ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จำคุกเทพไท และน้องชายคนละ 2 ปี ตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี จบคดีประวัติศาสตร์โกงเลือกตั้ง นายก อบจ.เมืองคอนเมื่อปี 2557
วันที่ 6 กรกฎาคม 2565 เวลา 10.00 น. ที่ห้องพิจารณาบัลลังก์ 9 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ศาลฎีกา ได้อ่านคำพิพากษาฎีกา คดีหมายเลขดำที่ 174/2562 หมายเลขแดงที่ 485/2563 ซึ่งมีนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นน้องชายของนายชิณวรณ์ บุณยเกียรติ สส.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ และนายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายก
อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นพี่น้องกัน ได้เดินทางมาถึงศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชในเวลา 09.15 น. ด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลยี่ห้อโตโยต้าอัลพาร์ทสีดำ ทะเบียนป้ายแดง ข - 4480 ปทุมธานี ท่ามกลางกองเชียร์ที่อยู่ด้านหน้าศาลจำนวนมาก ก่อนที่จำเลยทั้งสองจะเดินขึ้นไปบนศาลเข้าบัลลังก์9 เพื่อฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โดยก่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ทางตำรวจศาลได้ใส่กุญแจมือจำเลยทั้งสองคนก่อนอ่านคำพิพากษา ซึ่งศาลฎีกาได้ใช้เวลาอ่านพิพากษา.30นาทีและศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค8 ให้จำคุกจำเลยที่ 1และที่ 2คนละ2ปีและตัดสิทธิ์ทางการเมืองคนละ 10 ปี
สำหรับคดีนี้เป็นคดีประวัติศาสตร์คดีการเมืองอีกคดีหนึ่งในคดีกระทำผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้ง โกงเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 คดีหมายเลขดำที่ 174/2562 หมายเลขแดงที่ 485/2563 ซึ่งมีนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นน้องชายของนายชิณวรณ์ บุณยเกียรติ สส.นครศรีธรรมราช เป็นโจทก์ และนายมาโนช เสนพงศ์ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช เป็นจำเลยที่ 2 ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุกนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 2 คนละ 3 ปี แต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563ที่ผ่านมา โดยนายมาโนชและนายเทพไท สองพี่น้องผู้ต้องหาได้ยื่นขอประกันตัวและยื่นอุทธรณ์สู้คดีในชั้นอุทธรณ์ และ และต่อมาเมื่อ11พค.2564 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้มีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คน เป็นเวลา 2 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี โดยหลังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค8แล้วนายมาโนชและนายเทพไท ได้รับการประกันตัวระหว่างรอฎีกา โดยวางหลังทรัพย์คนละ 1.5 ล้านบาทและยื่นสู้คดีชั้นศาลฎีกาต่อไปนั้น
สำหรับจุดเริ่มต้นคดีนี้ เริ่มมาจากจากการทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี2557 ซึ่งมีการแข่งขันอย่างเข้มข้นระหว่างนายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นน้องชายนายชิณวรณ์ บุณยเกียรติ สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป.กับนายมาโนช เสนพงศ์ น้องชายนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราชคนดัง พรรค ปชป. จนผลการเลือกตั้งนายมาโนช ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ทำให้นายพิชัยได้เข้าร้องกับทาง กกต.ว่านายมาโนชและนายเทพไท ทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง โดยมีการจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อปี 2556 ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งมีคำสั่งให้ใบแดงนายมาโนช
หลังจากนั้น กกต.เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับนายมาโนชและนายเทพไท แต่ภายหลังคดีล่าช้าในกระบวนการชั้นพนักงานสอบสวน จนถึงชั้นอัยการ นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายก อบจ.นครศรีธรรมราชในฐานะผู้เสียหายโดยตรง จึงตัดสินยื่นฟ้องคดีด้วยตัวเอง ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำคุกนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 2 คนละ 3 ปี แต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ตัดสิทธิ์เลือกตั้ง 10 ปี เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2563ที่ผ่าน และต่อมาศาลอุทธรณ์ภาค8ได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และจำเลยทั้งสองได้มีการยื่นฎีกาสู้คดีในชั้นศาลฎีกา จนวันนี้(6กค.)ศาลฏีกาได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาคดีดังกล่าวที่ห้องพิจารณาศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเวลา 09.00น.จนมีคำพิพากษาศาลฎีกาดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี