ.พบพระ จ.ตาก ประมาณ4-5กิโลเมตรว่าได้ประสานไปแล้ว เขายอมรับและได้ขอโทษมาแล้ว ซึ่งเขาไม่ได้ตั้งใจเจตนาโดยชี้แจงว่า ตีวงเลี้ยวเข้ามาในเขตไทยนิดหน่อย แล้วเครื่องบินเราก็ขึ้นไปเพื่อแจ้งเตือนเขาแล้ว มันก็เป็นมาตรฐานต้องทำแบบนี้ วันนี้ทางทูตทหาร ก็ได้คุยกับเขาแล้ว ตนก็คุยแล้ว เขาก็ขอโทษมา

“นี่คือ สิ่งที่เป็นเรื่องที่มองดูอาจเป็นเรื่องใหญ่ แต่มันขึ้นอยู่ว่าเราจะทำเรื่องใหญ่ให้มันใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกมั้ย วันนี้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันแล้วฉะนั้นมีอะไรก็พูดคุยหารือกัน สิ่งสำคัญคือเรามีสมรรถนะพอเพียงที่จะป้องกันอธิปไตยของเราไว้ได้ แต่วันหน้าก็ต้องดูว่าเรามีความเข้มแข็ง ทันสมัยเพียงพอหรือไม่ในอนาคตไว้ด้วย ฝากไว้ด้วยละกัน ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหรอก “พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

‘แม่ทัพฟ้า’บินลงพื้นที่เชียงใหม่

วันเดียวกัน พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ(ผบ.ทอ.)ได้ขึ้นสถานีเรด้าร์ ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ท่ามกลางสายฝน และอากาศเย็น13องศา โดยมี พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตตะนันท์ รอง ผบ.ทอ.,พล.อ.อ.ลงกรณ์ วัณณรถ ผช.ผบ.ทอ.ร่วมคณะและพล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ (ผบ.คปอ.) ที่รับผิดชอบสถานีเรดาร์ทั่วประเทศ

โดยได้รับทราบรายงานการปฏิบัติหน้า เฝ้าตรวจชายแดนหลังจากที่สถานีเรด้าร์ที่นี่ก็สามารถจับความเคลื่อนไหวของเครื่องบิน Mig 29ของเมียนมา ที่ใช้อาวุธโจมตีชนกลุ่มน้อย แนวชายแดนไทย-เมียนมา และบินล้ำแดนไทยเข้ามาเมื่อวานนี้ ด้วยเช่นเดียวกับสถานีเรด้าร์ที่กาญจนบุรีจึงได้รายงานไปยังศูนย์ปฏิบัติการกองทัพอากาศ ดอนเมือง ก่อนจะมีการสั่งการให้เครื่องบินF-16จากกองบิน 4 ตาคลี นครสวรรค์ ขึ้นทำการบินสกัดกั้น และลาดตระเวนรบทางอากาศ

ยันระบบป้องกันทางอากาศดี

จากนั้นพล.อ.อ.นภาเดชให้สัมภาษณ์ถึงข้อวิจารณ์การปฏิบัติงานของ ทอ.กรณีที่เครื่องบินรบประเทศเมียนมาร์ล้ำน่านฟ้าว่า สิ่งที่เกิดขึ้นได้มีประชาชนและแฟนคลับแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์กันว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศดีหรือไม่หรือเครื่องบินของ ทอ.มีไว้ใช้ในการแสดงวันเด็กหรือเปล่า หรือกระทั่งพูดว่าผบช.ระดับสูงของทอ.มีวิจารณญาณในการตัดสินใจช้าเกินไปหรือไม่ ที่ท่านแสดงความเห็น ก็มีส่วนถูกต้อง แต่ขอบอกว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของเราดีมาก ไม่ใช่อย่างที่หลายคนแสดงทัศนะ เครื่องบินและนักบินของเราดี มีความรู้ มีประสบการณ์และสุดท้ายการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชาระดับสูงก็มีการตัดสินใจที่ดี ซึ่งการตัดสินใจที่ดีไม่ได้วัดกันที่ความรวดเร็ว แต่ต้องสุขุม รอบคอบ เหมาะกับสถานการณ์

ยอมรับเดือดยิ่งกว่าคนไทย

“ผมจะบอกตามตรงว่าผมก็เหมือนกับทุกท่าน ผมก็เดือดเหมือนกัน บางทีอาจจะเดือดกว่าพี่น้องประชาชนอีกด้วย สิ่งที่เราดำเนินการไปแล้ว เราได้ประสานติดต่อกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง ของกองทัพอากาศเมียนมา เพื่อขอให้กำกับดูแล ให้การปฏิการณ์อะไรก็แล้วแต่ ในเขตแดนของท่าน ขอให้อยู่ในขอบเขต อย่าได้ล่วงล้ำเข้ามา”ผบ.ทอ.ย้ำ

พม่าขอโทษเหตุสภาพอากาศไม่ดี

พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวอีกว่า“ผมก็ได้รับทราบถึงคำขอโทษ และเหตุผล จริงเท็จอย่างไรก็ให้ว่ากันไปก่อนเขาให้เหตุผลว่าเมื่อวานช่วงนี้สภาพอากาศไม่ดีจริงๆและเป็นการเกิดขึ้นครั้งแรกที่ผ่านมา เขาก็ระมัดระวัง ประกอบกับภูมิประเทศ หากมองจากคนที่อยู่บนฟ้า บางทีอาจจะมองไม่เห็นว่าได้ผ่านล้ำ หรือตัดผ่านเข้ามาในบ้านของคนอื่น ซึ่งเขตแดนไทย เมียนมา ไม่ใช่สั้นๆการข่าวของเราที่ดี เราก็รู้ล่วงหน้า แต่ไม่ว่าเราจะรู้ล่วงหน้า หรือรู้เฉพาะหน้าจากเรดาร์ เราก็ส่งเครื่องบินขึ้นไป ภาพที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกร่วมกันของประชาชนชาวไทยที่ไม่ชอบ ถ้าผมเป็นเขา ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น”

พร้อมยืนยันว่า เรามีระบบเรดาร์ตรวจจับและมีสายข่าวที่ดี สามารถรู้ได้ว่า เขาจะปฏิบัติการเมื่อใด ในพื้นที่ไหน หากรู้ล่วงหน้าก็จะส่งเครื่องบินขึ้นไป ปฎิบัติการ Combat air patrol เพื่อแสดงท่าทีว่า พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ของเราหรือหากตรวจพบก็จะส่งเครื่องบินขึ้นไปลาดตระเวนรบรักษาเขต และ air interception

ขอให้ปชช.เชื่อมั่นกองทัพอากาศ

“ขอให้พี่น้องประชาชนได้เชื่อมั่นในกองทัพอากาศอย่างเช่นที่เคยเชื่อมั่นมาตลอด และโปรดไว้วางใจเรา ผมก็เป็นเหมือนทุกท่านนั่นแหละที่รักชาติ จึงขอให้ความเชื่อมั่นว่าเครื่องบินที่เราส่งขึ้นไป การขึ้นไปของนักบินของเรา ยังพบว่าทางโน้นยังมีความพลั้งพลาดด้วยเจตนาจงใจหรือไม่ ก็ตาม เราจะดำเนินการในขั้นเด็ดขาดแต่ภายใต้ต้องคำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ไม่ทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ และไม่ทำให้เรื่องใหญ่ ให้ใหญ่ขึ้นไปอีก”ผบ.ทอ.กล่าว

ชี้พม่าคือเพื่อนเขาพลาดจะยิงเลยหรือ?

เมื่อถามว่าหากมีอีกครั้งจะดำเนินการอย่างไร ผบ.ทอ.กล่าวว่าโดยปกติการป้องกันภัยทางอากาศมี 3 ลำดับ พิสูจน์ฝ่าย สกัดกั้น ทำลาย แต่เมียนมาร์ คือเพื่อน ถ้าเพื่อนพลั้งเผลอเดินตัดสนามหน้าบ้านแล้วเราจะไปยิงเขาตายเลย ก็เกินไป เพราะฉะนั้นการปฏิบัติการที่เหมาะสม จึงอยู่บนพื้นฐานเพื่อนปฏิบัติต่อเพื่อน ตนเชื่อว่าขณะนี้เขาตระหนักในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

ส่วนในโซเชียลมีเดียได้พูดถึงF-35หากมีประจำการในกองทัพอากาศไทยจะทำให้เมียนมาระมัดระวังการปฏิบัติการต่างๆกว่านี้หรือไม่ พล.อ.อ.นภาเดชกล่าวว่า ถ้าเราคิดจะมีของดี ตนไม่อยากให้คนไทยขัดขากันเอง เพราะจะพลาด ดังนั้นร่วมสนับสนุนให้ได้มาจะดีกว่า ถึงแม้จะพลาด หรือไม่ได้ ก็ขอให้เป็นขั้นตอนที่สหรัฐไม่ขายให้จะดีกว่า ไม่ใช่ไปขัดขากันไปมา เราพลาดในการต่อสู้ในยกแรก แทนที่จะเป็นในยกสุดท้าย อยากให้คนไทยสามัคคีกันในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งดีๆที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมือง ขออย่าโยงเรื่องเหล่านี้ เพราะไม่เกี่ยวอะไรกัน

ทัพฟ้าชี้แจงปฎิบัติตามขั้นตอน

ก่อนหน้านี้พล.อ.ต. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ ชี้แจงภายหลังที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการนำ F16 ของกองทัพอากาศขึ้นบินขู่บริเวณชายแดนไทยเมียนมาว่ามีความล่าช้าโดยยืนยันว่าผู้ปฏิบัติของกองทัพอากาศ เราปฏิบัติตามขั้นตอน วิธีการปฏิบัติ ที่มีอยู่ อย่างต่อเนื่อง เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น และได้รับการแจ้งเตือนจากระบบเรดาร์ภาคพื้น มายังที่ศูนย์ยุทธการทางอากาศ นักบินก็พร้อมวิ่งขึ้นภายใน 5 นาที ระยะทาง 100 กว่าไมล์ ประมาณ10กว่านาทีก็จะถึงเป้าหมาย แต่การไปด้วยเครื่องรบทางอากาศ นักบินก็ต้องระมัดระวัง แต่เครื่องที่เข้ามาเมื่อวาน เขาเข้ามาแป๊ปเดียว แล้วก็ออกไป ในลักษณะการใช้อาวุธ และโอเวอร์ชูต เข้ามาในพื้นที่ ที่เป็นภูมิประเทศ ที่เป็นภูเขา ต้นไม้ ซึ่งเขาไม่เห็นหรอก ก็เห็นใจ นักบินที่อยู่ข้างบิน

“แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขามาบินอยู่แนวชายแดน ในพื้นที่ของเขา ไม่ได้มีกระทบ ไม่ได้มีแนวโน้ม เป็นภัยคุกคามกับเรา ซึ่งก็ต้องเฝ้าดู โดยเหตุที่เกิดขึ้นคาดว่า เป็นลักษณะของการใช้อาวุธ และยกตัวขึ้น และก็บินโอเวอร์ซูตมาในบ้านเรา ซึ่งภูมิประเทศเป็นป่า เป็นเขา ดูไม่รู้หรอกว่าตรงไหน เป็นชายแดน “ โฆษกกองทัพอากาศ กล่าว

บอก2ชาติมีสัมพันธ์อันดี

ส่วนจากการประเมิน ทราบวัตถุประสงค์ หรือทราบฝ่าย หรือยังนั้น โฆษกกองทัพอากาศ ระบุว่า ต้องเข้าใจก่อนว่า ประเทศไทย กับประเทศเพื่อนบ้านความสุมพันธ์ ดีมาก เราพูดคุยกันทุกระดับอยู่แล้ว ซึ่งเจตนา จริงๆ เขาไม่ได้ต้องการมารุกบ้านเรา ซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมช้า โฆษกกองทัพอากาศ ย้ำว่า ถ้าเครื่องบินนั้นมีทิศทางความเร็วสูง เป็นเครื่องไฟต์เตอร์ ไม่มีแผนการบิน รับรองได้ว่า เราสกัดกั้นที่ชายแดน ทันที แต่ตรงนี้ ไม่ใช่ คนละสถานการณ์กัน ต้องแยกแยะ ไม่ใช่วิเคราะห์รวมกันไปหมด ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆขอให้ดูข้อเท็จจริงด้วย แลดูผู้ปฏิบัติที่เขามีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ ที่เขาดำเนินการอยู่ โดยเฉพาะนักบิน และผู้ที่ควบคุมทางอากาศ

พร้อมยืนยันว่าผบ.ทอ.ไม่ได้นิ่งนอนใจและสั่งการชัดเจนว่าการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและได้แจ้งเตือนไปยังผู้นำของกองทัพอากาศเมียนมาผ่านผู้ช่วยทูตทหารอากาศว่าต้องไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจเราพร้อมปกป้องประเทศชาติ เต็มที่

หนีภัยสงครามเข้าไทยเกือบพัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าศูนย์สั่งการชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก ได้ออกเอกสารชี้แจงสถานการณ์ชายแดนพื้นที่ จ.ตาก ว่า วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เกิดการปะทะกันระหว่างทหารเมียนมากับกองกำลังชนกลุ่มน้อยเชื้อสายกะเหรี่ยง บริเวณบ้านอุเกรทะ อ.วาเล่ย์ใหม่ จ.เมียวดี ด้านตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ จ.ตาก ลึกเข้าไปในฝั่งเมียนมา ประมาณ 1 กม.โดยทหารเมียนมาได้ใช้อากาศยาน สนับสนุนการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ปัจจุบันการปะทะได้ยุติลงแล้วเมื่อเวลา17.00น.วันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มีผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาได้เดินทางเข้ามายังฝั่งไทย 855 คน ในพื้นที่ปลอดภัยชั่วคราวต.วาเล่ย์ อ.พบพระ2แห่งคือ1.บ้านมอเกอร์ไทย ผู้หนีภัยยอดเดิม 281คน เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 26 คน และสมัครใจเดินทางกลับเมียนมา2คน ยอดคงเหลือ305คน2.บ้านวาเล่ย์เหนือ เดินทางเข้ามาฝั่งไทย 550 คน

เมียนมา-KNUยังเปิดฉากยิงเดือด

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานจาก อ.พบพระ จ.ตาก ว่า เมื่อเวลา 11.00 น.ทหารเมียนมาได้ส่งเครื่องบินMIG-29 ยิงจรวดใส่ฝ่ายต่อต้าน ซึ่งประกอบด้วยทหารเคเอ็นยู อดีตทหารดีเคบีเอ ทหารพีดีเอฟ และทหารเคเอ็นดีโอ ที่ค่ายอูเกรทะ บริเวณตรงข้ามบ้านวาเล่ย์ใต้ ต.วาเล่ย์ อ.พบพระ มากถึง 9 รอบ ส่งเสียงดังสนั่น แต่ไม่ล้ำน่านฟ้าไทย

ขณะที่ การสู้รบทางภาคพื้นดิน ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายกะเหรี่ยงสามารถยึดค่ายทหารเมียนมาได้ 2ใน 4 ส่วนและพยายามจะยึดค่ายทั้งหมด เนื่องจากเป็นยุทธภูมิที่ดีสำหรับการสู้รบ