เมื่อเวลา 15.38 น.วันที่ 22 กรกฎาคม ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 จำนวน 11 คน เป็นวันที่ 4 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตอนหนึ่งว่า พอกันที 8 ปีที่พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คนไทยมืด 8 ด้าน ทั้งที่มืดไปแล้ว 3 ด้าน กับยุทธศาสตร์ 3 แกนแห่งอนาคต เมื่อแถลงออกมาก็มีฉันทมติสหบาทาจากทุกฝ่าย ว่า 3 แกนคือ 3 กลวง เพราะนายกฯ ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่ ยกตัวอย่าง ที่นายกฯ พูดถึงแกนที่ 1 เรื่องโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ที่บอกว่าใกล้เสร็จแล้ว ทั้งที่สัญญา 3 สนามบิน ที่คืบหน้า 0% หรือรถไฟไทย-จีน คืบหน้า 6% จึงไม่รู้ว่าใกล้เสร็จของนายกฯ กับนักลงทุนเป็นความย้อนแย้งหรือไม่ ชัดเจนว่าถ้าปล่อยให พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อก็จะเละเป็นโจ๊ก เหมือนตอม่อโฮปเวลล์ ตนไว้วางใจไม่ได้กับความมั่วของอุตสาหกรรมอีวี ที่นายกฯ บอกว่าจะทำให้ไทยเดินนำหน้าทุกประเทศ ซึ่งถูกจีนแซงหน้าไปมากแล้ว ในช่วงที่หนี้สาธารณะสูงที่สุด ค่าครองชีพสูงที่สุด และค่าปุ๋ยแพงที่สุด สิ่งที่ประชาชนอยากได้ยินจากนายกฯ คือทางแก้ของแพงค่าแรงถูก ไม่ใช่มาพูดเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน หรือรถยนต์อีวี
นายพิธา กล่าวต่อว่า เท่าที่ตนฟังนายกฯ จี้แจงมาตลอด 4 วัน พบว่านายกฯ มีแกน 3 คือ นายกฯ คือตัวทำลายศักยภาพของประเทศ คือแกนที่หนึ่ง ทำลายศักยภาพไทยในต่างประเทศ คือแกนที่สอง และทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน คือแกนที่สาม โดยแกนที่หนึ่ง คือ ตลอด 3 ปีนายกฯ ใช้งบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท อย่างสุรุ่ยสุร่าย และไม่มีประสิทธิภาพ เช่น นายกฯ ไม่มีความกล้าชนเพื่อเจรจากับนายทุนผู้ผลิตไฟฟ้าเพื่อให้ค่าไฟถูกลง นอกจากนี้ ยังมีการทุจริต และไม่มีความสุจริตอย่างเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติกรรมลอยนวลพ้นผิด กรณีการจัดซื้อจีที200 ที่ไม่มีชื่อของผู้เซ็นอนุมัติจัดซื้ออยู่ในสำนวนคำฟ้อง ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังมีข้อกังขาการครอบครองนาฬิกาหรูว่ามีที่มาอย่างไร ถ้า ให้พล.อ.ประวิตร จำซีเรียลนัมเบอร์ไม่ได้ ก็มาเอาที่ตนแล้วไปเช็คที่ห้างพารากอนฯ คืนนี้ก็ได้ จะได้รู้ทันทีว่ามีที่มาจากที่ไหน และเจ้าของชื่ออะไร
นายพิธา กล่าวว่า แกนที่สอง พล.อ.ประยุทธ์ ทำลายศักยภาพไทยในต่างประเทศ โดยนโยบายการต่างประเทศของไทยกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตที่จำเป็นต้องมีผู้นำที่เก่ง และมีไพ่หลายใบในการเจรจา เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนไทยให้ได้มากที่สุด ตนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ รู้ว่าการต่างประเทศกับระเบียบการทูตนั้นต่างกัน การที่ท่านได้รับการเชิญให้ไปต่างประเทศเยอะๆ ไม่ใช่การต่างประเทศ แต่เป็นระเบียบทางการทูต คือไม่ได้หมายความว่าท่านมีความสามารถทางการต่างประเทศแต่อย่างใด ด้วยความที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความเข้าใจเรื่องการต่างประเทศนี้ ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ มองว่าปัญหาเมียนมาเป็นเรื่องเล็กน้อย จึงปล่อยให้เครื่องบินเมียนมาเข้ามาในน่านฟ้าไทย ซึ่งอาจจะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ต้องขึ้นศาลโลกในอีก 10-20 ปี ในฐานะอาชกรสงครามหรือไม่
นายพิธา กล่าวว่า แกนที่สามคือ การทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน กรณีการใช้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งไม่ได้ทำให้ศักยภาพคนในสังคมดีขึ้น ทั้งที่เป็นหน้าที่ของนายกฯ ที่ต้องเป็นผู้ริเริ่มในการแก้ไข มาตรา 112 ด้วยซ้ำ ไม่ใช่พวกตน เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปข้างหน้าได้ เพราะความรู้สึกของประชาชนเปลี่ยนไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งปวงที่กล่าวไป ทำให้ประชาชนสิ้นหวัง นายกฯ ตอบตนได้หรือไม่ ทเหตุใดประเทศไทยจึงมีคนฆ่าตัวตายมากที่สุดในอาเซียน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ คือ ช่วงอายุ 25-34 ปี นั่นเป็นเพราะความสิ้นหวังของคนไทย ที่เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ
“นายกฯ คนต่อไปจึงต้องเป็นคนที่ทำงานเพื่อประชาชนก่อนตัวเอง ต้องเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ มีความสามารถ รอบรู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เป็นคนที่มีความฝันแต่ไม่เพ้อฝัน พร้อมที่จะดึงพลังสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานร่วมกัน แม้จะมีความเห็นต่าง เพื่อสร้างประเทศที่ดีกว่าไปด้วยกัน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ โดยเป็นที่พิสูจน์ แล้วว่า รัฐนาวาที่นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ มายาวนาน 8 ปี ไม่ได้พาเราไปที่ไหน และการเดินทางควรจะจบได้ในวันที่ 23 ก.ค.เป็นต้นไป” นายพิธา กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี